หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 506 เกลียดใครสักคน ยังต้องมีเหตุผล
ตอนที่ 506 เกลียดใครสักคน ยังต้องมีเหตุผล
เจียงโม่หานยังไม่ทันได้แสดงความซื่อสัตย์ หลินเว่ยเว่ยก็ชิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์แล้ว “ต้าฮว๋า เจ้าบอกว่าใครจะเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง ? พี่รองของเจ้าสง่างามมีราศี หน้าตาผุดผ่อง ทั้งเก่งและแสนดี…เหมือนภรรยาที่จะโดนทิ้งตรงไหน ? ยังบอกว่า ‘นอนร้องเรียนบนแผ่นตะปู’ ข้าคิดว่าเจ้าอ่านบทละครมากเกินไปแล้ว ! ”
เจียงโม่หานนำตัวหมาก…กลับมาวางตำแหน่งเดิมเพื่อส่งสัญญาณให้หลินจื่อเหยียนมานั่งเล่นต่อ หลินจื่อเหยียนทำท่าทางเกลียดชังและทุกข์ทรมานทันที…โกงไม่สำเร็จ ยังจะต้องโดนทรมานต่ออีก การเดินหมากยากชะมัด !
เจียงโม่หานเงยหน้าพลางยิ้มให้หลินเว่ยเว่ย “ตอนนี้ตำหนักหมินอ๋องมีซื่อจื่ออยู่แค่คนเดียว แต่ว่า…ไม่นานก็มีเพิ่มอีกคนแล้ว ! ส่วนเรื่องที่เขาชอบข้าหรือเปล่า ท่าทางของเขายังบ่งบอกไม่ชัดเจนอีกหรือ ? ”
หลินจื่อเหยียนพยักหน้าโดยแรง “ข้าเห็นหมินอ๋องเหมือนจะไม่ชอบพี่เขยรอง เวลามองพี่เขยรองก็ดูหงุดหงิดสุด ๆ พี่เขยรอง…ท่านไปทำให้เขาไม่ชอบตั้งแต่เมื่อใด ? ”
“หมินอ๋องเกลียดใครสักคน ยังต้องมีเหตุผลด้วยหรือ ? ” นั่นเป็นเพราะหมินอ๋องเห็นเด็กน้อยเป็นบุตรสาวไปแล้ว แค่เจียงโม่หานคิดก็รู้แล้วว่าเหตุใดหมินอ๋องไม่ชอบตน…ถ้าบุตรสาวสุดที่รักของตนโดน ‘หมาป่า’ คาบไป เขาก็คงมีสภาพไม่ต่างไปจากหมินอ๋อง !
วันรุ่งขึ้น ในที่สุดหมินอ๋องก็หาเหตุผลมาปรากฏตัวที่บ้านเช่าสกุลฉู่ไม่ได้อีกแล้ว ด้านยายเจิ้งชวนหลินเว่ยเว่ยไปซื้อของที่ตลาดด้วยกัน…เพราะของที่หลินเว่ยเว่ยซื้อกลับมาทุกครั้งจะดูสดใหม่กว่าที่นางหาเจอเสมอ
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ตลาดก็ดูเงียบเหงาขึ้นมา พวกผักในตลาดก็ไม่ค่อยหลากหลาย นอกจากหัวไชเท้า ผักกาดขาวและผักจำพวกมันฝรั่งแล้ว ผักกวางตุ้งและต้นอ่อนกระเทียมหากมาสายก็จะหาซื้อไม่ได้อีก !
วันนี้มาค่อนข้างเร็ว หลินเว่ยเว่ยยังเจอร้านที่ขายกุยช่ายด้วย แม้ราคาจะค่อนข้างแพง แต่นางก็ยังซื้อมาหนึ่งกำมือ เพื่อจะนำไปผัดกุยช่ายใส่ไข่
หลินเว่ยเว่ยมาที่แผงขายเนื้อแล้วชี้ไปยังหัวหมูและเครื่องในหมูที่เหลืออยู่ “ลุงเจิ้น พวกนี้ราคาเท่าไหร่ ? ข้าเอาหมดเลย จะลดหน่อยได้หรือเปล่า ? ”
แม้จะมาอยู่เมืองหลวงยังไม่ถึง 10 วัน แต่หลินเว่ยเว่ยก็มักเหมาแผงของพ่อค้าเจิ้นผู้นี้ทุกวัน ทั้งสองคนจึงสนิทกันขึ้นมา พ่อค้าเจิ้งพูดอย่างอารมณ์ดี “ถ้าคนอื่นซื้อหัวหมูกับเครื่องในจะเป็นเงิน 20 อีแปะ แต่ถ้าเป็นแม่หนูน้อย ข้าคิดให้เจ้า 18 อีแปะก็แล้วกัน ! ”
เงินจำหนวน 18 อีแปะ สามารถทำเครื่องในตุ๋นได้หม้อใหญ่ ถือว่าคุ้มค่ามาก ! หลินเว่ยเว่ยไม่ต่อราคาอีก ยายเจิ้งผู้เคยเห็นนางนำเครื่องในส่วนต่าง ๆ ของแพะที่ผู้อื่นไม่กินแล้วมาทำเป็นแกงเครื่องในแพะแสนอร่อย จึงเข้าไปถามว่า “เครื่องในหมูเหล่านี้…ก็เอาไปทำแกงได้หรือ ? ”
“ตับหมูสามารถทำต้มตับหวานและนำไปผัดได้ กระเพาะหมูทำเป็นกระเพาะหมูตุ๋นน้ำแกงไก่ ทั้งอร่อยและช่วยบำรุงกระเพาะ หัวหมู เท้าหมูและไส้หมูสามารถนำไปตุ๋นพะโล้ได้ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยชั้นดีเลยล่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยอธิบาย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ยายเจิ้งก็ออกตัวมาช่วยหลินเว่ยเว่ยทำความสะอาดเครื่องในหมูและได้เห็นฝีมือของนางกับตาตัวเอง นางสามารถนำเครื่องในหมูที่สกปรกมาตุ๋นเป็นของอร่อยได้
หลินเว่ยเว่ยหั่นไส้หมูและเนื้อหัวหมูใส่จานให้ยายเจิ้ง จากนั้นก็คลุกด้วยกระเทียมสับและผักชี รสอร่อยเนื้อนุ่ม อร่อยกว่าเนื้อตุ๋นในร้านอาหารไม่รู้ตั้งกี่เท่า !
ยายเจิ้งพูดกับสามี “คาดไม่ถึงเลยว่าเว่ยเว่ยจะทำหัวหมูกับเครื่องในหมูเหล่านี้ออกมาได้อร่อยมาก วัตถุดิบราคาต่ำเพียง 18 อีแปะ ก็ตุ๋นออกมาได้หม้อใหญ่ เจ้าคิดว่าหากตุ๋นเสร็จแล้วเอาไปขายที่ตลาด จะขายดีหรือเปล่า ? ”
ตาฉู่คีบจมูกหมูเข้าปากแล้วหรี่ตาลงอย่างมีความสุข “นี่เป็นสูตรของนางหนู จะขายได้ไหมก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา นางหนูเป็นคนดี ทุกครั้งที่ทำของอร่อยก็ไม่เคยลืมเราสองคน เรื่องเนรคุณเช่นนั้นเราจะไม่ทำ ! ”
“ไอโหยว ! ข้าแค่พูดเฉย ๆ เจ้าก็ออกตัวปกป้องนางแล้ว ตอนแรกเป็นใครกันที่ไม่อยากให้พวกนางมาเช่าบ้านเรา ? ” ตอนนี้พวกหลินเว่ยเว่ยได้เข้ามาเช่าอย่างเป็นทางการโดยทำสัญญาและจ่ายเงินแล้ว ในมือของยายเจิ้งจึงมีเงินเพิ่มมาหลายตำลึง ในที่สุดนางก็ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นอีกต่อไป
คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดต้องยกให้ตาฉู่ ตอนแรกเริ่มทำตาขวาง ไม่ว่าจะมองใครก็เห็นว่าขัดหูขัดตาทั้งนั้น การพูดแทนหลินเว่ยเว่ยอย่างในเวลานี้ก็เพิ่งเกิดได้แค่ 4-5 วัน
ตาฉู่ยังทำปากแข็ง “ใครปกป้องนาง ? ข้าก็แค่คิดว่า…นางเป็นคนนิสัยดี ถ้าบุตรสาวของเราเป็นเหมือนนางก็คงไม่…”
“เฮ้อ…ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ตาเฒ่า สิ่งใดที่ควรปล่อยวางก็ต้องปล่อย ! เราอยู่ดีมีสุข บุตรสาวบนสวรรค์ก็จะได้สบายใจ…” ปากของยายเจิ้งพูดว่าปล่อยวางได้แล้ว แต่ดวงตากลับเปียกชื้น
ในลานบ้าน หยาเอ๋อร์พูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “นายหญิงรอง ท่านได้ยินมาหรือยัง ? พรุ่งนี้ที่นอกตัวเมืองจะมีงานวัดเจ้าค่ะ ! ”
“ทำไมหรือ ? เจ้าก็อยากไปหรือไร ? ” งานวัดของเมืองหลวงจะต้องคึกคักมากแน่นอน หลินเว่ยเว่ยจึงเกิดหวั่นไหวขึ้นมาจริง ๆ
หยาเอ๋อร์ส่ายหน้า “พวกเรายังต้องอยู่เมืองหลวงอีกหลายเดือน ! อย่างไรก็จะเอาแต่นั่งกินนอนกินไม่ได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ งานวัดในวันพรุ่งนี้จะต้องคึกคักกว่าที่เขตเริ่นอันแน่นอน ข้าน้อยจึงคิดว่าพวกเราทำขนมแล้วเอาไปขายในงานวัดดีหรือเปล่า…”
“คาดไม่ถึงเลยว่าพี่หยาเอ๋อร์ของพวกเราจะมีหัวการค้าขนาดนี้ สมกับที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านของข้าจริง ๆ ! ” หลินเว่ยเว่ยเริ่มคิดแล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจ
“พี่ซัวถัว เจ้าไปดูร้านขายของชำว่ามีถ้วยเนื้อหยาบใบเล็ก ๆ หรือเปล่า ที่เป็นกระเบื้องก็ได้ ดีที่สุดต้องใหญ่ประมาณฝ่ามือ ถ้ามีก็ซื้อมาสัก 20 ใบ”
“หลินจื่อเหยียน เจ้าไปร้านขายน้ำมันแล้วซื้อน้ำมันเมล็ดชา 2 ชั่ง ถ้าไม่มีก็เปลี่ยนเป็นน้ำมันงา ! ”
“บัณฑิตน้อย ไข่ไก่บ้านเราใกล้จะหมดแล้ว เจ้าไปซื้อไข่ไก่ ส่วนพี่หยาเอ๋อร์ไปซื้อน้ำผึ้ง…” หลินเว่ยเว่ยก้มหน้าพลางคิดว่ายังมีสิ่งใดต้องเตรียมอีก
พอยายเจิ้งเห็นแบบนั้นก็รีบถามว่า “เว่ยเว่ย มีสิ่งใดให้ข้ากับตาฉู่ช่วยหรือเปล่า พูดมาได้เลย”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าและไม่เกรงใจแต่อย่างใด “ท่านยายเจิ้ง พาข้าไปดูภาชนะขนาดใหญ่ที่สุดในบ้านของท่านหน่อย…ท่านตาฉู่ ได้ยินว่าท่านทำของจากไม้ไผ่เป็น จะช่วยทำตะกร้อตีไข่ให้ข้าหน่อยได้หรือเปล่า ? ”
“ตะกร้อตีไข่คืออะไร ? ” ตาฉู่งงกับคำพูดของนาง
หลินเว่ยเว่ยหยิบกระดาษของบัณฑิตน้อยมาวาดตะกร้อตีไข่ แล้วระบุขนาดอย่างละเอียด พอตาฉู่เห็นแล้วก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไร จึงเดินไปตัดต้นไผ่ที่สวนหลังบ้านแล้วหยิบอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้มานานเพื่อเริ่มทำงาน !
ทุกคนแบ่งงานกันทำ ผ่านไปไม่นานวัตถุดิบและเครื่องมือที่ใช้ทำเค้กน้ำผึ้งก็ครบครัน หลินเว่ยเว่ยให้ซัวถัวและหลินจื่อเหยียนรับผิดชอบตีไข่ขาว ตอนอยู่ที่บ้านสกุลหลินนั้นหลินจื่อเหยียนทำงานนี้บ่อยจึงมีประสบการณ์สุด ๆ ผ่านไปไม่นานก็สอนซัวถัวจนทำเป็น ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มเคลื่อนไหวเหมือนเครื่องจักรที่ทรงพลัง ไข่ขาวทุกชามจะต้องถูกตีเป็นเวลานานถึงจะกลายเป็นเนื้อครีมที่ตั้งยอด
ไข่แดงในอ่างใบใหญ่ต้องเติมน้ำผึ้งและน้ำในปริมาณที่เหมาะสมลงไป หลังผสมให้เข้ากันแล้วก็เริ่มใส่แป้งสาลี
หยาเอ๋อร์รับหน้าที่ร่อนแป้งลงครีมไข่แดง แป้งที่ใช้เป็นแป้งสาลีสำหรับทำขนมที่หลินเว่ยเว่ยหยิบมาจากร้านหนิงจี้ นางเก็บมันไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณ แป้งสาลีที่มีกลูเตนต่ำ (เหมาะทำเค้ก แตกต่างจากแป้งทำขนมปัง) กับแป้งธรรมดาทั่วไป มองภายนอกแล้วไม่มีอะไรต่างกันจึงช่วยลดปัญหาเรื่องที่นางต้องอธิบายถึงที่มาที่ไปของแป้งสาลีชนิดพิเศษนี้