หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 490 คู่หมั้นแบบนี้ หากไม่โยนทิ้งแล้วจะเก็บไว้ฉลองปีใหม่หรือไร ?
- Home
- หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง
- ตอนที่ 490 คู่หมั้นแบบนี้ หากไม่โยนทิ้งแล้วจะเก็บไว้ฉลองปีใหม่หรือไร ?
ตอนที่ 490 คู่หมั้นแบบนี้ หากไม่โยนทิ้งแล้วจะเก็บไว้ฉลองปีใหม่หรือไร ?
แต่ในสายพระเนตรของหมินอ๋องแล้ว การกระทำทั้งหมดของหลินเว่ยเว่ยกลับกลายเป็นความชอบ แต่ทำใจควักเงินซื้อไม่ลง…เด็กคนนี้รู้ความจริง ๆ ! บุตรสาวน่าสงสารมาก ! หมินอ๋องรู้สึกปวดหทัยกว่าเดิม รอให้รับบุตรสาวกลับเข้าตำหนักเมื่อใดก็จะต้องซื้อขนมน้ำตาลปั้นให้นางสักหนึ่งห้อง ให้ชีวิตที่เหลือของนางเต็มไปด้วยความหวานชื่น !
แม้หมินอ๋องจะคอยแฝงกายอยู่ในฝูงชนอย่างระมัดระวังแล้ว แต่เจียงโม่หานก็ยังสังเกตเห็นถึงความผิดปกติอยู่ดี เขาหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง แต่เห็นเพียงฝูงชนที่เดินผ่านไปมา…แล้วสายตาที่คอยจับจ้องเป็นระยะนั้นคืออะไรกันแน่ ?
หลินเว่ยเว่ยเดินออกจากหน้าร้านน้ำตาลปั้นแล้วมายังหน้าแผงขายหวี นางหยิบหวีขึ้นมาหนึ่งอัน ด้านบนสลักด้วยดอกท้อสีสันสดใส นางพูดกับเจียงโม่หานว่า “หวีนี้ทำออกมาได้ไม่เลว…”
ด้านหลังพวกนาง หมินอ๋องหยุดยืนอยู่หน้าแผงขายถุงหอม ขณะแสร้งทำเป็นเลือกถุงหอม สายพระเนตรก็จับจ้องมาที่พวกนางตลอดเวลา พอได้ยินเสียงของเด็กสาวแล้วหมินอ๋องก็อดไม่ได้ที่จะบ่นถึงความเขลาของบัณฑิตผู้นั้น…หวีไม่เลวก็ซื้อให้นางสิ !
เจียงโม่หานก้มหน้ากระซิบข้างหูหลินเว่ยเว่ย “กลับไปแล้วข้าจะทำให้เจ้าสักอัน รับรองว่าสลักสวยกว่าอันนี้แน่นอน…”
ลมหายใจที่ปล่อยออกมาตอนพูดกระทบเข้ากับใบหูของหลินเว่ยเว่ย ทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบทันที นางหันมามองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบแล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “บัณฑิตน้อย เจ้าคงไม่ได้กำลังให้ท่าข้าหรอกกระมัง”
เจียงโม่หาน “…” เจ้าคิดมากไปแล้ว แม้เขาจะให้ท่า ก็ไม่มีทางทำบนถนนที่คนเดินกันพลุกพล่านแบบนี้หรอก เขายังไม่ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวถึงขนาดนั้น !
หลังจากได้เห็นสองคนกระซิบกระซาบกันอยู่พักหนึ่ง หมินอ๋องก็เห็นเด็กสาววางหวีอันนั้นลง เมื่อครู่หมินอ๋องเพิ่งเห็นเด็กสาวจับแขนเสื้อของบัณฑิตหนุ่มไว้ จึงไม่พอพระทัยมากอยู่แล้ว ตอนนี้เลยยิ่งไม่พอพระทัยในตัวเด็กหนุ่มยิ่งกว่าเดิม…แม้แต่หวีอันเดียวก็ซื้อให้คู่หมั้นไม่ได้ คู่หมั้นแบบนี้ หากไม่โยนทิ้งแล้วจะเก็บไว้ฉลองปีใหม่หรือไร ?
ถ้านางเป็นบุตรสาวของพระองค์จริง ๆ คงจะต้องตัดสินให้เด็ดขาดไปเลยว่า…ถอนหมั้น ! คุณหนูแห่งตำหนักหมินอ๋อง มีบุรุษประเภทใดไม่อยากได้บ้าง ?
เจียงโม่หานสังเกตเห็นสายตาประหลาดนั้นอีกครั้ง เขาจึงหยุดเดินแล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
หมินอ๋องรีบก้มดวงพักตร์เพื่อหยิบเงินจ่ายค่าถุงหอมหนึ่งชิ้น พ่อค้าขายถุงหอมมองพระองค์ด้วยสายตาประหลาดใจ…คนผู้นี้อายุมากแล้ว แต่ยังมาซื้อถุงหอมที่สตรีใช้ หรือว่า…จะเอาไปมอบให้กับ…?
หลินเว่ยเว่ยเห็นบัณฑิตน้อยมองไปรอบ ๆ เป็นครั้งคราว จึงอดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “เป็นอะไรไปหรือ ? มีสิ่งใดผิดปกติ ? ”
เจียงโม่หานไม่พบสิ่งผิดปกติและไม่อยากให้เด็กน้อยเป็นกังวล เขาจึงส่ายหน้าเบา ๆ
หมินอ๋องแย้มพระโอษฐ์ด้วยความภาคภูมิใจทันที…ตอนอยู่ในวัยหนุ่มก็เคยเป็นทหารสอดแนมในกองทัพชั้นยอด แล้วจะปล่อยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าจับได้หรือ ?
เดินเล่นไปพลางซื้อของไปด้วย กว่าจะกลับถึงโรงเตี๊ยมก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว พวกหมินอ๋องเข้าไปในโรงเตี๊ยมก่อนแล้วเลือกนั่งที่โต๊ะใกล้บันไดมากที่สุด ตอนพวกหลินเว่ยเว่ยเข้ามา พระองค์ก็เบิกดวงเนตรจ้องพวกนางอย่างใจกล้า
ระหว่างทางที่ได้สังเกตมานี้ ทำให้พระองค์ยิ่งรู้สึกว่าเด็กสาวมีนิสัยคล้ายกับพระองค์ยิ่งนัก นางเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่สนใจรายละเอียดปลีกย่อยเหมือนพระองค์ จิตใจดี ไร้เดียงสาและขี้เล่นเหมือนเสวี่ยเอ๋อร์ไม่มีผิด…หากนางไม่ใช่บุตรสาวของพระองค์ สวรรค์ก็คงไร้ความยุติธรรมเกินไปแล้ว !
สวรรค์ ‘ข้าขอไม่ยุ่งด้วย ! ’
หลินเว่ยเว่ยสังเกตเห็นสายพระเนตรของหมินอ๋อง นางจึงหันไปมอง ทันใดนั้นนางก็ขมวดคิ้วและพูดกับเจียงโม่หานว่า “เจ้าดูลุงเคราขนเม่นทางนั้นสิ มองมาทางเราด้วยแววตาเจ้าเล่ห์มาก คงไม่ใช่โจรโฉดหรอกกระมัง ? ”
หมินอ๋องผู้มีแววตาเจ้าเล่ห์ “…”
สายตาของบุตรสาวคนนี้ใช้ไม่ได้เลย ! พระองค์ออกจะดูน่าเกรงขาม หล่อเหลาไม่ธรรมดา แล้วจะกลายเป็นโจรโฉดได้อย่างไร ? ดูเจ้าเล่ห์ตรงไหน ? แต่ก็จริงอยู่ เพราะหากบุตรสาวมีสายตาแหลมคมก็คงไม่ชอบเจ้าบัณฑิตหน้าขาวนั่นหรอก ?
เจียงโม่หานผู้เป็นบัณฑิตหน้าขาว “…”
หมินอ๋องหาเจอเร็วขนาดนี้เลยหรือ ? ฮ่องเต้ใส่พระทัยกับเรื่องของหมินอ๋องจริง ๆ ทว่าหมินอ๋องผู้ชอบธรรมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เสียได้ เกรงว่าใต้หล้านี้คงมีเพียงคู่หมั้นตัวน้อยที่สามารถคิดได้
“บัณฑิตน้อย เจ้าไม่ต้องกลัว หากโจรโฉดไม่มีตากล้ามาหาเรื่องพวกเราจริง ๆ ข้าจะให้มันได้เห็นความร้ายกาจเอง ! ” ขณะพูดนางก็หักกระดูกข้อนิ้วมือดังกร็อบ
เฮอะ ! วรยุทธแมวสามขาอย่างเจ้า พอไปอยู่ในพระหัตถ์หมินอ๋องก็เกรงว่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแทนน่ะสิ เขาเข้าไปหยุดการกระทำของหลินเว่ยเว่ยแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่เจ็บหรือ ? ”
ต่อจากนั้นเจียงโม่หานยังพูดเสริม “กล้าทำตัววางอำนาจในเมืองหลวงอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ มีอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นเขาจ้องพวกเราทำไม ? เฮ้ ! ” จู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยก็ร้องอุทานออกมา “เจ้าหน้าตาดีและสะดุดสายตาผู้คนถึงขนาดนี้ เขาคงไม่ได้ชอบเจ้าเข้าแล้วกระมัง ? ไม่ได้บอกว่ามีขุนนางในเมืองหลวงไม่น้อยที่ชื่นชอบกิจกรรมพิเศษ…เจ้ารีบขึ้นไปหลบในห้องก่อน…”
หมินอ๋องมีสีพระพักตร์มืดมนทันที นางหนู เจ้าก็พูดดังเกินไปหน่อยแล้ว ? ใครชื่นชอบกิจกรรมพิเศษ ? สวรรค์ได้โปรดเป็นพยาน ชาตินี้ในห้วงหทัยของเปิ่นหวางมีเพียงหวางเฟยคนเดียวเท่านั้น !
ตอนนี้เจียงโม่หานพูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าไปรู้มาจากที่ใดว่าขุนนางบางคนในเมืองหลวงชื่นชอบกิจกรรมพิเศษ ? ”
“เอ่อ คือ…ก็ในหนังสือนิทานเขียนไว้…” แววตาของหลินเว่ยเว่ยสั่นไหวทันที
เจียงโม่หานโกรธขึ้นมาเช่นกัน “เรื่องเหลวไหลที่แต่งขึ้นมาก็เชื่อแล้วหรือ ? ต่อไปห้ามอ่านหนังสือนิทานพวกนั้นอีก ! ”
“ศิลปะมีพื้นฐานมาจากชีวิต ถ้าไม่มีเรื่องราวเหล่านั้นอยู่จริง ผู้คนจะเขียนออกมาได้อย่างไร ? บัณฑิตน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสาจริง ๆ…” หลินเว่ยเว่ยหันไปมองชายเคราเหมือนขนเม่นที่มีดวงตาเบิกกว้างครู่หนึ่ง วันนี้นางไม่นอนแล้วก็ได้ จะคอยอยู่เฝ้าบัณฑิตน้อยของนาง เฮ้อ ! ใครใช้ให้บัณฑิตน้อยหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีแต่คนมอง !
เจียงโม่หาน “…”
พอโดนเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาและพาลมาว่าตัวเขาก็ไร้เดียงสาเช่นกัน เขาก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง…แต่ก็ช่างเถิด คู่หมั้นนี้ก็เป็นตัวเขาเลือกเอง ไม่เอาเรื่องนางก็ได้ !
หมินอ๋องถึงขั้นสะบัดดวงพักตร์พลางถลึงดวงเนตรใส่นาง เด็กตัวแสบ เห็นใครเป็นเหมือนเจ้า ? คิดว่าคนอื่นก็เลือกคู่หมั้นเพราะหน้าตาแบบเจ้า ? บัณฑิตหน้าขาวนั้นมีอะไรดี ? ใบหน้ารูปไข่หรือใบหน้าที่งดงามสามารถกินได้หรือ ?
หลินเว่ยเว่ยยังกระซิบข้างหูเจียงโม่หานอีกรอบ “คนผู้นั้นยิ่งมองก็ยิ่งดูเหมือนไม่ใช่คนดี ! เหมือนอันธพาล…ยังกล้าถลึงตาใส่พวกเราด้วย ! ”
ทำไม ? จะแข่งว่าใครตาโตกว่ากันหรือ ? หลินเว่ยเว่ยพยายามทำตาให้กลมโตแล้วจ้องตอบอย่างดุเดือด…สภาพเหมือนแมวน้อยกำลังโมโหไม่มีผิด
เจียงโม่หานลากนางขึ้นชั้นบนอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รอให้หมินอ๋องเปิดเผยฐานะแล้ว เด็กน้อยต้องกระอักกระอ่วนใจแน่นอน
กระทั่งกลับมาถึงห้อง เด็กน้อยก็ยังบ่นไม่หยุด “ตอนที่พวกเราย้ายไปอยู่บ้านเช่าก็ต้องระวังไว้หน่อย ระวังเจ้าหมอนั่นจะสะกดรอยตาม…”
ในเวลานี้หยาเอ๋อร์กำลังช่วยเย็บกระดุมตรงข้อมือของเสื้อผ้าให้นาง พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที “พวกท่านไปเจอคนชั่วมาหรือเจ้าคะ ? ”
เจียงโม่หานชิงพูดก่อนที่หลินเว่ยเว่ยจะได้พูด “อย่าไปฟังที่นางพูดจาเหลวไหล พวกเราหาบ้านเช่าได้แล้ว พอเก็บข้าวของเสร็จ เราจะย้ายไปอยู่กันเลย”
สัมภาระส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถูกเปิดออก การขนย้ายจึงทำได้เร็วมาก ผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วยาม รถม้าและม้าของพวกนางก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังน้อย