หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 410 มีคู่หมั้นดีขนาดนี้จะไม่แต่งได้อย่างไร
ตอนที่ 410 มีคู่หมั้นดีขนาดนี้จะไม่แต่งได้อย่างไร
หลินเว่ยเว่ยทำตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์ “ทางท่านแม่ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ! ”
อย่างมากสุดก็แค่งัดไม้ตายออกมา…ใช้เหตุผลที่ว่ากลัวบัณฑิตน้อยจะกลายเป็นเฉินชื่อเหม่ย1…แค่เหตุผลนี้ก็เพียงพอแล้ว ฮ่าฮ่า !
ในที่สุดหลินจื่อเหยียนก็ออกจากสนามสอบ เสื้อผ้าบนตัวเขามีรอยยับย่นเต็มไปหมด ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงแต่ท่าทางยังดูอารมณ์ดีใช้ได้
“หยางยี่หราน สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือ ? ” หลินจื่อเหยียนเห็นเพื่อนร่วมห้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้าผากมีผ้าชุบน้ำวางทาบไว้จึงเข้ามาถามด้วยความห่วงใย
หยางยี่หรานถอนหายใจ “โชคไม่ดี ห้องที่ข้าได้นั่งสอบมีหลังคารั่ว แม้จะใช้กระดาษน้ำมันแปะรูรั่วไว้แล้ว แต่ฝนตกทั้งคืน กระดาษคำตอบของข้าก็พลอยเปียกไปด้วย…ข้าคงหมดหวังในการสอบครั้งนี้แล้ว ! ”
หลินจื่อเหยียนตบบ่าเขาพลางพูดปลอบใจ “พวกเรายังเด็ก ปีนี้ก็แค่มาลองสนามสอบ เจ้าดูอย่างพวกศิษย์พี่เมิ่ง พวกเขาก็ไม่ได้สอบซ้ำอีกรอบหรือ ? ปีหน้าเตรียมตัวให้พร้อมแล้วค่อยคว้าอันดับดี ๆ รวดเดียว ! ”
หยางยี่หรานยังคงถอนหายใจ “ขอให้เป็นแบบที่เจ้าว่า แต่มันก็มีทางนี้ทางเดียว ! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
หลินจื่อเหยียนยกมุมปากขึ้น แต่เพราะเป็นห่วงจิตใจของเพื่อนร่วมห้อง เขาจึงรีบระงับอารมณ์เอาไว้ “ห้องที่ข้าไปนั่งยังพอใช้ได้ แต่ตอนกลางคืนยืดขาออกไปข้างนอกไม่ได้จึงนอนหลับไม่ค่อยสนิท ! ข้อสอบนั้นข้าเขียนจนจบ ส่วนคะแนนจะออกมาเป็นอย่างไร…รอให้สวรรค์ตัดสินแล้วกัน ! ”
หยางยี่หรานพูดด้วยความอิจฉา “ความรู้ของเจ้าได้ศิษย์พี่เจียงคอยชี้แนะ จะต้องออกมาดีแน่นอน ! พอผลสอบออกแล้ว เจ้าคงได้เป็นบัณฑิตถงเซิง ! ”
“ก็ไม่แน่หรอก ! เป็นไปได้สูงที่คะแนนจะขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ตัดสิน ไม่รู้ว่าคำตอบของข้าจะเข้าตาเจ้าหน้าที่ตัดสินผลสอบในครั้งนี้หรือเปล่า ! ” สำหรับคำตอบในครั้งนี้ หลินจื่อเหยียนถือว่าพอใจกับมัน…บางที อาจจะเข้าตาก็ได้ ?
ทว่าทั่วทั้งเมืองจงโจวย่อมมีพยัคฆ์ซุ่มซ่อนมังกรเร้นกายอยู่ บางทีอาจมีผู้เข้าสอบที่โดดเด่นกว่าเขาอยู่อีกก็ได้ ดังนั้นจะพูดให้ดูมั่นอกมั่นใจเกินไปไม่ดี เช่นนั้นผลที่ตามมาอาจเหมือนเป็นการตบหน้าตัวเอง !
เมื่อบัณฑิตที่เหลืออีกสามคนออกมาก็ถามว่าสอบเป็นอย่างไรบ้าง เผิงหยูเหยี่ยนตอบอย่างถ่อมตน “พอได้ ! ”
เมิ่งจิ่งหงตะโกนเสียงดังลั่น “เฮอะ ! หัวข้อของทฤษฎีเชิงนโยบายค่อนข้างห่างไกลความจริง ข้าไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง แต่…ข้าก็เขียนจนจบ…สหายหลิ่วเป็นอย่างไร ? ”
หลิ่วจงเทียนบีบสันจมูก “เหมือนเจ้านั่นแหละ ไม่มั่นใจเลย ! ”
“เอาเถิด ! เดิมทีคิดจะพาพวกเจ้าไปเลี้ยงฉลองหลังสอบเสร็จที่หอจุ้ยเกา ! แต่หยางยี่หรานไม่สบาย ดังนั้นเราจึงได้แต่กลับไปทำอาหารฉลองกันเองที่บ้านเช่า ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นบรรยากาศค่อนข้างอึมครึมจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาออกจากเรื่องสอบ
หยางยี่หรานพูดด้วยความรู้สึกไม่ดี “พวกท่านไปกันเถิด อย่าให้ข้าเพียงคนเดียวมาส่งผลต่อทุกคนเลย ! ”
“ได้อย่างไร ? อาหารของหอจุ้ยเกาก็รสชาติธรรมดา ข้ากินอาหารฝีมือพี่รองยังดีกว่า ! ” หลินจื่อเหยียนลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังป่วย ถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวแล้วทุกคนไปกินอาหารฉลองกันมื้อใหญ่ หากเป็นตัวเขาเองก็คงรู้สึกแย่ ยิ่งไปกว่านั้นหยางยี่หรานยังทำข้อสอบได้ไม่ดี จึงจำเป็นต้องมีคนคอยเข้าใจและปลอบใจ
พอเมิ่งจิ่งหงได้ยินแบบนั้นก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ใช่ ใช่ ! อาหารหอจุ้ยเกาก็มีแค่รสเผ็ด ถ้าครั้งนี้เราสอบผ่านระดับฝู่ซื่อ แล้วก็ยังต้องเข้าร่วมระดับเยวี่ยนซื่อในครั้งต่อไปอีก หากป่วยเป็นร้อนในขึ้นมา ได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้ม “ตกลงตามนี้ ! เราจะกลับไปฉลองที่บ้านเช่า ! เพื่อเป็นการให้รางวัลทุกคน ข้าอนุญาตให้สั่งอาหารที่อยากกินที่สุดได้คนละอย่าง ! ”
เมิ่งจิ่งหงชิงพูดก่อนทันที “ข้าอยากกินปลากระรอกทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ! ถ้าไม่มีปลากระรอกก็เอาปลาชนิดอื่นมาแทนได้ ! ”
หลินจื่อเหยียนขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้นก็ต้องหาซื้อปลาให้ได้ก่อนถึงจะทำได้ ! ”
“บังเอิญมาก ! เช้านี้ข้าเพิ่งเจอพ่อค้าขายปลาที่ตลาด ! ปลากระรอกทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ผ่าน ! ” ในที่สุดปลาที่หลินเว่ยเว่ยใส่ไว้ในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณก็ได้ใช้งาน อีกเดี๋ยวตอนเอาออกมาก็จะยังแข็งอยู่และมันก็อธิบายยาก นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ห้องครัวเป็นเขตหวงห้าม นอกจากตนแล้ว คนอื่นห้ามเข้าเด็ดขาด !
เผิงหยูเหยี่ยนก็สั่ง ‘หมูตงพอ’ ที่ชอบกิน เขาบีบก้อนเนื้อบริเวณหน้าท้องของตน ช่วงนี้เพราะยุ่งอยู่กับการสอบจึงดูเหมือนจะผอมลง กินเนื้อเพิ่มอีกนิดหน่อยก็คงไม่มีปัญหาหรอกกระมัง ?
แต่ท่านแม่เคยเตือนเขาว่าพอเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วก็ถึงเวลาที่เขาจะแต่งงาน ดังนั้นจะกินจนตัวบวมเกินไปไม่ได้ อย่างนั้นเจ้าสาวจะรังเกียจ…แต่เฉียงเอ๋อร์…อาจไม่ชอบให้เขาผอมก็ได้ ?
“ได้ ข้าให้ร้านขายเนื้อเก็บหมูสามชั้นอย่างดีไว้ให้แล้ว ประเดี๋ยวค่อยไปเอา ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องยาก
หลิ่วจงเทียนสั่ง ‘หัวสิงโตน้ำแดง’ แม้แต่หยางยี่หรานที่เพิ่งไข้ขึ้นเมื่อครู่ก็สั่ง ‘มันเทศเคลือบน้ำเชื่อม’ …เจ้าหมอนี่ชอบกินของหวาน
“ถึงตาข้าแล้ว ! ” หลินจื่อเหยียนแทบอดทนไม่ไหว “ข้าอยากกินเบอร์เกอร์ลา2 ! ”
เขาบังเอิญได้ยินชื่ออาหารชนิดนี้จากปากพี่รองและอยากกินมาโดยตลอดแต่ก็ไม่มีโอกาส น้อยครั้งที่พี่รองจะให้สั่งอาหารได้ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะคว้าโอกาสนี้ไว้ !
เขาเพิ่งพูดชื่ออาหารเสร็จก็โดนตบเข้าที่ศีรษะทันที “เบอร์เกอร์ลาอะไร ? รู้หรือไม่ว่าแม่ครัวไม่อาจทำอาหารโดยมีแค่ข้าว ? ข้าจะไปหาเนื้อลาจากไหน ? หรือต้องซื้อลามาเชือดสด ? ”
หลินจื่อเหยียนเศร้าทันที สุดท้ายต้องยอมจำนน “ถ้าเช่นนั้น…ก็ได้ ! พี่รองทำอะไรข้าก็กินได้หมด ของที่ผลิตโดยพี่รองต้องเป็นของดีแน่นอน ! ของที่พี่รองทำต้องอร่อยมาก ! ”
“แบบนี้ค่อยว่าไปอย่าง ! ” หลินเว่ยเว่ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ แต่คนอื่นส่งสายตาดูแคลนให้เขา…คนช่างประจบ !
หลินจื่อเหยียนมองตอบ พวกเจ้าไม่ใช่คนช่างประจบ ? ข้าก็ทำตามพวกเจ้าทั้งนั้น !
เมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนหันมามองหน้ากันแล้วรีบละสายตาดูแคลนออกจากตัวหลินจื่อเหยียน เพราะหลังจากเห็นสีหน้าของกันและกันแล้วก็รู้ทันทีว่า…ตนก็ช่างประจบจริง ๆ !
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเจียงโม่หานที่ไม่พูดไม่จามาโดยตลอด “บัณฑิตน้อย เจ้าอยากกินอะไร ? พูดมาได้เลย แม้จะเป็นเนื้อมังกรบนฟากฟ้า ข้าก็จะคิดหาวิธีทำให้เจ้า ! ” เหตุผลที่นางกล้าพูดจาโอ้อวดขนาดนี้เพราะเก็บนกขี้บ่น (เฮเซลบ่น) ไว้ในห้วงมิติ 2 ตัว เก็บแบบยังมีชีวิตอยู่ด้วย !
พอหลินจื่อเหยียนได้ยินแบบนั้นก็รีบประท้วงทันที “พี่รอง ท่านสองมาตรฐาน ! เหตุใดเขาได้ทุกอย่าง แต่ข้าอยากกินเนื้อลากลับไม่ได้ ? ”
“เหลวไหล ! ก็เพราะเขาเป็นว่าที่คู่ชีวิตของข้าในอีกตลอดครึ่งชีวิตที่เหลือ ส่วนเจ้าเป็นอะไร ? ” หลินเว่ยเว่ยไม่ปกปิดความลำเอียงแม้แต่น้อย…มีคู่หมั้นดีขนาดนี้ก็ต้องตามใจและเอาใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ต้องทำให้เขา…ไม่อยากไปจากนางแม้แต่ก้าวเดียว !
หลินจื่อเหยียนมุ่ยปาก “หากท่านไม่ออกเรือน ข้าก็เป็นครึ่งชีวิตที่เหลือ…”
“เลิกเพ้อฝัน ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดขัดเขาทันที “ในเพลงก็ร้องเอาไว้แล้วว่า ‘นกสี่เชวี่ยน้อยหางยาว แต่งภรรยาแล้วลืมแม่…’ แม้แต่แม่ยังลืมได้ แล้วนับประสาอะไรกับน้องชายอย่างเจ้า ? อีกอย่างมีคู่หมั้นดีขนาดนี้ จะไม่แต่งได้อย่างไร ? เห็นข้าโง่หรือไร ? ”
หลิ่วจงเทียนรีบดึงตัวหลินจื่อเหยียนที่มีสีหน้าบูดบึ้งไปกระซิบว่า “เจ้าพูดให้น้อยหน่อย ท่านแม่ของข้าบอกว่าเวลาคุยกับสตรีจะใช้เหตุผลไม่ได้ ต้องตามใจและเอาใจ ไม่อย่างนั้นเจ้าได้เห็นดีกับนางแน่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยได้ยินที่เขาพูดจึงพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ใช่ ! ฟังที่พวกผู้ใหญ่สอนไว้ให้ดี ไม่ผิดแน่ ! บัณฑิตน้อย เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าอยากกินอะไร ? ”
[i]
1 เฉินชื่อเหม่ย คือ ตัวแทนของผู้ชายเลวทรามที่ทรยศต่อภรรยา
2 เบอร์เกอร์ลา คือ แซนวิชที่รับประทานกันทั่วไปในฉางชา