หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 466 เจ้าเรียกแล้วมันจะตอบรับหรือเปล่า
ตอนที่ 466 เจ้าเรียกแล้วมันจะตอบรับหรือเปล่า
เจ้าอินทรียักษ์ตัวนี้ทำท่าที ‘น้อยใจ’ เหมือนเด็กน้อยใส่นาง ช่างผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูน่าเกรงขาม…ฮึก ฮึก ฮือฮือฮือ ข้าเกือบไม่ได้พบหน้าเจ้านายแล้ว น่ากลัวเหลือเกิน…ไม่มีเนื้อกวางสักชั่งสองชั่งมาปลอบใจข้าก็คงจะไม่ได้แล้ว
หลินเว่ยเว่ยจิ้มหัวเล็ก ๆ ของอินทรีทอง “หืม ? เจ้าอินทรีตัวที่บินอยู่บนท้องฟ้าเมื่อครู่นี้หายไปไหนแล้ว ? ข้าเห็นว่าเจ้ายังสนุกกับการหลบลูกธนูอยู่เลย ! ”
ฮึก ฮือฮือฮือ ข้าก็แค่ทำเป็นสนุกต่างหากเล่า…
“อินทรีหายไปไหนแล้ว ? เมื่อครู่เห็นอยู่ว่ามันบินโฉบลงมาแถวนี้ ? รีบไปตามหามันเร็วเข้า ! ” เสียงของเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มดังขึ้น ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“น้องชาย ดูเหมือนว่าอินทรีทองตัวนั้นจะ…มีเจ้าของ ! ” เสียงที่ค่อนข้างคุ้นหูดังขึ้นมาอีกเสียงเช่นกัน
เจ้าเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มยังไม่เชื่อและเดินตามหาไปทั่ว “พี่สี่ ท่านมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าอินทรีทองตัวนั้นมีเจ้าของแล้ว ? เท่าที่ข้ารู้มาคือนกอินทรีทองมีนิสัยดุร้าย น้อยคนนักที่จะฝึกมันให้เชื่องได้ เมื่อครู่นี้ต้องเป็นเพราะมันโดนลูกธนูของข้าแน่นอน มันคงจะตกอยู่แถวนี้เอง ! ”
พี่สี่ผู้นั้นยังกล่าวอย่างมีเหตุผลว่า “ลูกธนูทั้งสามดอกที่น้องโหยวยิงออกไปล้วนไม่สามารถสร้างความบาดเจ็บให้แก่อินทรีทองตัวนั้นได้ แต่มันกลับบินโฉบลงไปจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าเจ้านายของมันจะอยู่แถวนี้…”
เจ้าเด็กที่เสียงเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มยังคงกล่าวอย่างไม่ยอม “บางที…มันอาจบินจนเหนื่อยแล้ว ! ใช่ คงเป็นเพราะลูกธนูของข้าบีบมันจนไร้ทางหนี มันถึงได้บินโฉบลงมา…อินทรีทองเจ้าเล่ห์จะตายไป ! ”
“โหยวต๋า อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสอบเซียงซื่อแล้ว เจ้าทบทวนตำราเรียบร้อยหรือยัง ? หากลุงเขยรู้ว่าเจ้ายังมีอารมณ์มารังแกสัตว์ก่อนสอบ ถ้าไม่ตีเจ้าจนก้นลายก็คงแปลก ! ” เสียงของสตรีที่มีชีวิตชีวาดังขึ้น มันชักจะคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ
“หลินฉานเอ๋อร์ ! เจ้ามันคนขี้ฟ้อง น่ารำคาญยิ่งนัก ! ” เจ้าเด็กที่โดนเรียกว่าโหยวต๋าบ่นอุบด้วยความหงุดหงิด
หลินฉานเอ๋อร์ ? พี่สี่ ? มันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่า ? หลินเว่ยเว่ยเกิดความรู้สึกอยากเอามือก่ายหน้าผากอย่างบอกไม่ถูก…โลกช่างกลมเหลือเกิน ได้เจอสาวน้อยที่คุ้นเคยอีกแล้ว !
“หาเจอแล้ว ! คุณชาย นกอินทรีทองอยู่ตรงนั้นขอรับ ! ” ในเวลานี้มีบ่าวรับใช้อายุน้อยคนหนึ่งมองเข้ามายังบ้านหลังหนึ่งที่เปิดประตูทิ้งไว้ด้วยแววตาสงสัย เพราะเขาเห็นอินทรีทองตัวนั้นกำลังเกาะอยู่บนแขนของหลินเว่ยเว่ย
อินทรีทอง ‘ฮือฮือฮือ เจ้านาย คนพวกนั้นตามมาทำร้ายข้าถึงที่แล้ว ! ข้ากลัวเหลือเกิน หากไม่มีเนื้อกวางมาปลอบใจก็คงไม่ได้แล้ว…อืม หากเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูป่าสักสองชั่งก็ยังพอไหว ! ’
ที่ด้านนอกมีเงาคนเคลื่อนไหวไปมาอยู่หลายคน เด็กชายอายุสิบสองหรือสิบสามปีพยายามเดินย่องเข้ามาเหมือนลิง แต่ถูกมือหนึ่งลากออกไป
“พี่สี่ รีบปล่อยข้า โอ้ อินทรีของข้า…” เจ้าเด็กโหยวต๋าพยายามออกแรงสะบัด แต่ไม่สามารถสะบัดมือพี่สี่ออกไปได้
หลินชิงหยูลากเขาออกมาและขอโทษคนสองสามคนที่ยืนอยู่ในลานบ้านด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เด็กน้อยซนไปหน่อย ขอทุกท่านอย่าได้ถือสา…”
“หืม ? พี่เว่ยเว่ย ? ” หลินฉานเอ๋อร์รู้สึกอับอายเหลือเกินที่มีลูกพี่ลูกน้องโผงผางและอยู่ไม่สุขเช่นนี้ ในตอนที่นางเห็นว่าอินทรีทองเกาะอยู่บนแขนของใครนั้น ดวงตากลมโตของนางก็พลันเป็นประกายเจิดจรัส น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาทั้งแปลกใจและดีใจในคราวเดียวกัน “เป็นพี่เว่ยเว่ยจริงด้วย ! พวกท่าน…พักอยู่ที่นี่หรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยปั้นยิ้มออกมา “พวกข้ามาสอบ เพิ่งมาถึงวันนี้เอง…นี่คือบ้านที่พวกข้าเช่าไว้ พี่ชิงหยู น้องฉานเอ๋อร์ อย่ายืนที่หน้าประตูเลย เข้ามานั่งก่อนสิ…”
“ในเมื่อท่านมีน้ำใจ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ! ” หลินฉานเอ๋อร์นึกถึงขนมเหล่านั้นที่เคยได้กินในเมืองจงโจว ทันใดนั้นนางก็แย้มยิ้มเริงร่าแล้วกระโดดโลดเต้นเข้ามาในบ้านทันที
หลินชิงหยูกำลังจะใช้อีกมือยื่นไปคว้าตัวน้องสาวเอาไว้ แต่ไม่ทันเสียแล้ว สุดท้ายเขาจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเอ่ยกับหลินฉานเอ๋อร์ว่า “น้องเล็ก พวกหลินกู่เหนียงและน้องเจียงเพิ่งมาถึง คงไม่สะดวกที่จะต้อนรับพวกเรา ไว้มาเยี่ยมเยียนพวกเขาวันหลังก็ยังไม่สาย…”
หลินฉานเอ๋อร์เห็นสัมภาระในลานบ้านจึงกล่าวอย่างขัดเขินว่า “เช่นนั้น…ให้ข้าช่วยพี่สาวเก็บกวาดและจัดของดีหรือเปล่า…”
หลินเว่ยเว่ยมองสาวใช้สองคนที่อยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายแล้วจึงไม่ได้ปฏิเสธ
ส่วนเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าโหยวต๋าผู้นั้นกลับชี้มายังอินทรีทองที่เกาะอยู่บนแขนของนางแล้วกล่าวอย่างอวดเก่งว่า “อินทรีทองตัวนั้นเป็นของข้า ! เห็นแก่ที่ท่านรู้จักลูกพี่ลูกน้องของข้า จึงจะไม่เอาโทษที่ท่านจับเหยื่อที่ล่าไป รีบส่งมันมาให้ข้าเร็วเข้า ! ”
หลินชิงหยูหมดคำจะพูดต่อความหน้าหนาของญาติผู้น้องคนนี้ ทว่าหลินเว่ยเว่ยนึกสนุกขึ้นมา “เจ้าบอกว่าอินทรีทองเป็นของเจ้า เช่นนั้นถ้าเจ้าเรียกแล้วมันจะตอบรับหรือเปล่า ? ”
โหยวต๋าทำตาโตเหมือนระฆังทองแดงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “ฮึ หากข้าเรียกแล้วมันไม่ตอบรับ หรือว่าท่านเรียกแล้วมันจะตอบรับ ? ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะ จากนั้นก็หันไปตะโกนเรียกอินทรีทองที่เกาะอยู่บนแขนของนางอย่างเคร่งขรึม “ต้าจิน…”
อินทรีทองหันมามองนางด้วยแววตาที่เจิดจ้าราวกับอัญมณีสีดำแล้วส่งเสียงสดใสออกมา “แกว้ก ! ข้าอยู่นี่ ! ”
ไม่ใช่แค่โหยวต๋าเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่หลินชิงหยูและหลินฉานเอ๋อร์ยังตกใจจนอึ้งงัน หลินฉานเอ๋อร์อ้าปากค้างพลางชี้มาที่อินทรีทองแล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “พี่เว่ยเว่ย…อินทรีทองตัวนี้เฉลียวฉลาดนัก มันพูดได้ด้วย ! ”
โหยวต๋ามีสีหน้าสับสนอยู่เล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างไม่เชื่อ “ข้าไม่เชื่อ…ถ้าแน่จริงท่านเรียกมันอีกครั้งสิ”
หลินเว่ยเว่ยกลั้นยิ้มแล้วตะโกนอีกครั้ง “ต้าจิน ! ”
“อยู่นี่ ต้าจินอยู่นี่ ! ” อินทรีทองเอียงคอไปมองหลินเว่ยเว่ย มันเคลื่อนตัวจากแขนของนางไปที่ไหล่อย่างระมัดระวังแล้วเอาหัวถูไถใบหน้าเนียนละเอียดของนางอย่างออดอ้อน…มันเรียนรู้เคล็ดลับนี้มาจากหงส์แดงโง่เง่าตัวนั้น แม้จะดูประจบประแจงไปหน่อยแต่ได้ผลอย่างดี เพราะมันจะได้รับรางวัลจากเจ้านายทุกครั้ง
“สวรรค์ ! บนโลกใบนี้มีอินทรีทองพูดได้ด้วยหรือ ? ” โหยวต๋าตกใจไม่น้อย จากนั้นก็วิ่งวนรอบนกอินทรีทอง “หากนำมันไปขาย คงได้ราคาดีแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยหลุดขำออกมา จากนั้นนางก็เอาเจ้าหงส์แดงตัวน้อยออกมาจากใต้ปีกของอินทรีทองแล้วกล่าวกับโหยวต๋าและสองพี่น้องหลินชิงหยูว่า “อินทรีทองที่ใดพูดภาษามนุษย์ได้ ? มีแค่เจ้าตัวเล็กจอมซนนี้ต่างหาก ! ”
สาวน้อยชอบของสวย ๆ งาม ๆ อย่างหลินฉานเอ๋อร์ยื่นมือไปหาหงส์แดงแล้วทำตาแป๋วมองหลินเว่ยเว่ย “นกแก้วที่พูดได้มีน้อยมาก พี่เว่ยเว่ย ข้าขอลูบมันได้หรือเปล่า ? ”
หลินเว่ยเว่ยยื่นถั่วให้มันหนึ่งกำมือ หงส์แดงไม่จิกนิ้วของหลินฉานเอ๋อร์ เพราะมันเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินถั่วโดยไม่สนใจอะไร
อินทรีทองส่งเสียงโต้แย้งขึ้นมา…เหตุใดหงส์แดงจึงได้รางวัล แต่ข้าไม่ได้ ?
“เจ้าไม่เชื่อฟัง ละทิ้งหน้าที่ ข้าไม่ลงโทษเจ้าก็ดีเท่าไรแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยขยับบ่าของตน นกอินทรีทองจึงบินขึ้นบนอากาศ หลังจากบินวนเหนือบ้านไปรอบหนึ่งแล้ว มันก็บินลงมาเกาะอยู่บนกิ่งของต้นไม้ในลานบ้านพลางมองเจ้าหงส์แดงที่กำลังกินถั่วอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตาคาดโทษ…เพราะแผนการประหลาดของเจ้าแท้ ๆ ทำให้ข้าต้องโดนเจ้านายบ่น !
หลินจื่อเหยียนชี้บอกบ่าวรับใช้ของตระกูลหลิน…สาวใช้สองคนและบ่าวหนึ่งคน…รวมซัวถัวและเหลยหยู่ก็ช่วยกันเก็บกวาดบ้านจนสะอาดแล้วช่วยขนสัมภาระเก็บเข้าที่จนเรียบร้อย เขาจึงเดินปาดเหงื่อออกมาและพบว่ามีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตามาเยืยน “หืม ? พี่ชิงหยู หลินกู่เหนียง พวกท่านก็มาสอบที่เหอโจวด้วยหรือ ? ”
หลินฉานเอ๋อร์ลูบไล้ขนอันแสนงดงามของหงส์แดงพลางเอ่ยโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “พี่สี่ของข้ามาสอบเซียงซื่อ ส่วนข้ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านป้า…บ้านของท่านป้าอยู่ที่ถนนเส้นถัดไปนี้เอง”