หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 479 บัณฑิตน้อยมองนางจากเนื้อแท้
ตอนที่ 479 บัณฑิตน้อยมองนางจากเนื้อแท้
หนิงอ๋องพยักดวงพักตร์ให้บุตรสาวพร้อมรอยยิ้ม “กินเถิด ! กระเพาะอาหารของพ่อไม่ค่อยดี กินของมัน ๆ และของที่ย่อยยากไม่ค่อยได้…”
หนิงหวางเฟยใช้ช้อนตักหาท้องปลาใส่ชามของพระสวามี “แกงปลานี้รสไม่จัด เสวยเนื้อปลากับน้ำแกงเยอะ ๆ หน่อยเพคะ…”
หนิงอ๋องไม่ได้ปฏิเสธ จากนั้นก็เสวยเนื้อปลาและน้ำแกงที่พระชายาตักให้จนหมด…ตั้งแต่ปลอมตัวออกเดินทาง พวกตนไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ แบบนี้เลยสักครั้ง คนทั้งครอบครัวจึงรับประทานแกงปลาจนหมดเกลี้ยง ส่วนซาลาเปาสิบกว่าลูกนั้นก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่ลูก
ตอนที่หนิงอ๋องนำชามและตะกร้ามาคืนก็ขอบคุณพวกหลินเว่ยเว่ยจากใจจริงอีกครั้ง หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่โม่เกรงใจเกินไปแล้ว…จริงสิ หากพวกท่านอยากต้มน้ำร้อนหรือทำอะไร ก็มายืมเตาของพวกเราได้ ไม่ต้องเกรงใจเลย”
น้ำร้อนบนเรือต้องใช้เงินซื้อและยังมีปริมาณจำกัด นอกจากที่ใช้ดื่มแล้วจะมีน้ำในแต่ละห้องโดยสารเพียงอ่างเดียว จำนวนห้องด้านข้างก็มีตั้ง 4 คน ดังนั้นไม่พอใช้แน่นอน !
ไม่ว่าจะยืมหรือไม่ยืม หนิงอ๋องก็ขอบคุณน้ำใจของอีกฝ่ายไว้ก่อน หลังรอให้หนิงอ๋องออกไปแล้ว เจียงโม่หานก็มองหลินเว่ยเว่ยด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม “พี่ใหญ่โม่ ? ”
เพิ่งเจอกันแค่สองครั้งก็เรียกอย่างสนิทสนมขนาดนี้แล้วหรือ ?
“หืม ? อ้อ เจ้าลองคิดดูนะ ต่อจากนี้ยังเหลืออีกยี่สิบกว่าวัน ย่อมมีเวลาทักทายกันมากแน่นอน…ก็แค่คำเรียกขานเท่านั้นเอง บัณฑิตน้อย เจ้าคงไม่ได้…หึงหวงหรอกกระมัง ? ” หลินเว่ยเว่ยมองเขาด้วยสีหน้าขี้เล่น
“เจ้าแก่กว่าบุตรสาวของเขาหลายปี เรียกท่านลุงก็ได้” เจียงโม่หานรีบหลบสายตาของนางแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านตำราทั้งสี่ฉบับขัดเกลาใหม่ในมืออีกครั้ง
“พี่ใหญ่โม่มองแล้วยังหนุ่มยังแน่น เรียกท่านลุงโม่แล้วจะไม่ทำให้เหมือนอยู่คนละรุ่นกันอย่างชัดเจนเกินไปหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยแอบหัวเราะในใจ…บัณฑิตน้อยโดนนางเดาใจถูกก็เลยเขินสิท่า !
“เจ้า…อยากจะเรียกอะไรก็เรียกไปเถิด ! ” เจียงโม่หานเงยหน้ามองอีกรอบ “เจ้าคงไม่ได้…คิดจะดูแลเรื่องอาหารการกินของพวกเขาตลอดทางหรอกกระมัง ? ”
หลินเว่ยเว่ยรีบพุ่งเข้ามาใกล้แล้วทำเป็นลับ ๆ ล่อ ๆ โดยใช้น้ำเสียงที่มีแค่พวกตนสองคนเท่านั้นได้ยิน “บัณฑิตน้อย ตอนที่ข้าเอาซาลาเปากับแกงปลาไปให้ห้องข้าง ๆ ก็ได้ยินเด็กสองคนนั้นเรียกบิดาว่า ‘ฟู่หวาง’ เจ้าคิดว่า พวกเขาจะเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ปลอมตัวออกมาท่องเที่ยวหรือเปล่า ? ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ถ้าเรายื่นมือเข้าช่วยเหลือก็ถือเป็นการผูกมิตรไว้แบบหนึ่ง…วันหน้าเราอาจมีเรื่องได้ขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย…หืม ข้าทำแบบนี้ เจ้าจะคิดว่าข้าสนใจสิ่งของนอกกายเกินไปหรือเปล่า ? ”
“ไม่หรอก เจ้าทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าใจดีมากเกินไปก็เท่านั้น ! ” เจียงโม่หานรู้ว่าแม้ในใจของนางจะมีแผนการอยู่ แต่ความตั้งใจดั้งเดิมถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะตอนนางตัดสินใจจะเอาซาลาเปากับแกงปลาไปให้อีกฝ่าย นางยังไม่รู้ฐานะหนิงอ๋องเสียหน่อย อีกอย่างแล้วในมือนางยังมีป้ายหยกกิเลนของหมินอ๋องซื่อจื่ออยู่ด้วย ยังไม่เห็นว่านางจะไปเรียกร้องสิ่งใดจากตำหนักหมินอ๋อง ?
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะร่า ใช้โอกาสตอนที่หลินจื่อเหยียนกำลังอ่านตำราอย่างดื่มด่ำ รีบจุมพิตลงที่แก้มของบัณฑิตหนุ่ม…บัณฑิตน้อยมองนางจากเนื้อแท้ ! บัณฑิตน้อยช่างดีเหลือเกิน ไม่คิดว่านางเป็นสตรีชั้นต่ำที่ชอบใช้กลอุบาย
ช่วงเวลาต่อจากนั้น หลินเว่ยเว่ยมักจะทำของอร่อยไปให้ห้องโดยสารด้านข้างเสมอ หนิงหวางเฟยรู้สึกเกรงใจสุด ๆ จึงตัดเย็บชุดสำหรับฤดูหนาวลายลูกพลับให้นาง พอไปมาหาสู่กันบ่อยเข้า ทั้งสองครอบครัวก็เริ่มสนิทสนมกันยิ่งกว่าเดิม
ตอนที่หนิงอ๋องมีเวลาว่างก็จะมานั่งเล่นที่ห้องของเจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนเพื่อสนทนาเรื่องวิชาการ ถกเถียงเรื่องบทกวีและเอ่ยถึงทิวทัศน์ในบ้านเกิด แม้ว่าพระองค์จะไม่ค่อยได้ออกจากตำหนักแต่ก็อ่านตำรามาอย่างมากมาย ! ทั้งสามคน (โดยหลักคือหนิงอ๋องและเจียงโม่หาน) สนทนากันอย่างสนุกสนานจนทำให้รู้สึกว่าพวกตนไม่น่ารู้จักกันช้าไปเลย
สองพี่สองสกุลโม่ก็เข้ามาทำความสนิทสนมกับหลินเว่ยเว่ยอย่างรวดเร็ว ตอนหลินเว่ยเว่ยทำอาหาร ทั้งสองก็คอยยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและคอยถามคำถามที่เหมือนไร้สาระอยู่พอตัว หลินเว่ยเว่ยมีความอดทนต่อเด็กอยู่แล้ว อีกทั้งสองพี่น้องยังได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี แม้จะมีฐานะสูงศักดิ์แต่ไม่ทำตัวเย่อหยิ่ง ตอนทั้งสามคนอยู่ด้วยกันก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากเรือแล่นอยู่ในน่านน้ำประมาณ 7-8 วัน ในที่สุดก็จอดเทียบท่า ณ ท่าเรือในเขตการปกครองของชิงโจว เรือจะหยุดเทียบท่าเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน อาหารและถ่านที่พวกหลินเว่ยเว่ยนำมาด้วยก็ถูกใช้ไปพอสมควรแล้ว พวกนางจึงตัดสินใจจะขึ้นฝั่งไปหาซื้อเสบียงมากักตุน ลูกเรือบอกว่าการเทียบท่าครั้งหน้าก็คืออีก 10 วัน นับจากนี้ !
ก่อนลงจากเรือ หลินเว่ยเว่ยไปที่ห้องโดยสารด้านข้างเพื่อสอบถามว่าต้องการซื้ออะไร หรือจะไปเดินซื้อของด้วยกันตรงท่าเรือหรือเปล่า
หนิงหวางเฟยอยากจะปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่าย แต่พอเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจและตั้งตาคอยของบุตรทั้งสองคนแล้ว หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนางก็ให้องครักษ์ทั้งสองไปคอยคุ้มกันลูก ๆ บนฝั่ง
เขตซิ่งถานแห่งเมืองชิงโจวถือเป็นสถานที่ตั้งของท่าเรือแห่งนี้ มันแตกต่างจากเขตเริ่นอันตรงที่ว่าเขตซิ่งถานเป็นเมืองศูนย์กลางทั้งทางบกและทางน้ำ มีขนาดใหญ่กว่าเขตเริ่นอันถึง 4 เท่าตัว ด้านความเจริญรุ่งเรืองของเขตเริ่นอันก็เทียบไม่ติดเช่นกัน แค่ท่าเรือกวงซิ่งถานแห่งนี้ก็มีขนาดใหญ่เท่าตัวเมืองของเขตเริ่นอันทั้งหมดแล้ว !
ร้านค้าในท่าเรือมีคนเดินเข้าออกเสมอ บรรยากาศคึกคักน่าชม พ่อค้าหาบเร่ที่อยู่ติดแม่น้ำก็เห็นว่ามีเรือกำลังเข้ามาเทียบท่าจึงรีบเดินเข้ามาแล้วตะโกนขายของทันที
“พุทราฤดูหนาว พุทราฤดูหนาวทั้งหวานทั้งกรอบ ถูกและอร่อย คุณชายท่านนี้ แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนรู้จักของดี ลองซื้อไปชิมสิขอรับ ! ”
“ไข่เค็ม เค็มหอมเนื้อนุ่ม ไข่แดงเยิ้ม ๆ กู่เหนียง ซื้อไปกินบนเรือสิขอรับ ! ”
“แป้งทอด แป้งทอดทั้งหอมทั้งกรอบ อาหารแห้งคือของจำเป็นเวลาเดินเรือ อร่อยและราคาไม่แพง…”
…
หลินเว่ยเว่ยจับมือโม่ชิงหลีและกำชับน้องสามให้จับมือโม่ชิงหยูไว้ให้ดี สถานที่คนพลุกพล่านย่อมมีโจรลักพาตัวมากมายตามไปด้วย ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด
โม่ชิงหยูอุดอู้อยู่บนเรือมาเจ็ดแปดวันแล้ว พอเห็นอะไรก็เป็นของแปลกตาทั้งสิ้น อันนี้ก็อยากซื้อ อันนั้นก็อยากได้ ผ่านไปไม่นาน ในมือขององครักษ์ด้านหลังก็เต็มไปด้วยข้าวของและแทบจะถือต่อไม่ไหวแล้ว
เด็กผู้ชายในเสื้อผ้ามอมแมมเบียดตัวเข้ามาอยู่ตรงเบื้องหน้าของหลินเว่ยเว่ย พอหันไปมองใบหน้าแสนเย็นชาของเจียงโม่หานแล้ว รูม่านตาก็หดเล็กลงเล็กน้อย แต่ยังรวบรวมความกล้าแล้วหันมาพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “พี่สาว ต้องการคนนำทางหรือไม่ ? ท่านอย่าเพิ่งดูถูกว่าข้าอายุยังน้อย แต่ข้าคุ้นเคยกับท่าเรือเป็นอย่างดี ร้านใดมีของคุณภาพดี ร้านไหนให้ราคายุติธรรม ข้ารู้หมดขอรับ”
หลินเว่ยเว่ยมองผู้คนที่พลุกพล่านในท่าเรือ นางก็รู้สึกว่าจะเดินหาของแบบไร้จุดหมายไม่ได้ เนื่องจากมีเวลาแค่วันเดียว ดังนั้นนางจึงก้มหน้าพูดกับเด็กน้อยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดมีถ่านขาย ? แล้วแถวนี้มีตลาดขายผักสดอยู่หรือเปล่า ? ”
เด็กน้อยครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า “บนท่าเรือไม่มีตลาดขายผักสด ส่วนร้านขายถ่านในตัวเมืองมีอยู่สองสามร้าน ถ้าพวกท่านมีเวลาจำกัด ข้าสามารถพาพวกท่านไปหาซื้อได้ขอรับ ! ”
หลินเว่ยเว่ยหันไปถามเจียงโม่หานด้วยสายตา เจียงโม่หานเงียบไปพักหนึ่งจึงถามเด็กคนนั้นว่า “ในท่าเรือมีที่ให้เช่ารถม้าหรือไม่? พวกเราจะเช่ารถม้าเพื่อไปหาซื้อ…”
เด็กน้อยรีบออกแรงพยักหน้า “มีขอรับ ! ข้ารู้ว่ารถม้าเจ้าไหนให้ราคาดี ไม่โก่งราคาจาก…คนต่างถิ่นแบบพวกท่าน”
ต่อจากนั้นเด็กชายก็พาพวกหลินเว่ยเว่ยมายังทิศตะวันตกเฉียงเหนือของท่าเรือแล้ววิ่งไปหาเกวียนเทียมล่อคันหนึ่ง คนขับเกวียนเทียมล่อเป็นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า เด็กน้อยตะโกนใส่ชายหน้าตาดุดัน “อาหลัว มีคนต้องการเช่าเกวียนเข้าเมือง”