หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 524 มีเพียงการจุมพิตถึงจะหยุดได้
ตอนที่ 524 มีเพียงการจุมพิตถึงจะหยุดได้
เจียงโม่หานกอดตอบนางเบา ๆ มือลูบเส้นผมนุ่มลื่นของนางแล้วพูดว่า “เพราะตอนนี้ข้ามีฐานะต้อยต่ำจึงปกป้องเจ้าไม่ได้ เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชายล้วน ๆ จะปล่อยให้ผู้หญิงที่ตนรักโดนรังแกได้หรือ ? อีกอย่างคือการตัดสินใจของข้าก็ตรงกับพระทัยฮ่องเต้พอดี…เจ้าแค่ต้องจำไว้ว่า ต่อจากนี้เจ้าคือท่านหญิงแห่งตำหนักหมินอ๋องที่โดนน้าเฝิงสลับตัวกับบุตรตระกูลหลิน แค่นี้ก็พอ ! ”
น้ำตาของหลินเว่ยเว่ยเริ่มไหล “แต่ข้าก็ยังอยากร้องไห้อยู่ดี น้ำตาของข้า มีเพียงการจุมพิตถึงจะหยุดได้…”
เจียงโม่หาน “…” เจ้าอยากจูบก็จูบสิ ไม่เห็นต้องเอาน้ำตามาเป็นข้ออ้าง ?
ทันใดนั้นริมฝีปากแสนอบอุ่นของเจียงโม่หานก็ประทับลงที่แก้มของเด็กสาว ดูดซับน้ำตานางไปหนึ่งหยด ก่อนจะพูดปลอบนางเบา ๆ ว่า “จวิ้นจู่น้อยของข้า เจ้าเป็นเทพธิดาลงมาจากสวรรค์หรือไร แม้แต่น้ำตาก็ยังหวาน ! ”
หลินเว่ยเว่ยหลุดหัวเราะออกมาจึงทำให้มีฟองฟอดออกจากจมูกด้วย…น่าอายเป็นบ้า ! ทำตัวน่าอายต่อหน้าเทพบุตรของตน เสียภาพลักษณ์ชะมัด !
เจียงโม่หานนำผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วช่วยเช็ดน้ำมูกให้นาง ขณะเดียวกันรอยยิ้มบนใบหน้าก็มีมากกว่าเดิม “จวิ้นจู่น้อยของข้า แม้แต่ฟองน้ำมูกของเจ้าก็ยังพ่นออกมาได้กลมกว่าคนอื่น พ่นได้กำลังพอดี…”
“ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ! ” ใบหน้ารูปไข่ของหลินเว่ยเว่ยมีสีแดงก่ำ “ข้าขอออกคำสั่งให้เจ้าลืมเรื่องเมื่อครู่ แล้วต่อไปก็ห้ามเอ่ยหรือนึกถึงมันอีก ! ”
“รับทราบขอรับ ท่านหญิงของข้าน้อย ! ” เจียงโม่หานโค้งตัวคารวะนางราวกับองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ซึ่งจะไม่มีวันขัดคำสั่งขององค์หญิง
หัวใจของหลินเว่ยเว่ยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ บัณฑิตน้อยเก่งมาก ! หลอกล่อกวางน้อยอย่างนางจนแทบจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร
ในเวลานี้เอง ประตูก็ถูกเคาะอีกครั้ง หลินจื่อเหยียนเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “พี่รอง หมินอ๋องมา…”
หลินเว่ยเว่ยเพิ่งออกมาจากห้องก็เห็นหมินอ๋องเข้าไปตบศีรษะหลินจื่อเหยียนเบา ๆ อย่างมีความสุข “เหตุใดต้องร้องไห้จนหน้าตาเป็นแบบนี้ ? หนุ่มสาวต้องมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ! มีความสุขหน่อย ! ”
หลินจื่อเหยียนคิดด้วยน้ำเสียงของคนร้องไห้ ‘ท่านมีความสุข แต่อีกไม่นานข้าก็จะเสียพี่รองไปแล้ว มีความสุขได้ก็แปลก’
เมื่อก่อนตอนที่พี่รองสมองไม่ดี แม้เขาจะเคยคิดว่านางเป็นตัวถ่วงและไม่ชอบนางมาก ๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเสียนางไป ช่วงเวลาหนึ่งปีกว่า ๆ ที่พี่รองได้สติกลับมา นางทำเพื่อครอบครัวมากมาย ตระกูลหลินที่เคยยากจนก็เปลี่ยนมาเป็นครอบครัวร่ำรวยที่มีอยู่แค่หลักหนึ่งพันครัวเรือน
เมื่อก่อนเขาต้องพึ่งพาการคัดลอกตำราเพื่อหาเงินซื้อพู่กันและแท่งหมึก หรือแม้แต่เอาเงินที่ใช้ในบ้านมาใช้เพื่อการศึกษา แต่ในเวลานี้สามารถเรียนได้อย่างไม่ต้องคิดอะไร สอบซิ่วไฉได้อย่างราบรื่นและยังได้ตามมาเปิดหูเปิดตาที่เมืองหลวง…เรื่องพวกนี้เป็นผลงานของพี่รองทั้งนั้น ฮือฮือฮือ หมินอ๋อง พระองค์อย่าทำแบบนี้ได้หรือเปล่า อย่าพรากพี่รองไปจากข้าเลย ?
“พี่รอง…” หลินจื่อเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น สภาพในเวลานี้เหมือนลูกสุนัขที่โดนตัดหางปล่อยวัด เขากำลังหันไปมองหลินเว่ยเว่ยด้วยสภาพน่าเวทนา
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปหาแล้วตบศีรษะเขาเบา ๆ เช่นกัน “ลูกผู้ชายอกสามศอก จะร้องไห้ทำไม ? วางใจได้ ขอแค่เจ้ายอมรับข้า ข้าก็จะเป็นพี่รองของเจ้าตลอดไป ! ”
“ยอมรับ ยอมรับสิ ! พี่รอง ท่านจะไม่จากพวกเราไปจริง ๆ ใช่หรือไม่ ? เจ้าหนูน้อยยังรอให้ท่านไปรับมาที่เมืองหลวง แล้วครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ! ” หลินจื่อเหยียนรู้ว่าคนที่พี่รองเอ็นดูที่สุดเป็นน้องชายคนเล็ก แม้ในเวลาปกติจะไม่พอใจสักเท่าไร แต่ตอนนี้เขาอยากให้พี่รองผูกพันกับน้องสี่มากกว่าเดิม แล้วจะได้ไม่อยากจากพวกเขาไป !
หลินเว่ยเว่ยมองไปทางหมินอ๋องด้วยท่าทางอ่อนโยนแต่ก็ดูหนักแน่น “ไม่หรอก ท่านแม่เลี้ยงข้ามาถึง 15 ปี ! แม้แต่ช่วงเวลาที่บ้านเรายากลำบากที่สุดก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งตัวถ่วงอย่างข้า ! ท่านแม่กับพวกเจ้าจะเป็นคนในครอบครัวของข้าตลอดไป ! ”
หมินอ๋องแย้มพระโอษฐ์และพยักดวงพักตร์ “บุตรสาวของข้าพูดถูก ! คนเราต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ เจ้าหนุ่มน้อย สำหรับเสี่ยวเว่ยแล้ว พ่อแม่ของเจ้ามีบุญคุณช่วยเลี้ยงดู ถือว่ามีบุญคุณต่อตำหนักหมินอ๋องเช่นกัน ! ต่อไปพวกเราสองบ้านก็ถือว่าเป็นญาติกันแล้ว ! เปิ่นหวางไม่มีทางห้ามเสี่ยวเว่ยให้ติดต่อกับพวกเจ้าแน่นอน ! ”
พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้ากลับมาเปื้อนยิ้มอีกครั้ง “เห็นไหมเล่า ? แม้แต่หมินอ๋องยังตรัสถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังกังวลอะไรอีก ? เด็กน้อย ไม่ต้องคิดมาก เวลาเจอสิ่งใดจะเอาแต่คิดในแง่ลบไม่ได้ ! ”
หมินอ๋องไม่ค่อยพอพระทัยจึงแกล้งบ่น “ยังเรียก ‘หมินอ๋อง’ อีกหรือ ? ”
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็อ้าปากค้างแล้วหันไปมองเจียงโม่หาน ก่อนจะหันมาเรียกเขาว่า “ฟู่หวาง” ด้วยความยากลำบาก แต่แล้วนางก็ย้อนคิดไปว่าหากเจียงโม่หานกลับเข้าตระกูล พอนางแต่งงานกับเขาแล้วก็ยังต้องเปลี่ยนคำเรียกเป็น ‘ฟู่หวาง’ อยู่ดี พอคิดได้เช่นนั้นแล้วคำเรียกว่าฟู่หวางในครั้งต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีก !
หมินอ๋องมีความสุขเหมือนได้พบขุมสมบัติ เคราบนดวงพักตร์สะบัดด้วยความสุข “ไอหยา ! บุตรสาวที่แสนน่ารัก ! ไปกันเถิด ฟู่หวางมารับเจ้ากลับบ้าน…หมู่เฟยของเจ้ายังรออยู่ที่บ้าน ! ”
ว่าอย่างไรนะ ? กะทันหันไปหน่อยหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยยังเตรียมใจไม่ทัน นางหันกลับไปมองเจียงโม่หานอีกรอบ…แม้ว่านางจะรักอิสระ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิง ยังหวังว่าจะมีไหล่ให้พักพิง ตอนนี้บัณฑิตน้อยได้กลายเป็นที่พึ่งในใจของนางแล้ว
หมินอ๋องอารมณ์เสียขึ้นมาทันที “ลูกเอ๋ย เจ้าจะเอาแต่หันไปมองเขาทำไม ? ลูกหลานสกุลจ้าวของพวกเราไม่จำเป็นต้องคอยดูสีหน้าคนอื่น ! ต่อไปมีฟู่หวางอยู่ เจ้าสามารถเอาแต่ใจ ร่าเริงสดใส ไม่ต้องกังวล หรือเจ้าจะหยิ่งทะนงก็ได้ ! แม้คนอื่นจะทนดูไม่ไหว พวกมันก็ต้องอดกลั้นไว้ให้ฟู่หวางทั้งนั้น ! ”
“ฟู่หวาง มีใครสั่งสอนบุตรอย่างพระองค์กันเล่า ? ไม่กลัวจะทำให้บุตรเสียคนหรือเพคะ ? ” หลินเว่ยเว่ยไม่ชอบพวกคุณชายเจ้าสำราญหรือสตรีสูงศักดิ์ที่ชอบใช้อำนาจรังแกผู้อื่น นางจึงไม่อยากเป็นคนในแบบที่ตัวเองเกลียด
ดูเถิด บุตรสาวรู้ความถึงขั้นไหน ! ไม่เหมือนสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านั้น ชอบมองเหยียดคนอื่น ทำตัวเหมือนว่าสูงส่งนักหนา หรือไม่ก็เย่อหยิ่งวางอำนาจ ! หมินอ๋องทอดพระเนตรบุตรสาว ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็ดีไปหมด !
เจียงโม่หานนึกถึงเฝิงชิวฟานที่เคยได้ครอบครองตัวตนของเขาในชาติที่แล้ว หลังถูกรับเข้าตระกูลก็กลายเป็นบุตรขุนนางผู้มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง แม้จะมีคนเคยนินทาลับหลังว่าเป็นเด็กที่เติบโตในเมืองเล็ก ๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาซึ่งหน้า เพราะหวังจะได้ผูกมิตรกับอีกฝ่ายเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตำหนักหมินอ๋อง…
หลังจากเว่ยเอ๋อร์กลับเข้าตำหนักหมินอ๋องแล้วก็ต้องเผชิญปัญหาในแบบเดียวกันแน่นอน เขาหวังว่านางจะเป็นเหมือนที่หมินอ๋องตรัสคือหยิ่งยโสหน่อย เอาแต่ใจบ้าง จึงจะไม่โดนสตรีมากเล่ห์เหล่านั้นหลอกใช้
หลินเว่ยเว่ยถอยออกมาสองก้าวและเข้ามาดึงแขนเสื้อเจียงโม่หาน นางยืนอยู่ข้างเขาพลางมองไปที่หมินอ๋อง “ฟู่หวาง หม่อมฉันกลับตำหนักหมินอ๋องไปกับพระองค์ได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อเพคะ”
หมินอ๋องจ้องแขนเสื้อเจียงโม่หานตาเขม็งจนแทบเผามันเป็นรูได้ พระองค์ทำท่าทางเหมือนปวดพระทนต์ “เงื่อนไขอันใด พูดมาให้ฟู่หวางฟังหน่อย”
“บัณฑิตน้อยเป็นคู่หมั้นของหม่อมฉันและเป็นคนที่หม่อมฉันรัก ฟู่หวางจะแยกคู่นกยวนยางออกจากกันไม่ได้ จะบีบให้หม่อมฉันทิ้งสามียาจกไม่ได้เพคะ ! ”
สามียาจก ? บ้าบออะไรกัน ? เจียงโม่หานรีบก้มมองตัวเอง…ข้าไม่ควรเป็นไข่มุกที่แวววาวหรือไร ? เหตุใดถึงเป็นยาจกเสียได้ ? หรือว่าพออายุมากแล้วมูลค่าจะลดลง ?
ทันใดนั้นหมินอ๋องก็ดูจะปวดพระทนต์ยิ่งกว่าเดิม “ลูกรัก การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องคิดให้ดี เรื่องของการเลือกสามีนั้นจะมองแค่หน้าตาไม่ได้ ถ้าอันตรายมาอยู่ตรงหน้า แม้แต่ภรรยาตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ แล้วเราจะเอาเขาไปด้วยทำไม ? ”