หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 510 หงส์แดงน้อยสร้างปัญหาให้เจ้านาย
ตอนที่ 510 หงส์แดงน้อยสร้างปัญหาให้เจ้านาย
คณะกายกรรมแสดงไต่บนเชือก เดินบนภูเขามีดด้วยเท้าเปล่า พ่นไฟ แล้วรายการสุดท้ายก็คือทุบหินบนหน้าอกที่หลินเว่ยเว่ยตั้งตาคอยที่สุด ชายร่างกำยำนอนอยู่ที่พื้น บนหน้าอกก็วางก้อนหินไว้ก้อนหนึ่ง แล้วชายที่ดูจะอายุมากกว่าก็ยกค้อนขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงค้อนลงทุบก้อนหินในขณะที่ฝูงชนกำลังกรีดร้อง…แต่ชายร่างกำยำไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด
ทุกคนต่างตะโกนคำว่า ดี ! หลินเว่ยเว่ยปรบมือและพูดกับเจียงโม่หานว่า “เจ้าเชื่อหรือเปล่าว่าข้าสามารถทุบหินด้วยมือเปล่าได้ ! ”
“เชื่อ…”
เสียงเจียงโม่หานยังไม่ทันเงียบหาย เจ้านกน้อยก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ด้านล่าง ขอเชิญนายหญิงมาแสดง ‘ทุบหินด้วยมือเปล่า’ ! ”
หลินเว่ยเว่ย เจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียน “…! ” มีนกที่ชอบสร้างปัญหาให้เจ้านายขนาดนี้เชียวหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยหันไปถลึงตาใส่เจ้านกน้อย ‘กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเจ้า ดูสิว่าข้าจะทำให้เจ้าเป็นนกแก้วหัวโล้นได้หรือเปล่า ! ’
เจ้าหงส์แดงรีบหดคอทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงลางร้าย
ผู้ชมที่อยู่โดยรอบก็ได้ยิน จึงส่งเสียงร้องเรียกในทันที “ทุบหินด้วยมือเปล่า ? พวกเราจะดูทุบหินด้วยมือเปล่า ! ”
หัวหน้าคณะกายกรรมทำสีหน้าขมขื่นทันที “ไม่มีการแสดงนี้ ! ”
ชายร่างกำยำที่แสดงทุบหินบนหน้าอกพูดว่า “ใครพูดก็ไปหาคนนั้น ! แน่ใจว่าไม่ได้มาทำลายชื่อเสียงของพวกเรา ? ”
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ส่วนหงส์แดงชอบความรู้สึกที่โดนฝูงชนมองมากที่สุด มันลืมความหวาดกลัวที่จะโดนถอนขนไปทันที จากนั้นรีบกระพือปีกแล้วพูดว่า “ทุบหินด้วยมือเปล่า นายหญิง ลองดู ลองดู ! ”
พอมันตะโกนออกมาแบบนั้นก็ไม่เพียงดึงดูดสายตาของคนโดยรอบ แม้แต่คณะกายกรรมก็จะเข้ามามุงดูด้วย ทุกคนเห็นนายหญิงของเจ้านกน้อยเป็นแค่เด็กสาวรูปร่างผอมแห้ง ส่วนด้านหลังยังมีบัณฑิตท่าทางอ่อนแออยู่ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พอมีเรื่องน่าสนุก พวกเขาก็ตะโกนแตกต่างกัน “ลองดูหน่อย ลองดูสิ ! ”
หัวหน้าคณะกายกรรมเป็นชายรุ่นใหญ่ที่ถือค้อนคนนั้นเอง เขาเดินมาที่เบื้องหน้าของหลินเว่ยเว่ยแล้วฉีกยิ้มด้วยความลำบากใจ “แม่หนู หากเจ้ามีความสามารถนี้จริง ๆ ก็อย่าเอาแต่ซุกซ่อนไว้เลย ไม่อย่างนั้นข้าต้องเจอกับปัญหาแน่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยรีบเอื้อมมือไปคว้าตัวเจ้านกน้อยแล้วยื่นส่งให้หัวหน้าคณะกายกรรม “เขาก็พูดแล้วว่าใครตะโกนก็ไปหาคนนั้น ให้มันแสดงทุบหินด้วยมือเปล่าสิ ! ”
หงส์แดงทำตัวเหมือนนกที่ถูกหยิกก้น มันพยายามร้องอย่างสุดเสียง “นายท่าน ช่วยข้าด้วย หงส์แดงไม่กล้าแล้ว ! เลี้ยงแล้วไม่สอน นายผิด , สอนไม่เข้มงวด นายเกียจคร้าน ! ไปหานายหญิง อย่ามาหาข้า ! ”
ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ เหมือนได้ดูละครล้อเลียน พวกเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง แม้แต่หัวหน้าคณะกายกรรมก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ตัวเขาไม่อยากทำให้เด็กสาวที่ยังดูไร้เดียงสาลำบากใจจึงพูดกับผู้ชมที่อยู่โดยรอบว่า “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ก็แค่คำพูดของนกแก้วปากไวตัวเดียวเท่านั้น อย่างไรก็จบเรื่องไว้แค่นี้เถิด ? ”
ผู้ชมส่วนใหญ่มีจิตใจดี แต่ก็มีคนที่อยากดูกายกรรมเหมือนกันจึงพูดต่อ “ไม่ได้ ! บอกว่าจะแสดงก็ต้องแสดง ! พวกเราจะดูทุบหินด้วยมือเปล่า ? หัวหน้าคณะ เจ้าก็ออกแสดงในเมืองหลวงบ่อยครั้งแล้ว บอกว่าจะแสดงก็ไม่แสดง ต่อไปยังกล้ามาเล่นที่เมืองหลวงอีกหรือ ? ใครจะยังอยากดูกายกรรมของพวกเจ้า ? ”
อันธพาลในงานวัดอีกคนก็พูดตาม “หัวหน้าคณะ ในเมื่อเจ้ารักหยกถนอมบุปผาขนาดนี้ เจ้าก็แสดงแทนนางสิ ! ”
“ใช่ ใช่ ! พวกเราจะดูทุบหินด้วยมือเปล่า ! ”
หลินเว่ยเว่ยเป็นคนใจอ่อนง่ายมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องยังเกิดขึ้นเพราะนางแอบพูดกับบัณฑิตน้อย นางทนเห็นหัวหน้าคณะถูกอันธพาลไม่กี่คนนี้ทำให้ลำบากใจไม่ได้ จึงยื่นนกในมือให้เจียงโม่หานแล้วเดินเข้าไปในลานแสดง
หลินเว่ยเว่ยจ้องอันธพาลที่ตะโกนเสียงดังที่สุดคนนั้น ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างเย็นชา “อยากดูทุบหินด้วยมือเปล่า ? ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา ! ”
หลังจากพูดจบ นางก็ยกหินก้อนใหญ่ขึ้นมาหนึ่งก้อนด้วยนิ้วมือ ก้อนหินนั้นใหญ่กว่าเครื่องโม่ถึงหนึ่งเท่า มีความหนา 1 ฉื่อ อย่างน้อยก็น่าจะมีน้ำหนักประมาณ 70-80 ชั่งได้เลย แต่มันกลับดูไม่หนักแม้แต่น้อยยามถูกนางยกขึ้นอย่างเบามือ
นางค่อย ๆ เดินมาตรงเบื้องหน้าอันธพาลคนนั้น มุมปากเปื้อนด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา นางเลิกคิ้วขณะพูด “เพื่อป้องกันไม่ให้คนสงสัยว่าเป็นอุปกรณ์ปลอม ขอให้พี่ชายท่านนี้ช่วยตรวจสอบหน่อยว่าหินก้อนนี้เป็นของจริงหรือเปล่า ถือให้ดีล่ะ…”
หลินเว่ยเว่ยยัดก้อนหินให้อันธพาลถือ เมื่อปล่อยมือออกแล้ว อันธพาลคนนั้นก็สัมผัสกับความหนักหน่วงในมือ เขาทรุดลงไปพร้อมก้อนหิน ถ้าชักเท้าหลบออกมาไม่ทัน มันก็คงถูกบดขยี้เพราะหินก้อนนั้นแล้ว !
จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็รับหินที่กำลังจะตกถึงพื้นมาได้อย่างง่ายดาย นางถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ? ก้อนหินมีปัญหาหรือเปล่า ? ”
“มะ…ไม่มี…” อันธพาลกลัวนางเอาก้อนหินกระแทกใส่ตัวเขา จึงตอบกลับด้วยเสียงติดอ่าง
หลินเว่ยเว่ยเดินกลับมาที่กลางลานแสดง นางให้หัวหน้าคณะและชายร่างกำยำช่วยจับก้อนหินเอาไว้ จากนั้นนางก็เริ่มยืดเส้นยืดสาย…เจ้านกน้อยที่บินอยู่เหนือศีรษะนางก็เริ่มร้องตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “ดูให้ดี ! ตาต้องเปิดให้กว้าง ! การแสดงทุบหินด้วยมือเปล่า…เริ่มได้ ! ”
หลินเว่ยเว่ยหันไปถลึงตาใส่หงส์แดง จากนั้นก็ทุบกำปั้นเข้าใส่หินเบา ๆ แต่ในจังหวะที่กำปั้นสัมผัสหิน ก้อนหินนั้นก็แตกเป็นสองเสี่ยงทันที…
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เงียบไปสองช่วงลมหายใจเข้าออก จากนั้นเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นก็ดังขึ้น หลินเว่ยเว่ย ทำมือคารวะ “นอกจากทุบหินด้วยมือเปล่าแล้ว ข้ายังมีฝีมืออีกอย่าง…ยิงธนูโดยไม่ใช้คันธนู ! ทุกคนอยากดูหรือไม่ ? ”
“อยาก ! เอาเลย ! ” เสียงขานรับดังกึกก้อง
หลินเว่ยเว่ยหักกิ่งไม้สองสามกิ่งออกมาจากต้นไม้ จากนั้นก็พูดกับทุกคนอีกครั้ง “ดูกันให้ดี ! เริ่ม…”
กิ่งไม้เหล่านั้นลอยข้ามฝูงชนและแทงเข้ากับมวยผมของพวกอันธพาลสองสามคนอย่างแม่นยำ
นะ…นี่จะต้องเป็นจอมยุทธยอดฝีมือแน่นอน ! อันธพาลพวกนั้นตกใจจนเหงื่อไหลอาบกาย แม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้า แต่ละคนรีบถอยออกจากฝูงชนและวิ่งหนีหางจุกตูดทันที…
“ทุเรศสิ้นดี ! ทุกท่าน หากมีเงินก็ให้รางวัลหน่อย หากไม่มีก็ขอเสียงปรบมือ…หัวหน้าคณะ เก็บเงิน ! ” หลินเว่ยเว่ยเตือนหัวหน้าคณะที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่ด้านข้าง
หัวหน้าคณะเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากฝัน เขารีบจับตะกร้าออกไปเก็บเงิน ส่วนเจ้านกน้อยก็ตะโกนอยู่เหนือศีรษะของเขาว่า “หากมีเงินก็ให้รางวัลหน่อย หากไม่มีก็ขอเสียงปรบมือ ! อย่าเดินหนีสิ พูดถึงเจ้านั่นแหละ คิดจะดูโดยไม่ควักเงินหรือไร ! ”
พอทุกคนได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาอีกรอบ คนที่โดนนกน้อยจ้องมองก็รีบโยนเหรียญทองแดงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็ยกมือปิดหน้าแล้วเดินออกไปทันที
เมื่อเก็บเงินจนครบแล้วก็พบว่าเงินที่ได้มากกว่าปกติเกือบ 3 เท่าตัว หัวหน้าคณะรู้ว่านี่เป็นผลงานของเจ้านกน้อยและนายของมัน แต่ตอนหันกลับมาทางหลินเว่ยเว่ย เขาก็พบว่าคนหายตัวไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
หลังออกมาจากฝูงชนแล้ว เจียงโม่หานก็เห็นหลินเว่ยเว่ยทำหน้าบูดบึ้งและเดินกลับไปทางรถม้า เขาจึงถามว่า “ไม่เดินเล่นต่อแล้วหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเจ้านกน้อยด้วยสายตาเกลียดชังปราดหนึ่ง “ยังจะเดินอีกหรือ ? ถ้ายังเดินต่อไปอีก ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวก่อเรื่องจะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก ! ”
เจียงโม่หานลูบศีรษะน้อย ๆ ของนาง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูบหัวเจ้าแล้ว ไม่โมโหแล้วนะ ! ประเดี๋ยวกลับไปแล้วเจ้าก็จับมันถอนขน แล้วจับย่างทำเป็นของกินแก้เบื่อดีหรือเปล่า…”
“ไม่กล้าแล้ว หงส์แดงไม่กล้าแล้ว อย่ากินหงส์แดงเลย ! ” เจ้านกน้อยกระพือปีกบินขึ้นสู่ฟากฟ้า มันตกใจจนขนหลุดออกมาสองสามเส้น ขณะบินยังเอ่ยปากขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด