หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 455 คำขอโทษของบัณฑิตน้อย
ตอนที่ 455 คำขอโทษของบัณฑิตน้อย
นัยน์ตาสีเข้มของหลินเว่ยเว่ยจับจ้องเจียงโม่หานโดยมีแต่ความว่างเปล่าอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตาออกอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเข้าไปประคองนางหวงที่กำลังยืนซวนเซ “ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้เป็นอะไร เลือดบนตัวก็เป็นของเจ้าหมีควายตัวนั้น ! ”
เจ้าหนูน้อยพุ่งเข้ามากอดเอวของนาง “พี่รอง ท่านไม่ได้เป็นอะไรจริงหรือ ? พี่รอง เหตุใดท่านกลับมาช้า ? ข้าเป็นห่วงท่านจะตายอยู่แล้ว ! ”
“รีบถอยออกไป ประเดี๋ยวเลือดก็เปื้อนตัวเจ้าหรอก” หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเจ้าหนูน้อย
เจ้าหนูน้อยยอมถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง “ได้ พี่รอง ท่านรีบไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด”
หลินเว่ยเว่ยเดินมาหานางเฝิงแล้วเผยรอยยิ้มแสนน่ารักพลางพูดกับนางเฝิงเบา ๆ ว่า “ทำให้น้าเฝิงต้องเป็นห่วงแล้ว”
นางเฝิงพูดตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าเหลือน้ำร้อนไว้ในหม้อให้เจ้าแล้ว รีบไปผสมน้ำอาบก่อนเถิด…”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่ลานหน้าบ้าน ขณะเดินผ่านเจียงโม่หาน นางก็ไม่หันไปมองเขาแต่อย่างใด ทำราวกับว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
นางเฝิงอดหัวเราะไม่ได้ “เด็กคนนี้ยังไม่หายโกรธ ! ” ต่อจากนั้นก็หันไปมองเจียงโม่หานด้วยความเห็นใจ…ภรรยาของใครก็ไปง้อเอง !
ตอนที่หลินเว่ยเว่ยอาบน้ำ นางหวงมาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่ ตอนนี้ใบหน้าเปื้อนเลือดของหลินเว่ยเว่ยถูกชำระล้างจนสะอาดหมดจด นางหันมามองขณะนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ หมีควายตัวเดียวทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ! ”
นางหวงมองสำรวจตัวนางอย่างละเอียด เมื่อไม่พบบาดแผลตรงไหนก็วางใจได้สักที หลังได้ยินแบบนั้นนางหวงก็ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากหลินเว่ยเว่ย “คุยโวเสียมากกว่า คราวก่อนใครกันที่โดนเสือกัดแขน ? ”
“นั่นไม่ใช่สถานการณ์เร่งด่วนที่ต้องรีบช่วยคนอื่นหรือเจ้าคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยล้างตัวจนสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดตัว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดสีเหลืองขนเป็ดตัวใหม่ ก่อนจะควงแขนมารดาแล้วเดินออกมาพร้อมกัน “อาหารเย็นทำเสร็จหรือยัง ข้าหิวจนจะกลืนหมีได้ทั้งตัวอยู่แล้ว ! ”
เจ้าหนูน้อยเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ เขาจึงวิ่งเข้ามาหาพร้อมเสียงหัวเราะ “พี่รอง ท่านคงไม่ได้ไปจัดการหมีควายที่ชอบเอาน้ำผึ้งแลกกับน้ำสะอาดบนเขาหรอกกระมัง ? ”
สามวันผ่านไปแล้ว ในที่สุดพี่รองก็ยอมพูด ช่วงหลายวันก่อนหน้านั้นพี่รองอารมณ์เสีย รัศมีที่แผ่ออกมาจากกายก็น่ากลัวมาก เจ้าหนูน้อยไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว พี่รองกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง เจ้าหนูน้อยจึงเข้าไปนั่งคลอเคลียอยู่ข้างพี่รองของตน
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “ตัวนั้นคือหมีควายเพศเมีย แต่ที่ข้าแบกมานี้เป็นหมีควายตัวผู้ เจ้าหมีควายตัวนี้โชคร้ายจึงตกอยู่ในกำมือข้า ! พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเจ้าพอดี ประเดี๋ยวพี่รองจะตุ๋นอุ้งตีนหมีให้เจ้ากิน ! ”
“ข้ารู้ อุ้งตีนหมีเป็นสมบัติหายากในหุบเขา เหมือนกับหูฉลาม…พี่รอง อุ้งตีนหมีน่าจะแพงมากเลย ถ้าอย่างไร…เราเอาไปขายแลกเงินดีกว่าหรือไม่ ? ” แม้เจ้าหนูน้อยอยากลองกินอุ้งตีนหมี แต่พอคิดว่าอุ้งตีนหมีคู่หนึ่งมีราคาหลายร้อยตำลึง แต่บ้านของตนกลับเอามากินกันแบบนี้ เขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เนื่องจากรู้ดีว่าการหาเงินมาได้สักอีแปะไม่ใช่เรื่องง่าย
หลินเว่ยเว่ยเคาะศีรษะของเขา “บ้านเราไม่มีเงินให้เจ้าใช้หรือ ? กินเถิด ตอนนี้บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนเงิน ! ”
น้ำเสียงแสดงความร่ำรวยของนางทำให้เจ้าหนูน้อยมีความสุขขึ้นมาทันที เขากระโดดจนตัวลอย “รอให้วันมะรืนนี้ได้ไปสำนักศึกษา ข้าก็มีเรื่องโอ้อวดหลู่ซวนอีกแล้ว เขาจะต้องเสียใจที่คราวนี้ไม่ได้กลับมาพร้อมข้าแน่นอน…”
หลู่ซวนก็อยากตามเขากลับมาอยู่หรอก เพราะทุกครั้งที่มาบ้านเจ้าหนูน้อยก็จะได้กินทั้งของอร่อยและยังได้ขึ้นเขาไปเก็บผลไม้ป่า ไข่นกหรือกินอาหารป่า หลู่ซวนมีความสุขยิ่งกว่าอะไร แต่น่าเสียดายที่พี่ชายทั้งสามจำกัดอิสรภาพของน้องชายคนเล็ก ไม่ให้หลู่ซวนมาก่อกวนที่หมู่บ้านฉือหลี่โกว…
เจียงโม่หานเห็นหลินเว่ยเว่ยพูดกับน้องชายพร้อมรอยยิ้มจึงหลงคิดว่านางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ก็คือโกรธง่ายหายเร็ว ขณะมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาก็คีบซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานที่นางชอบใส่ชามให้นาง
ตะเกียบที่คีบอาหารเข้าปากอย่างกระตือรือร้นของหลินเว่ยเว่ยหยุดลงทันที นางคีบซี่โครงหมูชิ้นนั้นใส่ชามของน้องสี่ “กินเยอะ ๆ หน่อย น้องสี่ของพวกเราผอมเกินไปแล้ว”
เจ้าหนูน้อยยืนขึ้นเพื่อเปรียบเทียบส่วนสูงของตน “ข้าตัวสูงขึ้นแล้ว ! ฉิงจิ้งหยูบอกว่าตอนที่ตัวสูงขึ้นจะผอมลงมาหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่เจ้าอ้วนหลู่ซวนกลับไม่ผอมลงเลย ! ” มาขอขนมจากเขาทุกวัน เรียกว่าอ้วนขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ !
เจียงโม่หานยังคีบเนื้อหมูผัดเผ็ดให้นางอีกชิ้น ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็ยังคีบไปให้หลินจื่อเหยียน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วมอง…เด็กคนนี้ยังโกรธเขาอยู่ ?
มั่นใจหน่อย ลบเครื่องหมายคำถามออกไป ! เจ้าคิดว่าเวลาผู้หญิงโกรธแล้วง้อได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ?
อาหารมื้อนี้กินกันอย่างมีความสุข หลินเว่ยเว่ยยิ้มแย้มให้ทุกคนและยังคีบอาหารให้คนอื่นด้วย แต่กลับทำไม่เห็นเจียงโม่หานอยู่คนเดียว…ราวกับว่าบนโต๊ะอาหารไม่มีคนผู้นี้อยู่
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ไปเลาะหนังหมีควาย ตัดอุ้งตีนหมี เอาถุงน้ำดีหมีออกมา จากนั้นสั่งเจ้าหนูน้อยว่า “ไปเถิด จงเอาถุงน้ำดีหมีไปให้ท่านหมอเหลียง ! ”
ทุกชิ้นส่วนของหมีควายเป็นสมบัติล้ำค่า ถุงน้ำดีเป็นวัตถุดิบในการทำยารักษาโรคทางเดินอาหารและยารักษาโรคทางตา กระดูกหมีทำยาสมานกระดูกได้ พวกยาขี้ผึ้งที่ผลิตจากน้ำมันหมีช่วยรักษาผิวแตกลาย แผลไฟไหม้และริดสีดวงทวารหนักได้อีกด้วย ส่วนเนื้อหมีก็เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง
ชาติก่อนหมีควายเป็นสัตว์สงวน หลินเว่ยเว่ยจึงไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติเนื้อหมี ทว่านางเคยอ่านบทความหนึ่ง บอกว่าที่ประเทศญี่ปุ่นยกเลิกกฎหมายห้ามล่าหมีควายแล้ว
ในบทความยังแนะนำวิธีตุ๋นเนื้อหมีควายอีกด้วย อย่างเช่นวิธีทำอย่างไรให้เอ็นละลายในปาก ทำอย่างไรให้อุ้งตีนหมีออกมามีรสอร่อยและก็ยังนำหัวใจ ตับ ปอดของหมีไปย่างกินได้ด้วย ส่วนสำคัญที่สุดคือสมองหมี หลังจากนึ่งเสร็จแล้วก็จิ้มกับน้ำจิ้ม พูดกันว่ารสสัมผัสนุ่มยิ่งกว่าปลาหิมะที่หายากเสียอีก…
หลังจากคิดทบทวนแล้ว น้ำลายของหลินเว่ยเว่ยก็แทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว !
ต่อจากนั้นนางก็เริ่มแล่ชั้นไขมันหมี เนื้อหมี เครื่องในหรือแม้แต่กระดูกหมีออกมาอย่างรวดเร็ว เนื้อหมีมีน้ำหนักเกือบ 300 ชั่ง ตอนนี้อยู่ในฤดูร้อนจึงไม่มีทางกินหมดโดยเร็ว นางจึงตัดสินใจที่จะเก็บเนื้อส่วนขาไว้แค่บางส่วนแล้วนำส่วนที่เหลือไปขาย
“ข้าช่วยเจ้าเอง ! ” เจียงโม่หานโดนเมินมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ แล้ว เขาจึงเข้ามาหานางก่อนอย่างหมดความอดทน
หลินเว่ยเว่ยใช้ตัวดันเขาออกไปโดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ เจียงโม่หานถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรื่องที่ข้าเข้าเมืองโดยไม่ยอมบอกเจ้าก่อน ข้าผิดเอง เจ้าโกรธข้าก็เข้าใจ แต่ได้ยินท่านป้าบอกว่าช่วงหลายวันมานี้เจ้ากินอะไรไม่ค่อยลงและยังชอบวิ่งเข้าป่าทุกวัน อยู่ในนั้นจนมืดค่ำ…โกรธก็ส่วนโกรธ แต่จะไม่สนใจสุขภาพของตนได้อย่างไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยยกมีดขึ้นสูงแล้วเริ่มสับกระดูกหมีราวกับมีความแค้นกับเจ้ากระดูกชิ้นหนามาแต่ชาติปางก่อน
“เสี่ยวเว่ย ข้าผิดเอง เจ้าหายโกรธได้หรือเปล่า ? ” หลังจากโดนหลินเว่ยเว่ยเห็นเป็นอากาศธาตุมาหนึ่งคืน เจียงโม่หานก็รู้สึกทรมานยิ่งกว่าอะไร เมื่อก่อนเด็กน้อยชอบมาพูดเสียงเจื้อยแจ้วใส่เขาตลอด แต่จู่ ๆ ก็ไม่สนใจกันแบบนี้ ความรู้สึกเหงาหงอยจึงเด่นชัดขึ้นมาทันที
พอเห็นหลินเว่ยเว่ยยังเมินใส่เช่นเดิม เขาก็พูดต่อ “ข้ารู้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่เจ้าโกรธก็เป็นเพราะข้าออกไปเสี่ยงอันตรายที่เมืองจงโจวคนเดียว แต่สาเหตุที่ข้าไม่อยากให้เจ้าไปด้วยก็เพราะเหตุผลเดียวกัน…”