หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 437 เจ้าเป็นพวกเดียวกับใครกันแน่
ตอนที่ 437 เจ้าเป็นพวกเดียวกับใครกันแน่
ฉิงจิ้งหยูพูดอย่างเชื่องช้า “อาจจะ…เป็นเพราะชาติก่อนเจ้าไม่เคยทำบุญ ชาตินี้จึงต้องใช้ชีวิตไปตามเวรตามกรรม…”
หลู่ซวนหันไปถลึงตาใส่เขา “เจ้ายังเป็นสหายที่เล่นกับข้าตั้งแต่เด็กหรือเปล่า ? ข้าโชคร้ายจริง ๆ ที่ในชาตินี้ได้มาเจอสหายชั่วช้าอย่างเจ้า…อ๊าก ! หนูตัวใหญ่มาก ! ”
ที่แท้ในขณะที่เจ้าอ้วนน้อยกำลังนั่งขุดหน่อไม้อยู่ก็มี ‘หนู’ ตัวอวบอ้วนสีเทาวิ่งผ่านหน้าเขาไป ทำให้เขาตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นชื้น ๆ ของป่าไผ่ทันที เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เพิ่งใส่เป็นครั้งแรกก็เปื้อนเป็นแถบใหญ่
ก่อนที่คนอื่นจะได้คิดทำอะไร เจ้าดำก็ไล่ตามไปอย่างว่องไว แม้ว่า ‘หนูอ้วน’ ตัวนั้นจะเคลื่อนไหวเร็วมาก แต่ท้ายที่สุดก็ยังหนีจาก ‘อุ้งเท้า’ ของเจ้าดำไม่ได้อยู่ดี
ต่อจากนั้นเจ้าดำก็คาบ ‘หนูอ้วน’ ตัวสีเทามาแสดงผลงานต่อหน้าหลินเว่ยเว่ย เมื่อหลินเว่ยเว่ยรับเหยื่อออกจากปากมันแล้ว นางก็พูดด้วยความตื่นเต้น “หนูไผ่ ! ตัวอ้วนมาก อย่างน้อยก็น่าจะหนักประมาณ 7-8 ชั่งได้กระมัง ? มื้อเที่ยงนี้พวกเจ้ามีลาภปากแล้ว ! ”
หนูไผ่กินใบไผ่และหน่อไม้เป็นอาหาร เนื้อของมันจึงให้รสสัมผัสที่นุ่มสุด ๆ แล้วยังมีประโยชน์ด้านการบำรุงเลือดลมและล้างพิษด้วย หนูไผ่เป็นพวกชอบหวาดระแวงและยังเคลื่อนไหวเร็วมาก ตามปกติแล้วจะจับได้ยาก หลินเว่ยเว่ยก็เพิ่งจับเจ้าสัตว์ประเภทนี้ได้เป็นครั้งแรก !
พอพวกเด็ก ๆ ได้ยินก็รีบออกไปตามหาหนูไผ่ด้วยความกระตือรือร้น บางทีอาจเพราะพวกเขาเสียงดังเกินไปจึงไม่เจอหนูไผ่ตัวที่สองอีก ทว่าวันนี้พวกเขาก็ล่าสัตว์ได้มากพอแล้ว !
แม้ว่าพวกเด็ก ๆ จะไม่ลงรอยกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่โดยรวมแล้วการขึ้นเขาครั้งนี้ก็ถือว่ามีความสุขมากโดยเฉพาะหลู่ซวนและฉิงจิ้งหยู ไม่ว่าจะเป็นการเก็บผักป่า ขุดหน่อไม้หรือการล่าไก่ป่าและกระต่ายป่าก็ล้วนเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของพวกเขาทั้งสิ้น
หลู่ซวนแบกกระบุงไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยหญ้ากระต่ายเข้าไปเดินขนาบข้างเจ้าหนูน้อยและพูดกับอีกฝ่ายด้วยความอิจฉาแต่ไม่ริษยา “หลินจื่อถิง แท้จริงก่อนหน้านี้เจ้าก็มีชีวิตที่วิเศษและน่าสนุกขนาดนี้ ! ถ้าอย่างไร…เราสองมาแลกเปลี่ยนกันไหม ข้ามาเป็นน้องเล็กของบ้านเจ้า ส่วนเจ้าไปเป็นน้องของพี่ชายทั้งสามคนของข้า ว่าอย่างไร ? ”
เจ้าหนูน้อยย่นจมูกใส่เขาและพูดอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าทำตัวไม่ดีเวลาอยู่บ้านเอง เจ้าก็น่าจะเริ่มเปลี่ยนแปลงจากตัวเองก่อน ! บ้านของเจ้ามีฐานะร่ำรวย พ่อแม่ปู่ย่ารักใคร่แล้วยังมีพี่ชายอีกสามคนที่คอยปกป้อง ยังมีอะไรให้ไม่พอใจอีกหรือ ? เด็กซนอย่างเจ้าถึงจะมาอยู่บ้านข้าแล้วก็ต้องโดนพี่รองตีสองสามยกแน่นอน พละกำลังของพี่รองนั้นเจ้าก็เห็นแล้ว ถ้านางจะต่อยตีคนอื่นขึ้นมา แม้แต่พี่ชายทั้งสามของเจ้าก็สู้ไม่ไหว ! ”
หลู่ซวนไม่สบอารมณ์ “หากข้ามีพี่สาวที่ร้ายกาจขนาดนี้ ข้าเองก็จะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังเหมือนเจ้านั่นแหละ ! ”
ฉิงจิ้งหยูคอยพูดซ้ำเติมอยู่ด้านข้าง “เจ้าเองก็รู้ตัวว่าไม่เชื่อฟังหรือ ? โดนตีมาหลายปีขนาดนี้ ถึงได้…”
“ฉิงจิ้งหยู เจ้าเป็นพวกเดียวกับใครกันแน่ ? ” หลู่ซวนตะโกนด้วยความโมโห
ตอนที่พวกเขากลับมาถึงหมู่บ้านก็เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี เวลานี้บ้านเรือนส่วนใหญ่ในฉือหลี่โกวล้วนมีควันลอยออกมา มู่เกินเอ๋อร์ โก่วเชิ่งเอ๋อร์ เสี่ยวถู่โต้วและพวกวังตงเฉียงกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ที่ต้นอวี๋เก่าแก่หน้าหมู่บ้าน เมื่อเห็นว่าพวกเขาลงมาจากเขา เจ้าพวกนี้ก็เข้ามาล้อมทันที
เมื่อเห็นเจ้าหนูน้อยถือไก่ป่าไว้ในมือแล้วยังมีกระต่ายป่ากับแพะวัยกำลังโตอีก วังตงเฉียงก็อิจฉาขึ้นมาทันที “เอ้อร์ฮว๋า เจ้าทำเกินไปแล้ว พี่รองหลินพาพวกเจ้าไปล่าสัตว์ก็ไม่มาชวนข้าบ้าง ! ”
หลังนึกถึงน่องไก่ชุบแป้งทอดที่เจ้าหนูน้อยเอามาให้เมื่อวานแล้ว มู่เกินเอ๋อร์ก็สูดน้ำลายทันที “วันนี้ข้าเกี่ยวหญ้ากระต่ายได้อีกสองตะกร้า เอ้อร์ฮว๋า เจ้าอย่าลืมจดไว้ด้วย”
เจ้าหนูน้อยนับวันก็ยิ่งใจกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนต้องเกี่ยวหญ้ากระต่ายได้สิบวันแล้วถึงจะแลกหมูตุ๋นน้ำแดงได้หนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้เกี่ยวหญ้าครบ 10 ตะกร้าก็จะสามารถแลกน่องไก่ชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือเขาได้ ทั้งหอมทั้งกรอบ อร่อยจนเขาต้องร้องไห้ออกมาเลยล่ะ !
ท่านแม่ชอบดึงหูเขาทุกวัน บอกว่าเขาหันศอกออกนอกบ้าน เมื่อก่อนตอนที่เขาได้เงินจากการเกี่ยวหญ้ากระต่ายก็จะยกให้ท่านแม่ทั้งหมด แต่ท่านแม่ไม่เคยเอาเงินไปซื้อเนื้อให้เขากินสักชิ้น มีเพียงพ่อเลี้ยงที่ใช้เงินอีแปะซึ่งโก่วเชิ่งเอ๋อร์ฝากไว้ไปซื้อเนื้อหมูมาครึ่งชั่งแล้วตุ๋นใส่ถู่โต้วกับผักกาดขาว
ต่อไปนี้เขาไม่มีทางโง่เขลายกเงินให้นางอีก มารดาคิดแต่จะเอาเงินไปช่วยเหลือพี่น้องและหลาน ๆ ทางบ้านมารดา ! ต่อไปเขาจะให้พ่อเลี้ยงเป็นคนเก็บเงินของตน พ่อเลี้ยงเป็นคนดี ไม่มีทางเอาเงินที่เขาหามาด้วยความยากลำบากไปใช้แน่นอน
ฮ่าฮ่า วันนี้ยังหาเงินได้อีก 2 อีแปะ ! ถ้าทำอีกไม่กี่วันก็จะแลกน่องไก่ชุบแป้งทอดได้อีกแล้ว…อืม…พ่อเลี้ยงดีต่อเขามาก ไม่เคยเอาของที่เป็นของเขาไปให้โก่วเชิ่งเอ๋อร์ ปฏิบัติต่อเขากับโก่วเชิ่งเอ๋อร์เสมือนการตักหรือเติมน้ำในถ้วยให้เสมอกัน…เขาจะเอาน่องไก่ชุบแป้งทอดไปให้พ่อเลี้ยงชิมสักคำก็แล้วกัน !
เจ้าหนูน้อยพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ ประเดี๋ยวจะไปจดไว้ให้เจ้าสองคน ! ส่วนเจ้า วังตงเฉียง อ่านตำราหรือยัง ? จำอักษรได้หรือเปล่า ? ไม่ได้ ? ถ้าเช่นนั้นก็ยังอยากตามไปเล่นบนเขาอีก ? ไม่กลัวอาจารย์ตีมือเจ้าหรือ ? ”
วังตงเฉียงแค่นเสียงในลำคอ “เดิมทีข้าก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียนหนังสือได้อยู่แล้ว ที่ท่านปู่ส่งข้าไปสำนักศึกษาในเขตเริ่นอันก็แค่อยากให้ข้าดูโดดเด่นเท่านั้นแหละ ! ”
“ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียนหนังสืออะไรกัน ? เป็นเจ้าที่ไม่ใส่ใจต่อการอ่านตำรามากกว่า ! กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็มาที่บ้านข้า พวกเราจะอ่านตำราและคัดอักษรด้วยกัน ! ” ต่อจากนั้นเจ้าหนูน้อยก็เขย่าหนูไผ่ในมือ “หากเจ้าทำการบ้านที่อาจารย์สั่งจนเสร็จ ข้าจะเก็บเนื้อหนูไผ่ไว้เป็นรางวัลแก่เจ้า ! ”
“หนูไผ่คืออะไร ? หนูบนเขาอย่างนั้นหรือ ? ตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้เป็นปิศาจอะไรหรอกกระมัง ? ” สหายไม่กี่คนของเขาไม่เคยเห็นเจ้าตัวนี้มาก่อน จึงเข้ามาล้อมวงและชี้มือชี้ไม้ใส่หนูไผ่ทันที
เจ้าหนูน้อยพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้หนูไผ่จะมีคำว่า ‘หนู’ อยู่ในชื่อ แต่รูปร่างคล้ายกระต่าย พี่รองบอกว่าเนื้อของมันนุ่มยิ่งกว่าเนื้อกระต่ายเสียอีก ! ” พอเหล่าสหายได้ยินแบบนั้นก็น้ำลายไหลด้วยความหิวทันที
พี่สาวตนโตตระกูลหลินทำมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยยังลงมือทำกระต่ายผัดเผ็ดเพิ่มอีกอย่าง ตอนนี้มีอาหารสองสามอย่างที่พี่สาวเริ่มทำออกมาได้มีรสชาติเหมือนของหลินเว่ยเว่ยแล้ว นางจึงสามารถออกจากการเป็นศิษย์อาจารย์ได้ สหายทั้งสองของเจ้าหนูน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังมื้อเที่ยงจบลง หลินเว่ยเว่ยก็เริ่มต้มซุปกระดูกหมูป่าด้วยไฟแรงเพื่อเตรียมไว้ทำหม้อไฟในคืนนี้และก็เป็นธรรมดาที่หม้อไฟสูตรลับของนางจะพิชิตใจเจ้าตัวน้อยสองคนนี้ได้ แม้จะกินเผ็ดไม่เก่ง แต่ก็ยังทนปาดน้ำตาพลางคีบกินเนื้อรสเผ็ดชาชิ้นแล้วชิ้นเล่า
เนื้อกวางสดใหม่สุด ๆ เมื่อล้างเนื้อแพะจนไม่มีกลิ่นสาบแล้วนำลงไปต้มก็จะได้รสชาติที่สุดยอด ส่วนหลอดเลือด ผ้าขี้ริ้วและสมองหมู เจ้าตัวน้อยทั้งสองเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก เดิมทีไม่ค่อยกล้ากิน แต่พอได้กินแล้วก็หยุดขยับตะเกียบไม่อยู่อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อจุ่มสมองหมูลงในซอสปิ้งย่างแล้วรสชาติค่อนข้างเหมือนเต้าหู้อ่อน แต่อร่อยกว่าเต้าหู้อ่อนเป็นร้อยเท่า
อาหารมื้อนี้ หลู่ซวนกินจนต้องกุมท้องแล้วไปนอนหงายบนเตียง…เพราะท้องอืด ! ฉิงจิ้งหยูเหลือบมองแล้วด่าว่าเขาไม่เอาไหน…แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเองก็ท้องอืดเหมือนกัน แต่ไม่ยอมเผยสีหน้าออกมา
หลินเว่ยเว่ยต้มน้ำแกงช่วยย่อยอาหารให้เด็ก ๆ ก่อนนอนพวกเขาดื่มเข้าไปชามโต ไม่อย่างนั้นได้ท้องอืดจนนอนไม่หลับแน่
วันรุ่งขึ้น ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกจากฉือหลี่โกว หลู่ซวนก็โบกผ้าเช็ดหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขณะบอกลากับทุกคนที่มาส่ง “ท่านน้าหวง ท่านน้าเฝิง พี่ใหญ่หลิน พี่รองหลิน…กลับเข้าบ้านเถิด ไม่ต้องรอส่งแล้ว วันหยุดครั้งหน้าข้าจะมาหาพวกท่านใหม่…”