หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 416 ข้าชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้
ตอนที่ 416 ข้าชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้
“ฮึ ! ถือว่ารู้หน้าที่ ! แบบนี้ข้าชอบ ! ” หลินเว่ยเว่ยชอบทำอาหารก็จริง แต่นางไม่ชอบงานล้างจานเลย
เจียงโม่หานจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “ต่อไปนี้ข้าจะเป็นคนล้างจานของที่บ้านเอง ! ”
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วยื่นมือไปบีมแก้มของเขา “ข้าชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้ที่สุด ! ”
เจียงโม่หานคว้ามือคู่เล็กที่แสนจะอวดดีของนางแล้วกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ระวังคนอื่นจะมองไม่ดี ! ”
หลินเว่ยเว่ยก้มมองมือของตนที่ถูกมือใหญ่กุมเอาไว้ มือของคนทั้งสองที่จับกันอยู่นั้นโดนแขนเสื้อใหญ่ของเขาบังไว้จนมิด ถ้าคนอื่นมองมาก็คงนึกว่าทั้งสองกำลังควงแขนกันอยู่ แล้วมันต่างกันตรงไหน ? เฮอะ ! ผู้ชายปากไม่ตรงกับใจ !
การสอบระดับเยวี่ยนซื่อรอบพิเศษจะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือนนี้แล้ว เหล่าบัณฑิตที่สอบผ่านระดับถงเซิงของเมืองจงโจวมาได้หมาด ๆ จำนวน 50 คนล้วนเข้าร่วมการสอบเยวี่ยนซื่อในครั้งนี้ด้วย ซึ่งพวกเขากำลังเร่งหาคนมารวมกลุ่ม
บังเอิญเหลือเกินที่เดิมทีกลุ่มของหลินจื่อเหยียนมีสี่คน พอรวมหยานจิงหยูเข้าไปอีกหนึ่งก็เป็นห้าคนพอดี พวกเขาจึงไม่ต้องไปหาคนเพิ่มอีกและทั้งห้าคนต่างรู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เรื่องการค้ำประกันให้กันจึงอุ่นใจมากขึ้น ส่วนบัณฑิตหลิ่นเซิงที่มาลงนามค้ำประกันให้พวกเขายังคงเป็นคนเดียวกับที่อำเภอเป่าชิง
เพราะของขวัญที่พวกหลินจื่อเหยียนมอบให้ทั้งล้ำค่าและมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังให้ ‘ผลประโยชน์’ ดีๆ อีกไม่น้อย ในเมื่อตอนนี้มาถึงการสอบในเมืองจงโจวแล้ว การลงนามค้ำประกันให้อีกฝ่ายสองครั้งติดก็ถือเป็นข้อตกลงที่ดีเช่นกัน อีกอย่างเด็กพวกนี้สอบผ่านถงเซิงแล้วมีโอกาสสูงที่จะได้เป็นบัณฑิตซิ่วไฉ เช่นนี้ก็พลอยทำให้ผู้ลงนามค้ำประกันได้หน้าได้ตาไม่น้อย !
โดยเฉพาะการลงนามค้ำประกันให้พวกหลินจื่อเหยียนถึงสองครั้งสองครา สี่ในห้าคนสอบติดบัณฑิตถงเซิงแล้วจึงรับรองได้ว่าปีหน้าจะต้องมีคนหอบของขวัญล้ำค่าหรือเงินทองมาไหว้วานให้ตนช่วยลงนามค้ำประกันอย่างล้นหลาม ! แถมตอนนี้มีบัณฑิตหัวกะทิเพิ่มมาอีกหนึ่งคนซึ่งสอบได้อั้นโฉ่ว (อันดับที่ 1 ในสนามสอบระดับนั้น) ในระดับฝู่ซื่อ มองแล้วมีโอกาสสอบได้ซิ่วไฉสูงมาก ดังนั้นโอกาสสร้างชื่อเสียงดี ๆ เช่นนี้มีหรือที่ตนจะพลาด ?
เจียงโม่หานสมัครไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว เขาร่วมค้ำประกันให้บัณฑิตถงเซิงอีกสี่คนจากสำนักศึกษาเดียวกัน ส่วนบัณฑิตหลิ่นเซิงที่มาลงนามค้ำประกันให้เขาเป็นคนที่ทางสำนักศึกษาหามาให้ อาจารย์ฟ่านก็เดินทางมาถึงตัวเมืองนานแล้ว เขามาเข้าร่วมการตรวจข้อสอบเพราะหลังจากคดีทุจริตการสอบเซี่ยนซื่อถูกเปิดโปงก็มีผู้ตรวจการเดินทางมาจากเมืองหลวง ส่งผลให้การทุจริตในการสอบระดับเยวี่ยนซื่อไม่เกิดขึ้นอีก
หลังจากที่อาจารย์ฟ่านเดินทางมาถึงเมืองจงโจวแล้วก็เรียกเจียงโม่หานมาพบ พอช่วยทดสอบและชี้แนะเรื่องการสอบแล้วเขาก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมา อาจารย์ฟ่านตบบ่าลูกศิษย์พลางเอ่ยปลุกใจ “ตั้งใจสอบให้ดี ! หากเจ้าสอบไม่ได้หลิ่นเซิง ( หมายถึงกลุ่มที่ได้อันดับสูง ) ต่อไปก็ห้ามมาเรียกข้าว่าอาจารย์ ! ”
เจียงโม่หานโค้งคารวะ “ศิษย์จะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังขอรับ ! ”
ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ อาจารย์ฟ่านดูแลเขาเสมือนลูกหลานของตน คอยให้ความช่วยเหลือมากมาย ดังนั้นอาจารย์ฟ่านจึงสมควรได้รับการคารวะจากเขา !
อาจารย์ฟ่านรีบเข้ามาช่วยประคอง ขณะเดียวกันขอบตาของผู้เป็นอาจารย์ก็แดงก่ำเล็กน้อย เขาตีไปที่แขนของลูกศิษย์อย่างแรงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กลับไปท่องตำราเถิด ! วันพรุ่งนี้อาจารย์ต้องเข้าไปในสนามสอบ รอให้ลำดับรายชื่อประกาศออกมาแล้ว อาจารย์จะมาแสดงความยินดีกับเจ้าอีกครั้ง ! ”
หลังจากมองตามแผ่นหลังของเจียงโม่หานจนกระทั่งร่างสูงหายไปจากสายตา อาจารย์ฟ่านจึงยกมือลูบเคราแล้วพยักหน้าชื่นชมอีกฝ่ายว่า…สง่าผ่าเผย ความสามารถล้ำเลิศ คุณธรรมสูงส่ง ! หากข้ามีบุตรีแล้ว ลูกศิษย์ผู้นี้ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว !
เด็กคนนี้อนาคตไกล รู้จักวางแผนชีวิตของตน ช่างเป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนใครจริง ๆ ไม่มีใจยึดติดในอำนาจ ไม่คิดใช้การแต่งงานมาเป็นเครื่องมือไต่เต้าในหน้าที่การงาน เป็นคนที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ !
การสอบระดับเยวี่ยนซื่อแบ่งเป็นสองสนามสอบคือเจิ้งซื่อและฟู่ซื่อ แต่ละสนามใช้เวลาสอบทั้งหมดสามวัน ผู้เข้าสอบแต่ละคนจะถูกแบ่งให้เข้าพักคนละห้อง ใครโชคร้ายหน่อยก็จะได้ห้องที่ติดกับห้องน้ำซึ่งมีกลิ่นเหม็น
หลินเว่ยเว่ยไม่เพียงตั้งใจเตรียมอาหารให้ผู้เข้าสอบทั้งห้าคนตามมาตรฐานที่สามารถนำเข้าสนามสอบได้แล้ว นางยังทำถุงหอมให้ทั้งห้าคนโดยผสมกลิ่นโป้เหอ ( สาระแหน่ ) และกลิ่นผลไม้อบแห้งเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและสดชื่น แต่ไม่รู้ว่าจะนำเข้าไปได้หรือเปล่า…
เหมือนเช่นเคย นางมาส่งพวกเขาที่หน้าประตูทางเข้าสนามสอบ เจียงโม่หานที่เดินอยู่ในกลุ่มผู้เข้าสอบค่อย ๆ หันกลับมามองและก็เห็นนางยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมแววตาแสนอบอุ่นคู่นั้น จู่ ๆ ในหัวใจของเขาก็เกิดกระแสธารอบอุ่นไหลเวียน…การสอบสองระดับก่อนหน้านี้เขาทำหน้าที่มาส่งผู้เข้าสอบ แต่ในยามนี้เขากลายเป็นคนที่นางต้องมาส่งเสียแล้ว
เจียงโม่หานเกิดแรงผลักดันและความกดดันในเวลาเดียวกัน…ข้าจะตั้งใจสอบให้ดี เช่นนั้นคงไม่มีหน้าไปพบท่านแม่และไม่มีหน้าไปเผชิญกับคู่หมั้น…
หลินเว่ยเว่ยที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็เห็นบัณฑิตน้อยหันกลับมามอง ชั่วอึดใจนั้นนางก็รู้สึกเหมือนว่าผู้คนรอบตัวได้กลายเป็นสีเทา มีเพียงร่างสูงโปร่งของเขาเท่านั้นที่แจ่มชัดในแววตาของนาง
หลินเว่ยเว่ยเผยรอยยิ้มกว้างออกมาแล้วโบกมือให้เขา ตั้งใจสอบ พอกลับมาแล้วข้าจะทำของอร่อยให้กิน !
หลังเข้ามาในสนามสอบแล้วคราวนี้การตรวจสอบเข้มงวดกว่าเดิม แต่มันก็เหมือนทุกครั้งตรงที่จะมีการตรวจสอบสัมภาระทุกชิ้นอย่างละเอียด พวกขนมและของกินที่พวกเขาห่อมาด้วยก็ถูกเปิดเพื่อตรวจสอบทั้งสิ้น
“นี่คืออะไร ? ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบชี้ไปยังของขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือแล้วถาม
เจียงโม่หานตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชา “อาหาร”
“บิให้ข้าดู ! ” เจ้าหน้าที่คนนี้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่มาก แต่โชคยังดีที่เขาไม่ได้ยื่นมือเข้าไปทำเอง เช่นนั้นเจียงโม่หานจะกินต่อได้อย่างไร?
เจียงโม่หานบิของสิ่งนั้นออกเป็นสองส่วนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่หลินเว่ยเว่ยพยายามทำให้มันมีขนาดเล็กมากพอแล้วยังคาดไม่ถึงว่าปีนี้การตรวจสอบจะเข้มงวดกว่าครั้งไหน อาหารชิ้นเล็กขนาดนี้ก็ยังไม่ปล่อยผ่าน
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้กลิ่นหอมของเนื้อก็กล่าวว่า “ผู้เข้าสอบปีนี้ช่างสรรหาวิธีเปลี่ยนรูปร่างของอาหารเก่งเสียจริง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหอมกรุ่นยังไม่พอ ยังนำอาหารพวกนี้เข้ามาอีก ทำให้อาหารมีชิ้นเล็กขนาดนี้ช่างมีความพยายามจริง ๆ…เอาล่ะ เข้าไปได้ ! ”
เจียงโม่หานหิ้วตะกร้าเข้าสอบของตนแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านใน เมื่อหาห้องพักของตนเจอแล้วก็เหลือบมองไปยังของกินที่ถูกบิครึ่ง พลางนึกถึงเด็กน้อยที่วุ่นอยู่ในครัวทั้งวัน…เพื่อให้พวกเขาสามารถกินได้อย่างสะดวกในระหว่างทำข้อสอบ นางตั้งใจและคิดหาวิธีอย่างสุดความสามารถ…
เขายังโชคดีไม่น้อย เนื่องจากห้องพักอยู่ห่างจากห้องน้ำและไม่ไกลจากบริเวณที่สามารถไปรับน้ำดื่มได้ แม้ว่าภายในห้องจะมีกลิ่นอับบ้างก็ยังถือว่ารับไหว
ยามนี้ฟ้าเริ่มสว่าง เมื่อแสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแล้วถือเป็นวันที่อากาศดีวันหนึ่ง ! ข้อสอบถูกส่งมาและแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจียงโม่หาน
ยามที่เขาตั้งใจตอบคำถามนั้นเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งล่วงเลยมาถึงช่วงเที่ยงวัน ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่คุมสอบ เหล่าผู้เข้าสอบต่อแถวไปรับน้ำร้อนและเพื่อประหยัดเวลาผู้เข้าสอบส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป…ส่วนผู้เข้าสอบที่ทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยก็จะรับน้ำดื่มแล้วไปนั่งกินของแห้งที่นำมาด้วย
เจียงโม่หานค่อย ๆ ปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่ไส้กรอกลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดห่อใส่ผักอบแห้งลงไป หากไม่ใช่เพราะเขาปรามนางเอาไว้ นางก็คงให้เขาเอาไข่ไก่เข้ามาด้วยแน่นอน…ทำราวกับว่าสนามสอบเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเส้นบะหมี่หอม ๆ เนื้อแห้งและไส้กรอกผสมผสานกับผักหลากสีสันแล้วก็ให้ความรู้สึกอยากอาหารมากทีเดียว เจ้าหน้าที่คุมสอบที่เดินมาทางเขาก็เหลือบไปเห็นอาหารกลางวันที่แสนจะ ‘อุดมสมบูรณ์’ ในใจพลันคิดว่า…ใช้ได้เลยนี่ ผู้เข้าสอบได้กินของดีกว่าพวกตนเสียอีก !
ผู้เข้าสอบได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในขณะที่พวกตนทำงานได้เบี้ยหวัดเดือนละ 1 ตำลึง จะเอามาซื้อของเหล่านี้กินได้อย่างไร ! เฮอะ เอาเนื้อแห้งและไส้กรอกมาด้วยหรือ กินดีอยู่ดีเสียจริง ! ผู้เข้าสอบคนนี้คงไม่ใช่คุณชายผู้เป็นที่รักแห่งตระกูลใดตระกูลหนึ่งในเมืองจงโจวหรอกกระมัง ครอบครัวของเขาคงกลัวบุตรชายอดอยากตอนสอบสิท่า ?