หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 423 เจ้าคิดว่าอั้นโฉ่วเป็นเรื่องง่ายหรือไร
ตอนที่ 423 เจ้าคิดว่าอั้นโฉ่วเป็นเรื่องง่ายหรือไร
หลิวว่ายจื่อคิดคำนวณในใจแล้วตอบว่า “อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปี เจ้ากังวลอะไร ? เจ้าเรียนรู้เรื่องบัญชีไปแล้วไม่ใช่หรือ ? ส่วนเรื่องอื่นก็มีแค่ขนย้ายสินค้าเข้าออกโกดัง…จำให้ดีว่าอย่าปล่อยให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว คอยตรวจสอบความเรียบร้อยทุกวันก่อนปิดโกดัง ไม่เห็นมีอะไรยาก ! ”
หลิวเอ้อร์ล่ายคิดแล้วจึงกล่าวกับหลินเว่ยเว่ยว่า “หาผู้ช่วยให้ข้าสักคนได้หรือไม่ ? ”
หลิวว่ายจื่อส่งเสียงฮึดฮัดพลางกล่าว “เจ้าอยากได้ใครมาช่วย ? อย่าได้ชวนสหายตัวแสบในอดีตของเจ้ามาเชียว คนพวกนั้นทำงานไม่ได้เรื่อง แต่ถนัดสร้างปัญหา ! ถ้าเกิดเหตุลักทรัพย์ขึ้นมาแล้ว เราจะเสียลูกค้าเอาได้ ! ”
หลิวเอ้อร์ล่ายรีบโบกมือพลางส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ! ข้าไม่ได้คบค้าสมาคมกับคนพวกนั้นนานแล้ว ข้าตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่จริง ๆ ที่พูดถึงคือน้องภรรยาของข้าต่างหาก แม้ว่าเขาจะเป็นคนซื่อ…แต่ทำงานเก่ง”
หลินเว่ยเว่ยตบต้นข้าพลางพูดยืนยัน “ได้ ! ให้เขามาทดลองงานพรุ่งนี้เลย อาว่ายจื่อสอนงานเขาก่อน ถ้าเป็นงานแล้วก็ค่อยให้เขาสานต่ออย่างเต็มตัว ! ”
หลิวว่ายจื่อรู้ว่านางต้องการให้เขาอยู่สอนงานคนใหม่ก่อน เขาจึงพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ! หากใช้งานใช้การไม่ได้ ต่อให้ท่านแม่จะบ่น ข้าก็ไม่เอาไว้เด็ดขาด ! ”
หลินเว่ยเว่ยมองสีของท้องฟ้าและเห็นว่าเริ่มตกเย็นแล้วจึงออกจากท่าเรือและมาที่ประตูทางเข้าของสำนักศึกษาเพื่อรับน้องสี่หลังเลิกเรียน เจ้าหนูน้อยเข้าเรียนหนังสือในเขตเริ่นอันแล้ว เขาจะเดินทางออกจากบ้านมาพร้อมรถม้าขนส่งสินค้าในทุกเช้า พอใกล้ค่ำถ้าไม่เป็นหลิวต้าซวนมารอรับที่นี่ เขาก็จะนั่งเกวียนเทียมวัวของหมู่บ้านข้าง ๆ กลับฉือหลี่โกวพร้อมวังตงเฉียง
หลินเว่ยเว่ยยืนรออยู่ที่หน้าประตูสำนักศึกษาไม่นาน ประตูใหญ่ก็เปิดออกและบรรดาเด็กผู้ชายตัวน้อยน่ารักดูมีชีวิตชีวาก็พากันกรูออกมา ผ่านไปไม่นานเจ้าหนูน้อยก็สะพายกระเป๋าหนังสือใบใหม่ของตนวิ่งกระโดดโลดเต้นออกมา
“น้องสี่ ! ” หลินเว่ยเว่ยตะโกนเรียกเขา
เจ้าหนูน้อยได้ยินเสียงสดใสของพี่รองก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจแล้ววิ่งมาหานางอย่างรวดเร็ว “พี่รอง ! พี่รอง ท่านกลับมาแล้ว ! ข้าคิดถึงท่านแทบแย่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยอุ้มน้องสี่ขึ้นมาแล้วยกตัวเด็กน้อยขึ้นสูง “คิดถึงข้าหรือคิดถึงอาหารฝีมือข้ากันแน่ ? ”
เจ้าหนูน้อยยิ้มตาหยี “คิดถึงทั้งหมด ! แต่คิดถึงที่สุดก็คือพี่รอง ! ”
“พี่รองหลิน ! ” วังตงเฉียงก็วิ่งมาหาหลินเว่ยเว่ยเช่นกัน
“เจ้าก็มาต้อนรับพี่รองเหมือนข้าใช่หรือไม่ ? ”
“หลินจื่อถิง เจ้าอายุเท่าไรแล้วยังให้พี่สาวอุ้มอยู่อีก ไม่อายหรือไร ! ” เด็กน้อยที่วิ่งออกมาพร้อมเขาก็หันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เจ้าหนูน้อยในอ้อมกอดของพี่สาว
เจ้าหนูน้อยกอดคอพี่รองแล้วเอาแก้มนุ่มนิ่มถูแก้มของนาง เขาไม่รู้สึกอายเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามกลับแสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมา “หลู่ซวน เจ้าคงอิจฉาที่ข้ามีพี่สาวให้กอดสิท่า ? เพราะพี่ชายของเจ้าเอาแต่รังแกเจ้า ! พี่รองของข้าทำขนมอร่อยให้กินและยังทำอร่อยกว่าที่ร้านหนิงจี้เสียอีก ! ”
“เจ้าโกหก ! จะมีคนทำขนมอร่อยกว่าร้านหนิงจี้ได้อย่างไร ? ข้าไม่เชื่อหรอก ! ” ใบหน้าอวบอ้วนของหลู่ซวนชี้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหนูน้อย แถมในดวงตาดำขลับยังแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
เจ้าหนูน้อยไม่ตกหลุมพรางจึงกล่าวว่า “อยากจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า” จากนั้นก็ลงจากอ้อมแขนของพี่รองแล้วถามว่า “พี่รอง พี่รอง ! พี่โม่หานสอบได้บัณฑิตซิ่วไฉหรือเปล่า ? แล้วพี่สามกับพี่เขยใหญ่สอบได้บัณฑิตถงเซิงหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยบีบแก้มอวบอ้วนของน้องชายแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าดูแคลนพี่สามและพี่เขยใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ ? พวกเขาสอบผ่านบัณฑิตซิ่วไฉ ส่วนพี่โม่หานของเจ้าสอบได้อั้นโฉ่วด้วยนะ ! ”
“ว้าว ! เก่งมาก ในอนาคตข้าจะต้องเก่งเหมือนพี่โม่หานแน่นอน ข้าจะคว้าอันดับหนึ่งให้ได้ ! ” เจ้าหนูน้อยชูกำปั้นเล็ก ๆ แล้วกล่าวอย่างมั่นใจ
หลู่ซวนเหมือนจงใจแกล้งเขาจึงเอ่ยว่า “ปณิธานของเจ้าคือการเลี้ยงกระต่ายแล้วนำไปขายเพื่อหาเงินไม่ใช่หรือ ? เหตุใดจึงเปลี่ยนใจมาที่การสอบได้อั้นโฉ่วแล้วล่ะ ? เจ้าคิดว่าอั้นโฉ่วเป็นเรื่องง่ายหรือไร คิดว่าใครก็สอบได้อันดับหนึ่งงั้นหรือ ? ”
“การสอบได้อั้นโฉ่วและการเลี้ยงกระต่ายขายล้วนเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ ? ส่วนเรื่องที่ข้าจะสอบได้อั้นโฉ่วหรือไม่นั้นก็ต้องดูที่ความสามารถของข้าเอง…ดูตามสถานการณ์ไปก่อนเถิด ! ” เจ้าหนูน้อยเชิดหน้าใส่
เด็กน้อยผิวขาวเนียนละเอียดที่ยืนอยู่ข้างหลู่ซวนพูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “หลินจื่อถิงตั้งใจเรียนมาก ทั้งยังเป็นคนฉลาดเฉลียว อาจารย์กล่าวชื่นชมเขาตั้งหลายหน หากเขาสอบไม่ได้อั้นโฉ่ว เจ้าก็คงหมดหวังเช่นกัน…”
“ฉิงจิ้งหยู เจ้าอยู่ข้างใครกันแน่ ? อย่าลืมว่าเราคือพี่น้องที่สนิทสนมกัน เหตุใดเจ้าจึงเข้าข้างคนอื่น ? ” หลู่ซวนหันไปถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
ฉิงจิ้งหยูกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อยดังเดิม “มีคำกล่าวที่ว่า ‘อย่าเอาแต่ช่วยสหายโดยไม่ใส่ใจเหตุผล’ หากพี่ฮุยรู้ว่าเจ้าไม่สามัคคีกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน เจ้าคิดว่าเขาจะทำอย่างไร ? ”
หลู่ซวนขบฟันแน่น “เจ้าคนขี้ฟ้อง ถ้าเจ้าไม่ฟ้องแล้วพี่สามของข้าจะรู้ได้อย่างไร ? ข้าไม่ลงรอยกับใคร ? ข้าก็แค่…ล้อเขาเล่นเท่านั้น ! ”
ฉิงจิ้งหยูเงยหน้ามองเขาพลางกล่าวว่า “พี่ฮุยยังบอกอีกว่าที่เขาทำไม่ใช่การรังแกเจ้า แต่เป็นการ ‘ล้อเจ้าเล่น’ เหมือนกัน ! ”
เจ้าหนูน้อยรู้ว่ารถม้าของบ้านตนจอดรออยู่ที่นอกประตูเข้าเมือง เขาจึงจูงมือพี่รองแล้วหันไปบอกลาสหายร่วมชั้นทั้งสองคน “หลู่ซวน ฉิงจิ้งหยู แล้วพบกันพรุ่งนี้ ! ”
หลู่ซวนโบกมือลาอย่างกระตือรือร้น ในขณะที่ฉิงจิ้งหยูหันไปพยักหน้าให้อย่างช้า ๆ “แล้วพบกัน ! ”
หลินเว่ยเว่ยจับมือน้องชายแล้วหันไปโบกมือให้เด็กน้อยนิสัยประหลาดทั้งสองคน “แล้วพบกันใหม่…หากพวกเจ้ามีเวลาว่างก็มาเที่ยวที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวได้เสมอ ข้าจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน ! ”
หลู่ซวนกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านทำขนมอร่อยเหมือนที่ร้านหนิงจี้จริงหรือ ? ”
เจ้าหนูน้อยแย่งพูดแทน “พี่รองของข้าไม่เพียงทำอร่อยกว่า แต่ยังทำอาหารได้หลายอย่างและมีรสชาติอร่อยจนพวกเจ้าหยุดกินไม่ได้เลยล่ะ ! ”
หลู่ซวนไม่เชื่อ…ชาวบ้านในหมู่บ้านห่างไกลจะมีความรอบรู้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? อีกอย่างคงไม่เคยกินขนมของร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้สิท่า แค่กินเนื้อได้ก็คิดว่านั่นคืออาหารอร่อยที่สุดในโลกแล้วกระมัง ? ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อคำพูดของหลินจื่อถิงเลยสักนิด !
เจ้าหนูน้อยจับมือพี่รองแล้วเดินมาจนถึงด้านนอกประตูเมือง หลังจากเห็นเจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนยืนรออยู่ด้วย เด็กน้อยก็วิ่งโผเข้าใส่…โดยใช้แขนข้างหนึ่งโอบหลินจื่อเหยียน อีกข้างโอบขาเจียงโม่หานเอาไว้ “พี่โม่หาน ท่านเก่งมาก ข้าก็อยากสอบได้อั้นโฉ่วเหมือนท่าน…”
หลินจื่อเหยียนอุ้มเขาขึ้นมาแล้วตีก้นนุ่มของเขาเบา ๆ “เด็กน้อยนิสัยไม่ดี ข้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ เจ้าต้องแสดงความยินดีที่ข้าสอบได้ซิ่วไฉไม่ใช่หรือ ? ”
เจ้าหนูน้อยมุ่ยปากใส่เขาพลางกล่าวว่า “ท่านสอบได้อันดับที่สี่สิบกว่า ๆ อยู่รั้งท้ายแล้ว น่ายินดีตรงไหน ? ”
หลินจื่อเหยียนได้ยินดังนั้นจึงหงุดหงิดไม่น้อย “ผู้เข้าสอบมีเป็นพันคน แต่คนสอบได้มีเพียง 50 คนเท่านั้น อีกอย่างข้าเพิ่งอายุ 14 ปี เป็นบัณฑิตซิ่วไฉอายุน้อยที่สุดในรุ่นนี้ด้วย ! ”
เจ้าหนูน้อยดิ้นลงจากอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่พี่ชายพลางกล่าวว่า “ที่ท่านสอบติดเพราะมีพี่โม่หานคอยให้คำชี้แนะไม่ใช่หรือ ? พี่โม่หาน ท่านต้องสอนข้าด้วย ข้าจะต้องสอบได้อันดับดีกว่าพี่สามแน่นอน เพราะข้าฉลาดกว่าเขา ! ”