หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 439 มีฤทธิ์น่าทึ่งจริงหรือ ?
ตอนที่ 439 มีฤทธิ์น่าทึ่งจริงหรือ ?
วันนี้พอมาถึงสำนักศึกษาแล้ว เจ้าหนูน้อยก็เห็นเพียงหลู่ซวนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความหดหู่ แต่ไม่เห็นฉิงจิ้งหยูที่นั่งอยู่ถัดจากเขาเหมือนปกติ เจ้าหนูน้อยจึงถามถึงสาเหตุ
หลู่ซวนถอนหายใจด้วยความกังวล “เมื่อวานนี้จิ้งหยูตากลมเย็นมากเกินไปจึงเริ่มไอ น่าจะไม่มาเข้าเรียนประมาณครึ่งเดือนได้เลย”
เจ้าหนูน้อยหยิบห่อลูกอมออกมาจากกระเป๋าหนังสือแล้วพูดกับหลู่ซวนว่า “บังเอิญมาก ! พี่รองบอกว่าฤดูใบไม้ผลิจะเป็นฤดูที่เกิดอาการไอได้ง่าย นางจึงให้ข้าพกลูกอมชวนเป้ยมาแบ่งให้พวกเจ้ากิน มันไม่ได้เป็นแค่ลูกอมธรรมดาแต่ยังมีฤทธิ์บำรุงปอด ลดอาการไอ เสริมธาตุเย็น บรรเทาอาการร้อนในและเพิ่มความสดชื่นในลำคอ เจ้าเอากลับไปให้ฉิงจิ้งหยูกินสิ ! ”
แม้หลู่ซวนจะอยากกินลูกอมที่พี่รองหลินเป็นคนทำมาก ๆ แต่พอคิดว่ามันช่วยบรรเทาอาการของสหายรักได้ เขาก็อดกลั้นความตะกละเอาไว้
ช่วงพักเที่ยงจะมีเวลาพักทั้งหมดครึ่งชั่วยาม เขาก็วิ่งไปบ้านสกุลฉิงโดยที่ยังไม่ทันกินข้าวเที่ยงด้วยซ้ำ จากนั้นก็ยกลูกอมทั้งหมดให้ฉิงจิ้งหยู “นี่เป็นของที่พี่รองหลินทำให้ บอกว่าช่วยบำรุงปอดและลดอาการไอได้ เจ้ารีบลองกินสิ…ในเมื่อพี่รองหลินพูดขนาดนั้นแล้วก็ต้องไม่ผิดแน่นอน ! ”
เจ้าอ้วนน้อยหลู่ซวนเชื่อถือในตัวหลินเว่ยเว่ยมาก แต่คนบ้านสกุลฉิงไม่กล้าให้บุตรชายที่นอนป่วยกินอะไรมั่วซั่ว พวกเขานำลูกอมไปให้ท่านหมอที่โรงหมอตรวจสอบ หลังจากรู้ว่าบุตรชายสามารถกินได้แล้วถึงจะยกลูกอมให้เขาด้วยความวางใจ
ตอนที่อมลูกอมไว้ในปาก ฉิงจิ้งหยูก็เห็นสหายรักที่นั่งอยู่ข้างเตียงกำลังจ้องตาปริบ ๆ มาที่ตน ฮึ เขาจะไม่รู้หรือว่าหลู่ซวนกำลังคิดอะไรอยู่ ? เขาจึงหยิบลูกอมออกมา 1 เม็ดแล้วยัดใส่มือหลู่ซวน “กินสิ หวานมากเลยล่ะ ! ”
ใครจะคาดคิดว่าจอมตะกละอย่างเจ้าอ้วนน้อยจะคืนลูกอมให้โดยไม่ลังเลสักนิด “หลินจื่อถิงบอกว่าลูกอมนี้ช่วยรักษาอาการป่วยของเจ้าได้ ข้ากินน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่แค่ลูกอมหรือไร ! รอให้เจ้าหายป่วยแล้วค่อยซื้อลูกอมเมล็ดสนของร้านหนิงจี้ชดเชยให้ข้าสักสองสามครั้งก็จบเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ ? ”
ฉิงจิ้งหยูตบกระเป๋าเงินที่ข้างหมอนเบา ๆ “ได้ ! รอให้ข้าหายดีแล้วจะใช้เงินค่าขนมที่เก็บไว้ไปซื้อลูกอมให้เจ้ากิน ! ”
“แล้วก็…หลังจากหลินจื่อถิงได้ยินว่าอาการไอของเจ้ารุนแรง เขาก็ยกลูกอมทั้งหมดแก่ข้าเพื่อให้เอามาให้เจ้า เขายังบอกว่าที่บ้านมียาน้ำชวนเป้ยอีกหนึ่งชนิด มันช่วยบรรเทาอาการไอได้อย่างชะงัด เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะเอามาให้เจ้าหนึ่งโถกระเบื้องเคลือบ ! ” หลู่ซวนคิดว่าสหายอย่างหลินจื่อถิงช่างคุ้มค่าที่จะคบหา !
ฉิงจิ้งหยูพยักหน้า “อืม ประเดี๋ยวซื้อลูกอมเมล็ดสนให้หลินจื่อถิงด้วย…แค่กแค่ก…ทว่า…หลู่ซวน ภาคบ่ายจะเริ่มแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่กลับไปอีกอาจารย์จะตีมือเจ้าได้…”
หลู่ซวนเป็นเหมือนคนที่เก้าอี้ร้อนผ่าวลนก้น เขารีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที “จบกัน จบเห่ ! จะสายแล้ว ! เสี่ยวหยู ประเดี๋ยวเย็นนี้ข้ามาเยี่ยมเจ้าใหม่ ! ”
หลู่ซวนจะโดนอาจารย์ตีมือหรือเปล่านั้น ฉิงจิ้งหยูไม่อาจรู้ได้ และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจหรือเปล่าจึงทำให้หลังจากอมลูกอมไปสองเม็ด เขาก็รู้สึกว่าอาการไอบรรเทาลง หน้าอกก็ไม่ได้มีอาการแน่นขนาดนั้นแล้ว เมื่อก่อนเวลาไอแล้วหน้าอกจะสั่นสะเทือนจนรู้สึกเจ็บ แต่คราวนี้รู้สึกเบาขึ้นมาก
นึกถึงตอนอยู่บ้านตระกูลหลิน เขาทำเรื่องต้องห้ามของบิดามารดาไปอย่างมากมาย ทั้งกินของที่ท่านหมอห้ามเยอะมากและยังขึ้นไปเดินบนเขาอีกครึ่งลูก เหนื่อยจนทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เดิมทีคิดว่าโชคดีที่ไม่ได้ล้มป่วยในบ้านสหาย แต่คาดไม่ถึงว่าจะยังหนีเคราะห์ร้ายในครั้งนี้ไม่พ้น
ทว่าตามหลักแล้วอาการน่าจะรุนแรงมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อก่อนแค่ฟ้าร้องหรือฝนตกปรอย ๆ เขาก็ป่วยหนัก แต่ครานี้ไปสมบุกสมบันขนาดนั้นอาการกลับเบากว่าปกติมาก…หรือจะเป็นเพราะ…ร่างกายของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว ?
พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินว่าสหายร่วมห้องของเจ้าหนูน้อยป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับปอดและมักไอบ่อย ๆ นางจึงนำยาน้ำชวนเป้ยที่เก็บไว้ในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณออกมาให้เจ้าหนูน้อยสองโถ ถ้าชงผสมกับน้ำอุ่นดื่มวันละถ้วยชาก็น่าจะพอดื่มได้ประมาณครึ่งปี
ยามเที่ยงของวันถัดมา เจ้าหนูน้อยหอบโถกระเบื้องเคลือบ 2 ใบมาเยี่ยมฉิงจิ้งหยูพร้อมหลู่ซวน เขาพูดกับนางฉิงอย่างมีมารยาท “ยาน้ำชวนเป้ยนี้ พี่รองของข้าทำตามสูตรของท่านหมอเหลียงในหมู่บ้านขอรับ โดยใช้ชวนเป้ยชั้นดีกับลูกสาลี่บนหุบเขาของพวกเรามาต้มรวมกับน้ำตาลกรวดและน้ำผึ้งขอรับ ช่วงฤดูหนาวข้าชอบไอบ่อย ๆ แต่ไม่ได้ดื่มยาตัวอื่นสักหยด ดื่มแค่ยาน้ำชวนเป้ยไม่กี่วันก็แทบจะหายดี ท่านลองให้ฉิงจิ้งหยูลองดื่มสักสองสามวันสิขอรับ…”
นางฉิงชอบเจ้าตัวน้อยที่มีมารยาทและรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนคนนี้มากจึงรับยาน้ำชวนเป้ยมาพร้อมพูดขอบคุณ…เพราะไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นน้ำใจจากสหายของบุตรชาย ! และนางยังเคยปรึกษาท่านหมอมาแล้วว่าชวนเป้ยกับลูกสาลี่สามารถช่วยบำรุงปอดกับลดอาการไอได้จริง ถ้าให้ดื่มก็ไม่มีฤทธิ์ที่ต้านตัวยาประจำของบุตรชาย
การล้มป่วยครั้งนี้ของฉิงจิ้งหยูหายเร็วเป็นพิเศษ ในสถานการณ์ทั่วไป ถ้าไม่ถึงหนึ่งเดือนอาการจะไม่มีทางหาย แต่ครั้งนี้ผ่านไปแค่ไม่ถึง 5 วันก็หายแล้ว เมื่อก่อนแม้จะหายดีก็ยังมีอาการแน่นหน้าอกต่ออีกสักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้น่ะหรือ ? ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน รู้สึกดียิ่งกว่าตอนที่ไม่ป่วยเสียอีก
เทียบยาประจำก็ยังคงกินไม่ขาด มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่แตกต่างออกไปคือครั้งนี้เขายืนกรานที่จะดื่มยาน้ำที่หลินจื่อถิงเอามาให้ทุกวัน ยาน้ำชวนเป้ยที่ชงดื่มแล้วมีรสชาติหวานเหมือนน้ำหวานไม่ผิดเพี้ยน หรือมันจะมีฤทธิ์น่าทึ่งอยู่จริง ?
นายท่านฉิงและนางฉิงก็รู้สึกประหลาดใจมากจึงเตรียมของขวัญแล้วใช้เวลาช่วงวันหยุดของบุตรชายพาเขาไปขอบคุณด้วยตัวเอง หลู่ซวนก็ตามไปที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวด้วยความดีใจสุด ๆ…คราวนี้เขาบอกกับผู้ปกครองที่บ้านไปตามตรงจึงสามารถมาเยือนบ้านตระกูลหลินได้อย่างเปิดเผย
หลังจากนายท่านฉิงและภรรยาขอบคุณเสร็จแล้วก็เริ่มสอบถามด้วยความเขินอายว่า “โชคดีที่หยูเอ๋อร์ของเราได้ยาน้ำชวนเป้ยที่จื่อถิงนำมาฝากจึงหายป่วยเร็วขนาดนี้ ไม่ทราบว่า…ยาน้ำชวนเป้ยของบ้านพวกท่านมีอีกมากหรือเปล่า ? ถ้าอย่างไรพวกเราจะขอซื้อ…”
นางหวงซึ่งรับหน้าที่ต้อนรับสองสามีภรรยาตระกูลฉิงก็ไม่แน่ใจว่าที่บ้านมียาน้ำชวนเป้ยอยู่เท่าใด นางจึงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ยาน้ำชวนเป้ยนี้เป็นยาที่พวกเด็ก ๆ ต้มขึ้นมาเพื่อทำเป็นขนม ปกติบุตรสาวคนรองของข้าจะเป็นคนเก็บไว้ รอให้นางลงจากเขาแล้ว ข้าจะช่วยถามให้…”
พอหลู่ซวนได้ยินเช่นนั้นก็ลากเจ้าหนูน้อยไปกระซิบคุยกันเป็นการส่วนตัว “พี่รองของพวกเราขึ้นเขาไปล่าสัตว์อีกแล้วหรือ ? ”
เจ้าหนูน้อยส่ายหน้า “พี่รองไปเดินชมทิวทัศน์บนเขาเป็นเพื่อนพี่โม่หาน ภาพวาดหน้าใบพัดที่อยู่ในห้องหนังหนังสือหยวนถูนั้น พวกเจ้าเคยเห็นหรือไม่ ? มันเป็นฝีมือของพี่โม่หานทั้งหมด ! ”
หลู่ซวนมีดวงตาเบิกกว้างทันที “ว่าอย่างไรนะ ? ที่แท้เจียงอั้นโฉ่วก็คือปราชญ์ชนบท ! ข้ามาเยือนโดยไม่เสียเที่ยวจริง ๆ ! งานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของพี่ชายคนรองของข้าก็คือวาดภาพ เขาชื่นชมหุบเขาและสายน้ำ ถึงขั้นหมกมุ่นกับภาพวาดหน้าใบพัดของปราชญ์ชนบท ข้าอุตส่าห์เก็บเงินค่าขนมด้วยความยากลำบาก แต่โดนเขาหลอกเอาไปซื้อพัดเหล่านั้นเสียได้”
หลู่ซวนเคยบ่นว่า ‘ปราชญ์ชนบทก็ใจดำเหลือเกิน แค่พัดอันเดียวก็ต้องใช้เงินถึง 50 ตำลึง’ แต่กลับโดนพี่ชายคนรองด่าเปิง บอกว่าภาพวาดของปราชญ์ชนบทถือเป็นภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าว่าแต่ 50 ตำลึงเลย แม้จะราคา 500 ตำลึงก็ถือว่าไม่แพง ! เป็นผู้คลั่งไคล้ตัวยงสุด ๆ !
ฉิงจิ้งหยูพูดอย่างเชื่องช้า “ภาพวาดราคา 50 ตำลึงแพงมากเลยหรือ ? ภาพวาดของแท้ฝีมือผู้อาวุโสเซวียในห้องหนังสือหยวนถูก็ขายในราคาหนึ่งหมื่นตำลึงได้อย่างน่าตกตะลึง ! ”
“นั่นก็เพราะว่า…ผู้อาวุโสเซวียหายตัวไปหลายปีหรือบางทีอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วผลงานที่จิตรกรเอกสร้างสรรค์หรือเก็บสะสมเอาไว้ก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลังจากที่พวกเขาเสียชีวิต…” หลู่ซวนวิเคราะห์อย่างมีหลักการ