หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 436 พี่รองคือยอดฝีมือ
ตอนที่ 436 พี่รองคือยอดฝีมือ
อินทรีทองแค่ปรายตามองมัน ก่อนจะกระพือปีกบินขึ้นเหนือยอดไม้แล้วหายเข้าไปในผืนป่า เจ้าดำหันไปมองคันธนูในมือนายน้อย ก่อนจะพุ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้อีกรอบ
หลินเว่ยเว่ยพาเด็กทั้งสี่คนเดินตรงเข้าผืนป่า แต่แล้วทันใดนั้นก็มีไก่ป่าขนสวยงามหลายตัวกำลังกระพือปีกออกมาจากพุ่มหญ้าอย่างแตกตื่น หนึ่งในนั้นฟาดปีกของมันไปโดนหลังมือเจ้าอ้วนน้อยหลู่ซวน
หลู่ซวนตกใจมาก หลังมองเหยื่อตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “ไก่ป่า ! สวรรค์ ! บนเขามีไก่ป่าเยอะขนาดนี้เลยหรือ ? แถมยังพุ่งเข้ามาให้จับเองด้วย ! ”
เจ้าหนูน้อยรีบหยิบลูกศรและน้าวสายคันธนูในมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เล็งไปยังไก่ป่าที่กำลังนอนบาดเจ็บอยู่ข้างเท้า ‘ฉึก’ เขาเรียนยิงธนูกับหลีชิงมาสองสามเดือน ความแม่นยำถือว่าไม่เลว แค่ครั้งเดียวก็ยิงโดนลำคอของไก่ป่าตัวนั้น
ไก่ป่าตัวนั้นดิ้นทุรนทุรายสองสามครั้งแล้วไร้ปฏิกิริยาใดอีก หลู่ซวนวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นพร้อมไขมันที่สั่นไปมาบนใบหน้าของเขา จากนั้นก็หยิบไก่ป่าขึ้นแล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้เจ้าหนูน้อย “หลินจื่อถิง ใช้ได้นี่ ! ยิงได้ไม่เลว ! ”
เจ้าหนูน้อยพยายามทำตัวสุขุม แต่เห็นได้ชัดว่าล้มเหลว เพราะสุดท้ายมุมปากก็ยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะพูดอย่างถ่อมตน “ไม่หรอก ไม่ถึงขนาดนั้น…”
ฉิงจิ้งหยูเดินไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและหยิบไก่ป่าอีกตัวที่ตายแล้วขึ้นมาพลางพูดกับหลู่ซวนและเจ้าหนูน้อยว่า “เห็นหรือยัง ? นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่ายอดฝีมือ ! ”
เด็กทั้งสองหันไปจ้องบนหัวของไก่ป่าตัวนั้น พบว่ามีไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วก้อยปักอยู่ หลู่ซวนและเจ้าหนูน้อยหันไปมองไม้ไผ่ในมือหลินเว่ยเว่ยโดยพร้อมเพรียง…
หลู่ซวนมีดวงตาเป็นประกาย “หรือนี่ก็คือเคล็ดวิชาใบไม้และบุปผาบิน สามารถทำร้ายคนได้เหมือนที่เขียนไว้ในนิทานเกี่ยวกับจอมยุทธ์ ? หลินจื่อถิง ที่แท้พี่รองของเจ้าก็เป็นยอดฝีมือ ! ”
ทันใดนั้นเจ้าหนูน้อยก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวพี่รองมากกว่าเดิม แต่เขาไม่ชอบความไม่เอาไหนของหลู่ซวน จึงพูดด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “ไม่เห็นจะมีอะไร คราวก่อนตอนพี่รองไปซื้อไข่มุกและหนังสัตว์ที่ตลาดการค้าข้ามเขตแดนก็ไปเจอกับโจรตงหู นางใช้แค่ลูกศรไม้ไผ่ก็ช่วยพ่อค้าและนายทหารรักษาการณ์เมืองในตลาดข้ามเขตแดนได้จำนวนมากแล้ว ! ”
“ว้าว ! หากพี่รองหลินเป็นพี่รองของข้าก็คงดี ข้าจะได้เห็นฉากในนิทานด้วยตา ! หลินจื่อถิง ตอนนั้นเจ้าทำอะไรอยู่ ? ใช้ธนูยิงศัตรูอยู่ ? ฆ่าโจรตงหูไปได้กี่คน ? หลินจื่อถิง พอโตไปแล้วเจ้าอยากเป็นแม่ทัพหรอกหรือ ? ” หลู่ซวนถามรัว ๆ เป็นชุดและดูไม่มีทีท่าจะหยุดง่าย ๆ
เจ้าหนูน้อยพูดด้วยความรู้สึกผิดหวัง “น่าเสียดาย ตอนนั้นมีแค่พี่โม่หานและพี่สามอยู่ด้วย หากข้าอยู่ตรงนั้นต้องไม่ช่วยแค่เหลาลูกศรไม้ไผ่แน่นอน…ข้าเองก็ยิงแม่นเหมือนกัน…
ทว่าพี่รองสังหารโจรตงหูไปเยอะมากจนแม้แต่หมินอ๋องซื่อจื่อและแม่ทัพตู้ยังชื่นชม ! ถ้าสตรีไปทำศึกสงครามได้ พี่รองของข้าจะต้องเป็นแม่ทัพหญิงที่อาจหาญมากแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยตบที่ศีรษะแฟนคลับตัวน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าพี่รองของเจ้าไปเป็นแม่ทัพ แล้วใครจะคอยอยู่ทำของอร่อยให้เจ้ากิน ? ”
เจ้าหนูน้อยครุ่นคิดด้วยความสับสน แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ทนความตะกละของตัวเองไม่ได้ “ไปทำศึกอันตรายจะตาย พี่รองอยู่บ้านดีกว่า รอให้ข้าสอบจอหงวนได้แล้วค่อยหาบรรดาศักดิ์กลับมาให้ท่าน รับรองว่ายศศักดิ์ไม่ด้อยไปว่าแม่ทัพแน่นอน ! ”
ฉิงจิ้งหยูพูดช้าๆ “พี่รองของเจ้าไม่ได้มีคู่หมั้นเป็นเจียงอั้นโฉ่วหรอกหรือ ? ถ้าจะหาบรรดาศักดิ์ก็ต้องเป็นเขาที่หามาให้ ? รอให้เจ้าสอบติดขุนนางแล้ว อาหารก็เย็นชืดก่อนพอดี ! ”
เจ้าหนูน้อยยังไม่ยอมแพ้ “อาหารดีย่อมไม่กลัวจะได้กินช้า ! สิ่งที่พี่โม่หานหามาได้ย่อมเป็นของเขาเอง แต่ที่ข้าหามาได้จะต้องดีกว่าเขาแน่นอน ! ”
เสียงหัวเราะของหลินเว่ยเว่ยดังก้องไปทั่วผืนป่า “บรรดาศักดิ์ที่เจ้าหามาก็ควรเก็บไว้ให้ภรรยาของเจ้า ! แม้จะไม่มีบรรดาศักดิ์ ก็ไม่มีใครกล้ามารังแกพี่รองของเจ้าหรอก”
ข้าไม่ไปรังแกคนอื่นก็ถือว่าไม่เลวแล้ว !
เจ้าดำยังไล่กระต่ายป่าอีกฝูงมาตรงหน้าทุกคน ด้านเจ้าหนูน้อยใช้ธนูของเขายิงกระต่ายได้สองตัวแล้ว เจ้าดำก็เข้ามานอนหอบหายใจอยู่ข้าง ๆ เขา…เจ้าดำผู้ปิดทองหลังพระ !
ในเวลานี้ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องของอินทรีขึ้นมา ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงกระพือปีกแล้วก็…แพะป่าวัยกำลังโตก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าแล้วตกที่ข้างเท้าของหลินเว่ยเว่ย
อินทรีทองถูกรงเล็บที่เปื้อนเลือดกับพุ่มหญ้าแล้วจึงจะบินไปเกาะบนไหล่ของหลินเว่ยเว่ยอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากนั้นก็เหลือบมองไปยังเจ้าดำด้วยสายตาท้าทาย…มา มาแข่งกันว่าสัตว์ที่ล่าได้ของใครตัวใหญ่กว่ากัน ?
เจ้าหนูน้อยเข้าไปใกล้แพะป่าด้วยความดีใจ “หม้อไฟในคืนนี้มีเนื้อแพะแล่ด้วยแล้ว ! ต้าจิน เจ้าใช้ได้จริง ๆ ! ”
เมื่อเห็นเจ้าดำอารมณ์เสีย เขาก็พูดเสริม “เจ้าดำก็เก่งมาก ต้อนไก่ป่ากับกระต่ายป่ามาได้มากขนาดนี้ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ! ”
เมื่อล่าสัตว์ได้พอสมควรแล้ว เจ้าหนูน้อยก็ยังไม่ลืมที่จะเกี่ยวหญ้าให้กระต่าย เด็กน้อยไม่กี่คนนี้มายังทุ่งหญ้าอันเขียวขจีแล้วเริ่มแข่งกันว่าใครจะเกี่ยวหญ้าได้เร็วและสดกว่ากัน…
หลินเว่ยเว่ยไปที่ป่าไผ่บริเวณใกล้เคียงแล้วเริ่มลงมือขุดหน่อไม้ ในเวลานี้หน่อไม้กำลังอวบอ้วน เนื้อขาวเหมือนหยก มีความสดอร่อย รสชาติดีมาก ไม่ว่าจะเอาไปยำ ผัดหรือต้มก็รสชาติสดอร่อยทั้งนั้น หรือจะเอาไปทำหม้อไฟก็รสชาติไม่เลว !
เจ้าอ้วนน้อยหลู่ซวนเกี่ยวหญ้าได้ไม่นานก็รู้สึกหมดความสนใจ เขาเห็นหลินเว่ยเว่ยขุดหน่อไม้หลายหัวได้ในเวลาแค่ชั่วอึดใจจึงเดินเข้าไปหาแล้วเริ่มออกแรงขุดหน่อไม้บ้าง
เจ้าหนูน้อยล้อว่าเขาเป็น ‘ลิงน้อยลงจากภูเขา’ ! หลู่ซวนและฉิงจิ้งหยูต่างไม่รู้จักเรื่องนี้ เจ้าหนูน้อยจึงเล่าเรื่องลิงตัวหนึ่งที่ลังเลไม่รู้จะทำอะไรดีให้พวกเขาฟัง แล้วเตือนหลู่ซวน “เจ้าอย่าทำตัวเหมือนลิงน้อยในเรื่องเด็ดขาด ทิ้งแตงโมแล้วเลือกเก็บงา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง ! ”
ฉิงจิ้งหยูชอบนิทานเรื่องนี้มากและยังถูกดึงดูดสุด ๆ “เจ้าอ่านเรื่องนี้เจอในตำราหรือ ? ขอข้ายืมมาอ่านหน่อยได้หรือไม่ ? ”
เจ้าหนูน้อยส่ายหน้า ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่รองเล่าให้ข้าฟัง พี่รองมีเรื่องเล่ามากมาย มี ‘อภินิหารเจ้าหนูน้ำเต้าทั้งเจ็ด’, ‘นายตำรวจแมวดำ’, ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’…เยอะมากเลยล่ะ เล่าไม่จบในคราเดียวหรอก ! ”
หลังได้ยินชื่อ ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ แล้วฉิงจิ้งหยูก็พูดกับเจ้าหนูน้อยว่า “แม้เรื่องราวเหล่านี้จะเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่ก็เต็มไปด้วยหลักคำสอน ถ้าทำเป็นหนังสือนิทานก็เชื่อว่าพวกเด็ก ๆ ต้องชอบแน่นอน…”
เจ้าหนูน้อยพยักหน้า “รอให้ข้าจำตัวอักษรได้หมดเมื่อใด ข้าจะเขียนเรื่องราวที่พี่รองเล่าให้ฟังออกมาทั้งหมด เขียนออกมาเป็นบันทึกส่วนตัว ต่อไปพอข้ามีลูกหลานก็จะอ่านให้พวกเขาฟัง…เหมือนตอนที่ข้ายังเด็กแล้วพี่รองเล่าให้ฟัง ! ”
ฉิงจิ้งหยูถามเขาว่า “เจ้าไม่คิดจะตีพิมพ์เป็นหนังสือนิทานแล้ววางจำหน่ายหรือ ? ”
เจ้าหนูน้อยส่ายหน้า “หนังสือที่ไม่มีเนื้อหาสำหรับใช้สอบจอหงวนแบบนี้ ใครจะอยากซื้อให้บุตรหลานได้อ่าน ? ”
หลู่ซวนพยักหน้าเห็นด้วย “ตอนที่ข้าแอบอ่านนิทานแล้วโดนพี่ชายจับได้ก็จะโดนลงโทษทุกครั้งไป…เฮ้อ ! สวรรค์ เหตุใดท่านจึงเลือกที่รักมักที่ชังแบบนี้ ประทานพี่รองแสนดีขนาดนี้ให้หลินจื่อถิง แต่ให้พี่ชายที่คอยรังแกและทุบตีแก่ข้า ? ”