หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 528 ต่อไปนี้จะไม่ปล่อยให้ขาดอีก
ตอนที่ 528 ต่อไปนี้จะไม่ปล่อยให้ขาดอีก
หลินเว่ยเว่ยเขย่าพระกรของหมินอ๋องเบา ๆ ด้วยความออดอ้อน หมินอ๋องไม่เคยผ่านกลศึกรูปแบบใดมาบ้าง ? แต่บุตรสาวร้องไห้ตาแดงและยังออดอ้อนเสียงหวานเช่นนี้ พระองค์จะต้านทานนางได้อย่างไร ?
“ได้ ได้ ได้ ! ฟู่หวางจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง ! ” หมินอ๋องหัวรั้นได้ไม่กี่อึดใจก็ต้องทิ้งเกราะป้องกันตน ปลดอาวุธและยอมยกธงขาว ! พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมากว่าครึ่งค่อนชีวิต ทว่าไม่เคยยอมแพ้ง่าย ๆ ขนาดนี้มาก่อน
“ดีเพคะ ! ฟู่หวางไปกับลูก ก็จะทำให้พลังแห่งความรักเพิ่มเป็นสองเท่าและหมู่เฟยก็ต้องอาการดีวันดีคืนแน่นอนเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยเข้าไปคว้าพระหัตถ์ ทำตัวสนิทสนมราวกับเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ในสองชาติภพนี้ หมินอ๋องเป็นคนแรกที่ให้ความรักแบบบิดากับหลินเว่ยเว่ย แท้จริงการมีบิดาที่รักนาง ช่างมีความสุขแบบนี้เอง ! นางหันกลับไปมองเจียงโม่หานด้วยความขอโทษ…ขอโทษเถิด ข้าแย่งความรักจากบิดาของเจ้าแล้ว
เจียงโม่หานเข้าใจความหมายในแววตาของนาง จึงฉีกยิ้มให้…ไม่ได้แย่งหรอก เป็นของที่ข้ายอมยกให้เจ้าจากใจจริงต่างหาก ! เจ้าเองก็ต้องแสดงความกตัญญูแทนข้าไม่ใช่หรือ ?
เมื่อรู้ว่าท่านหญิงที่เพิ่งถูกรับตัวเข้าตำหนักต้องการต้มโอสถให้พระชายา หานลู่ก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที ! ยังไม่ต้องเอ่ยว่านางเชื่อใจท่านหญิงหรือเปล่า แต่ถ้าควบคุมไฟในการต้มยาไม่ดี คุณสมบัติของยาก็จะแตกต่างกันไปด้วย ท่านอ๋องก็ช่างเลอะเลือนเกินไปแล้ว เหตุใดถึงยอมรับปาก ?
ในเมื่อท่านอ๋องเอ่ยปากแล้วหานลู่ก็ไม่อาจห้ามได้ แต่นางยังยืนอยู่ด้านข้างเพื่อความสบายใจ เพราะหาก ‘ท่านหญิง’ ไม่ไหวจริง ๆ แม้นางจะต้องล่วงเกินอีกฝ่ายก็ต้องเข้าไปหยุดการก่อเรื่องให้ได้ !
หลินเว่ยเว่ยเคี่ยวยาสมุนไพรในหม้อด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็การหมุนตัวไปแอบเปลี่ยนน้ำต้มยาในหม้อให้เป็นน้ำพุวิญญาณ ด้านข้างมีคนคอยจับตามองอยู่สองสามคน นางจึงไม่อาจเปลี่ยนเป็นสมุนไพรจากห้วงมิติได้ง่าย ๆ ทว่ามีแค่น้ำพุวิญญาณก็ถือว่าดีต่อร่างกายมากแล้ว
หานลู่เห็นท่านหญิงต้มยาได้ชำนาญพอสมควร จึงค่อย ๆ สบายใจขึ้นมา การต้มยาหนึ่งหม้ออย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม ท่านหญิงไม่ได้ดูเหมือนคนที่ขาดความอดทนแต่อย่างใด นางทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปที่การต้มยา เพียงความอดทนและความตั้งใจนี้ก็ทำให้หานลู่ชื่นชมแล้ว
ในที่สุด โอสถแสนเข้มข้นก็ต้มเสร็จ หมินอ๋องแย่งถ้วยยามาถือเอง “ให้ฟู่หวางทำ ประเดี๋ยวมันจะลวกมือเจ้า ! ”
ในห้องบรรทม หมินหวางเฟยได้ตื่นบรรทมแล้ว หมินอ๋องยังไม่ทันก้าวเข้ามาในห้อง เสียงก็มาก่อนตัว “เสวี่ยเอ๋อร์ นี่เป็นยาที่บุตรสาวต้มให้เจ้าเองกับมือ บอกว่าข้างในเต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก เจ้ากินแล้วจะฟื้นตัวเร็วกว่าเดิม ! ดูเถิด บุตรสาวของเรากตัญญูถึงเพียงใด ! ”
หมินหวางเฟยเรียกให้หลินเว่ยเว่ยมานั่งข้างแท่นบรรทม จากนั้นก็ดึงมือนางมาจับเบา ๆ “เว่ยเอ๋อร์มีน้ำใจมากเหลือเกิน”
หลินเว่ยเว่ยมองหมินอ๋องป้อนยาให้ภรรยาด้วยรอยยิ้ม หลังได้ยินแบบนั้นนางก็พูดว่า “หมู่เฟย สิ่งนี้เป็นหน้าที่ที่ลูกควรทำเพคะ การแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ล่าช้ามากว่า 15 ปีแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ปล่อยให้ขาดอีก โอสถของหมู่เฟย ต่อไปลูกจะเป็นคนต้มให้เองเพคะ ! ”
พอหมินหวางเฟยได้ยินแบบนั้น ก็ตรัสพร้อมดวงเนตรแห่งรอยยิ้ม “ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นหรอก ความกตัญญูของเจ้า แม่รับรู้ได้แล้ว ต่อไปเรื่องต้มยาให้พวกข้ารับใช้ทำเหมือนเดิม ! ”
“ไม่ได้หรอกเพคะ ! ความกตัญญูจะใช้แค่ลมปากไม่ได้ ต้องทำให้เห็นด้วยเพคะ” หลินเว่ยเว่ยก้มหน้ามองพระหัตถ์ที่ผอมแห้งของหมินหวางเฟย แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สุขภาพของหมินหวางเฟยเป็นเหมือนไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ดังนั้นต้องดูแลให้ดีสักระยะหนึ่งถึงจะถูก “ลูกยังทำขนมและอาหารที่มีสรรพคุณทางยาเป็นด้วยเพคะ หมู่เฟยถือว่าเอ็นดูลูกแล้ว ให้ลูกได้แสดงฝีมือหน่อยเถิดเพคะ”
หลังจากเสวยโอสถจนหมดแล้ว หมินหวางเฟยก็ใช้น้ำล้างความขมในโอษฐ์แล้วตรัสออกมาด้วยเสียงอ่อนโยน “ยาที่เว่ยเอ๋อร์ต้มเองกับมือ ให้ความรู้สึกไม่เหมือนก่อนจริง ๆ พอดื่มเข้าไปแล้ว ร่างกายรู้สึกอบอุ่นขึ้นและมีแรงขึ้นมาเล็กน้อยอีกด้วย”
“ต่อไปลูกจะต้มโอสถให้พระองค์ทุกวัน แล้วอีกไม่นานหมู่เฟยก็จะดีขึ้นแน่นอนเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยเอนศีรษะไปที่พระอังสาของหมินหวางเฟยเบา ๆ เสียงร่าเริงสดใส รอยยิ้มหวานน่ารัก ทำให้คนที่มองก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้…
หมินอ๋องมีความรู้สึกอยากจะร้องไห้…วิเศษจริง ๆ หาบุตรสาวเจอแล้ว ซ้ำยังเป็นเด็กที่รู้ความและกตัญญูขนาดนี้อีก ในยามปกติเสวี่ยเอ๋อร์จะใช้เวลานอนไปกว่าครึ่งวัน แต่วันนี้อาจเพราะอารมณ์ดีหน่อย จนถึงตอนนี้จึงยังดูมีพลังอยู่ หมอหลวงบอกว่าอาการป่วยกว่าครึ่งของเสวี่ยเอ๋อร์เป็นโรคทางใจ มีบุตรสาวคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็หวังว่าอาการของนางจะดีวันดีคืน
หมินหวางเฟยไม่ต่อต้านการทำตัวสนิทสนมของเด็กสาว ไม่รู้ว่าฝ่าบาทหลอกเด็กสาวคนนี้อย่างไร บางทีอาจเห็นนางเป็นมารดาแท้ ๆ ไปแล้ว ! ขณะมองท่าทางออดอ้อนของเด็กสาว หมินหวางเฟยก็เริ่มอดคิดไม่ได้ว่า…มีลูกสาวก็ดีเหมือนกัน !
หยี่ซวงมองรอยยิ้มบนดวงพักตร์ของเจ้านายพร้อมดวงตาเปียกชื้น นานเท่าใดแล้ว ! ตั้งแต่บุตรของคุณหนูหายตัวไป บนดวงพักตร์ก็ไม่มีรอยยิ้มอีกเลย เมื่อก่อนคุณหนูเป็นคนชอบยิ้มมาก ๆ…ในที่สุดรอยยิ้มที่หายไปนานก็กลับมาแล้ว !
เหมยหยิงแม่ครัวประจำห้องเครื่องสวนจื่อถงก็เป็นหนึ่งในสี่นางกำนัลคนสนิทที่อยู่มาตั้งแต่หมินหวางเฟยสมรสเข้ามา นางมีฝีมือทำอาหารไม่เลวจึงได้ดูแลห้องเครื่องประจำเรือนนี้
ข้ารับใช้ในตำหนักหมินอ๋องทั้งหมดก็รู้แล้วว่าในตำหนักมีเจ้านายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เหมยหยิงมองหลินเว่ยเว่ยที่อยู่ข้างกายพระชายา ทันใดนั้นนางก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่ประชวร แม้แต่นางกำนัลคนสนิท พระชายาก็ไม่ชอบให้เข้าใกล้…หรือนี่จะเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ?
เหมยหยิงคารวะ…ทุกคนในห้องบรรทม ขณะมองพระชายาแล้วนางก็ถามเบา ๆ ว่า “พระชายาเพคะ โจ๊กรังนก น้ำแกงโสมพุทราแดงหรือน้ำแกงแปะก๊วยป๋ายเหอ ( ดอกลิลลี่ ) ใส่พุทราแดง มื้อเย็นนี้อยากเสวยอะไรเพคะ ? ”
ถ้าถามพระชายาโดยตรงว่าอยากเสวยอะไร พระนางก็จะต้องส่ายดวงพักตร์แล้วตรัสว่าไม่อยากกินอะไรสักอย่าง ดังนั้นในแต่ละมื้ออาหาร เหมยหยิงจะเสนอตัวเลือกให้พระนาง 3-4 ชนิด ไม่ว่าพระนางเลือกอันไหนก็จะเสวยแค่ไม่กี่คำเท่านั้น เพื่ออาหารของพระชายา เหมยหยิงเครียดจนผมจะร่วงหมดศีรษะอยู่แล้ว
“หมู่เฟย ลูกทำน้ำแกงแปะก๊วยป๋ายเหอใส่พุทราแดงเป็นเพคะ รสชาติยังไม่เลวด้วย ! พระองค์อยากลองชิมฝีมือลูกหรือไม่เพคะ ? ” สำหรับอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเลือดและพลังหยิน หลินเว่ยเว่ยเคยทำให้นางหวงมาก่อน รสชาติจึงผ่านการปรับปรุงมาแล้ว !
หมินหวางเฟยเห็นนางกระตือรือร้นอยากแสดงฝีมือ จึงอดไม่ได้ที่จะตรัสว่า “ได้ ! ถ้าเช่นนั้นแม่จะลองชิมดูว่าฝีมือของเว่ยเอ๋อร์เป็นอย่างไร หรือเหมยหยิงมีฝีมือดีกว่า ! ”
หลินเว่ยเว่ยรีบพับแขนเสื้อขึ้นอย่างคนมีพลังไม่หมดสิ้น “วางใจได้เลยเพคะ ลูกไม่มีทางทำให้หมู่เฟยผิดหวังแน่นอน ! ”
ขณะทอดพระเนตรตามแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยพลังของหลินเว่ยเว่ย หมินหวางเฟยก็ไม่อาจหยุดรอยยิ้มบนดวงพักตร์ได้อีกต่อไป…เด็กสาวคนนี้มีพลังในตัวเหลือล้น นิสัยก็เป็นเหมือนเทพธิดาตกสวรรค์ พอจะมีตัวตนของนางในสมัยยังวัยเยาว์อยู่บ้าง
เมื่อเห็นเจียงโม่หานและเด็กหนุ่มอีกคนคารวะนางและกำลังเตรียมตัวจะเดินออกไป หมินหวางเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเรียกพวกเขาให้อยู่ต่อ “คุณชายน้อยทั้งสองมานั่งลงแล้วอยู่คุยเป็นเพื่อนท่านอ๋องหน่อยเถิด ! ”
หมินอ๋องอารมณ์เสียทันที จากนั้นรีบกลอกดวงเนตรยกใหญ่…พระองค์ไม่อยากสนทนากับเจ้าเด็กนี่สักหน่อย ! ทว่าในเมื่อพระชายาเอ่ยปากแล้ว พระองค์ก็จะไม่ทำลายความตั้งใจของนาง
“คุณชายชุดขาวคนนี้เป็นคู่หมั้นของเว่ยเอ๋อร์ใช่หรือไม่ ? ” ขณะทอดพระเนตรบัณฑิตน้อยผู้สง่างามและดูมีมารยาท หมินหวางเฟยก็ตรัสถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เจียงโม่หานโน้มกายคารวะ จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ทูลพระชายา ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ในเมื่ออีกไม่นานก็จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ข้าเปลี่ยนมาเรียกเจ้าว่า ‘หานเอ๋อร์’ ดีกว่า แล้ว…คุณชายน้อยคนนี้เล่า ? ” เมื่อครู่หัวข้อที่หลินเว่ยเว่ยเอ่ยถึงมีแต่คู่หมั้นของตน ไม่ได้เอ่ยถึงหลินจื่อเหยียนสักคำเดียว