หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 541 หลังจากมีชื่อติดป้ายทอง ก็เป็นวันส่งตัวเข้าหอ
- Home
- หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง
- ตอนที่ 541 หลังจากมีชื่อติดป้ายทอง ก็เป็นวันส่งตัวเข้าหอ
ตอนที่ 541 หลังจากมีชื่อติดป้ายทอง ก็เป็นวันส่งตัวเข้าหอ
“เรื่องเปลี่ยนคู่หมั้นคงไม่มี เพราะอย่างไรบุรุษที่รูปงามและรักข้ามากขนาดนี้ เรียกว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองอีกแล้วในใต้หล้า ข้าเหนื่อยจะหาเช่นกัน ดังนั้นก็ใช้เจ้าแก้ขัดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดีกว่า ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดไปพลางถอนหายใจไปด้วย ราวกับเสียดายมากที่เปลี่ยนคู่หมั้นไม่ได้
“แก้ขัด ? ” เจียงโม่หานแสยะยิ้มด้วยความโกรธ “จวิ้นจู่น้อย ท่านมีฐานะสูงส่งขนาดนี้ อย่าทำให้ตัวเองต้องตกต่ำเชียว ท่านอย่าเอาความเกียจคร้านมาเป็นเหตุ เพราะหากท่านแสดงความปรารถนาออกมาเพียงเล็กน้อยก็ย่อมมีแม่สื่อเข้ามาช่วยหาบุรุษที่ตรงใจให้ท่านแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยเห็นบัณฑิตน้อยหงุดหงิด จึงรีบดับไฟโทสะทันที “บนโลกใบนี้ คนที่ตรงใจข้าก็คือเจ้า ! ข้าจะเปลี่ยนไปเพื่ออะไร ? หืม ? หิมะตกแล้ว…”
ภายใต้แสงสลัวของตะเกียงเจ้าพายุ เกร็ดหิมะขาวผ่องร่วงสู่แพขนตาเส้นหนาและงอนยาวของเจียงโม่หาน ยามที่เขากะพริบตาก็ทำให้ขนตาสั่นไหวเบา ๆ ไปด้วย เหมือนกับผีเสื้อที่กำลังกระพือปีกเพื่อปัดหิมะออกจากขนตาของตน นัยน์ตาสีอำพันเจือด้วยแสงสลัวของตะเกียง ราวกับภาพทิวทัศน์ที่โดนแต่งแต้มด้วยน้ำหมึก หลินเว่ยเว่ยมองภาพตรงเบื้องหน้าจนลืมหายใจ คล้ายว่าทุกสิ่งบนโลกถูกแช่แข็ง มันกลายเป็นภาพจำสำหรับนางไปตลอดกาล
เมื่อเห็นนางตกตะลึงเช่นนั้น ความหงุดหงิดในใจของเจียงโม่หานก็แปรเปลี่ยนเป็นความสุขขึ้นมาทันที แม้แต่น้ำเสียงก็ยังอ่อนโยนขึ้นด้วย “เข้าเดือนสิบสองแล้ว หิมะตกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ? ”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า ขณะมองหิมะจากฟากฟ้า นางก็บ่นพึมพำออกมา “ปีก่อน เพิ่งเข้าเดือนสิบ แต่ที่ฉือหลี่โกวก็หิมะตกแล้ว วันที่หิมะตกวันแรกนั้นท่านแม่ น้าเฝิง พี่ใหญ่ เจ้าหนูน้อย…แล้วก็พวกเรายังนั่งล้อมวงห่อเกี๊ยวกันอยู่เลย ตอนนั้นข้าขอพรว่าคนที่ข้ารักและคนที่รักข้าจะมีชีวิตราบรื่น มีความสุขและมีเงินใช้ตลอดไป…”
คำพูดประโยคแรก ๆ ก็ฟังแล้วซึ้งอยู่หรอก แต่ประโยคหลังทำให้เจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนหลุดหัวเราะออกมาทันที…เป็นอุปนิสัยของหลินเว่ยเว่ยจริง ๆ แม้แต่ขอพรก็ยังเกี่ยวข้องกับเงิน !
หัวเราะไปหัวเราะมา จู่ ๆ หลินจื่อเหยียนก็หันหลังแล้วยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตา “พี่รอง ข้าคิดถึงบ้านแล้ว ! หากท่านแม่รู้ว่าท่านกลายเป็นจวิ้นจู่ของตำหนักหมินอ๋อง ไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือดีใจแทนท่าน…”
“ข้าก็คิดถึงท่านแม่กับน้าเฝิงแล้ว…บัณฑิตน้อย ที่จริงเป็นเด็กสาวชาวป่าชาวเขาก็ดีออก ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุข…” หลินเว่ยเว่ยเอนศีรษะพิงไหล่เจียงโม่หานเบา ๆ ขณะมองอาคารสูงตรงเบื้องหน้า นางก็รู้สึกว่ามันเหมือนความเพ้อฝัน นางคิดถึงช่วงเวลาตอนอยู่ในหมู่บ้านฉือหลี่โกว ได้ทำงานทุกวันและนับเงินอย่างมีความสุข
เจียงโม่หานเข้าใจความคิดของนาง เด็กคนนี้มีความคิดเรียบง่าย จิตใจดี อบอุ่น เป็นคนซื่อตรงและไม่ชอบพวกที่ใช้กลอุบาย ถ้าเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าจะให้นางอยู่ห่างไกลจากเรื่องเลวร้ายตลอดกาล
แต่อย่างไรเขาก็ต้องเดินไปข้างหน้า การวางอุบายในราชสำนัก ย่อมมีบางครั้งที่ส่งผลไปถึงเรือนหลัง ไม่ช้าก็เร็วนางต้องเจอกับเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นเขาถึงมอบฐานะอันสูงศักดิ์ให้นาง เพื่อให้พวกตัวร้ายไม่กล้ามาแผลงฤทธิ์ตรงหน้านาง…
“ข้าก็คิดถึงพวกเขา…รอให้ปีหน้า มีชื่อของข้าติดบนป้ายทอง หลังมีการส่งตัวขุนนางออกไปประจำพื้นที่ใดแล้วก็ยังเหลือเวลากลับไปบอกลาและไหว้บรรพบุรุษอีกหนึ่งเดือน ตอนนั้นเราจะกลับบ้านด้วยกัน ! ถ้าได้อยู่ต่อที่เมืองหลวง พวกเราจะรับป้าหวงและพวกน้องชายมาอยู่ที่นี่ หากถูกส่งไปที่อื่น หลังจากเรากลับไปแต่งงานที่ฉือหลี่โกวแล้ว เราจะพาแม่ข้า ป้าหวงและเอ้อร์ฮว๋าย้ายไปด้วยกัน…” เจียงโม่หานโอบกอดไหล่ของเด็กน้อยและตบไหล่เบา ๆ เพื่อปลอบประโลม
หลินเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้น นางมองเจียงโม่หานด้วยดวงตาเป็นประกายและหัวเราะออกมา “บัณฑิตน้อย เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอย่างไร ? หลังจากพวกเราแต่งงานกัน ? นี่เจ้ากำลังให้คำมั่นสัญญาว่าหลังสอบติดแล้วก็จะเข้าห้องหอกับข้า ? ”
“เข้าห้องหออะไรกัน ? ไม่รู้จักอาย ! ” เจียงโม่หานยิ้มเล็กน้อย “เจ้าลองคิดสิ หากเจ้าอยู่เมืองหลวงต่อไป ทุกอย่างก็ยังดี เพราะข้าสามารถเช่าบ้านที่อยู่ใกล้ตำหนักหมินอ๋องได้ พอเจ้าคิดถึงข้าก็สามารถมาหาได้ตลอดเวลา แต่หากข้าโดนส่งไปนอกเมืองหลวงไกลหลายพันลี้ เจ้าก็ต้องอยากตามข้าไปด้วยแน่นอน แต่ข้าจะปล่อยให้เจ้าตามไปทั่วต้าเซี่ยโดยไร้สถานะได้อย่างไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคัก “ตกลง ! รอให้เจ้าสอบติดเมื่อไร พวกเราจะกลับไปแต่งงานกันที่ฉือหลี่โกว จัดงานให้คึกคักไปเลย…”
ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวหิมะตกหนักจนปิดเส้นทางบนเขาไปแล้ว สำนักศึกษาของเจ้าหนูน้อยหยุดมาครึ่งเดือนแล้วเช่นกัน ด้านนอกหิมะตกหนัก เขาจึงไม่ได้ออกไปไหน เพียงนั่งอ่านตำราอยู่ข้างนางหวง แต่ดวงตากลับไม่จดจ่ออยู่ที่ตัวอักษร…
เขาโยนตำราไปบนเตียงเตาแล้วร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ ข้าคิดไม่ตกว่าเหตุใดจู่ ๆ พี่รองก็ไม่ใช่พี่รองของข้าแล้วขอรับ ? ”
นางเฝิงวางงานปักในมือพลางหันไปมองสองแม่ลูกด้วยความสงสาร แล้วพูดปลอบใจ “ใครบอกว่าเสี่ยวเว่ยไม่ใช่พี่รองของเจ้า ? หากเสี่ยวเว่ยได้ยินเจ้าพูดถึงนางแบบนี้ จะต้องให้เจ้ากินระเบิดเกาลัดแน่นอน ! ”
เจ้าหนูน้อยลูบหางตาพลางสูดหายใจเข้าลึก “ข้ายังคิดไม่ตกอยู่ดี เหตุใดพี่รองจึงกลายเป็นบุตรที่หายไปของตำหนักหมินอ๋อง ? ”
วันนั้น จู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวขึ้น แล้วมาสอบถามเรื่องพี่รองจากเขา แน่นอนว่าเขาหวาดระแวงและไม่ได้บอกความจริงต่ออีกฝ่าย แต่คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะไปหาน้าเฝิง…จากนั้นชาติกำเนิดของพี่รองก็ถูกเปิดเผยว่าท่านแม่ให้กำเนิดพี่รองยากมาก จึงทำให้พี่รองตัวจริงของเขาตายตั้งแต่เกิด ท่านพ่อกลัวว่าท่านแม่จะเสียใจ จึงให้เด็กที่น้าเฝิงดูแลมาแทนที่พี่รองของเขา…
แต่เขาไม่เชื่อ ! พี่รองที่เขาชอบและภูมิใจที่สุด จู่ ๆ ก็กลายเป็นบุตรของบ้านคนอื่น เขารับไม่ได้ !
นางหวงเสียใจยิ่งกว่าบุตรชาย ทว่าคนผู้นั้นเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา ฮ่องเต้ตรัสสิ่งใดแล้ว สามัญชนอย่างพวกนางก็ได้แต่เชื่อฟังเท่านั้น ! หมินอ๋องมีฐานะสูงส่ง ตำหนักหมินอ๋องมั่งคั่ง ถ้าเจ้ารองไปอยู่แล้วก็น่าจะมีความสุขกว่าอยู่กับนาง ทั้งตัวนางและบ้านหลังนี้มีแต่จะถ่วงความเจริญ…
นางเฝิงพูดปลอบ “พอฤดูใบไม้ผลิปีหน้ามาเยือน เส้นทางแม่น้ำก็เปิด พวกเราไปที่เมืองหลวงกัน ถึงเวลานั้นก็ได้เจอกับเสี่ยวเว่ยแล้วไม่ใช่หรือ ? ”
นางหวงครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า ! หญิงชราจากบ้านนอกอย่างข้า อย่าไปทำให้ลูกต้องลำบากเลย มีแต่ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะและทำให้นางเสียหน้า ! ”
“พี่สะใภ้ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ! จวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋องคือฐานะอะไรกัน ? คนอื่นอยากประจบนางแทบตาย แล้วจะมีสักกี่คนที่กล้าหัวเราะเยาะนาง ? ฟังข้าเถิด ไปเมืองหลวงด้วยกัน ไม่แน่ว่า…อาจไปทันตอนประกาศผลสอบก็ได้ ! หรือท่านไม่อยากไปดูขบวนแห่จิ้นซื่อ ? ไม่อยากเห็นความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงหรือไร ? ไม่อยากคุยกับเสี่ยวเว่ยแล้ว ? ไม่อยากร่วมงานแต่งของเสี่ยวเว่ยกับหานเอ๋อร์แล้วกระมัง ? ” นางเฝิงพยายามกระตุ้นอีกฝ่าย ตัวนางเองเชื่อว่าหลินเว่ยเว่ยก็อยากพบนางหวงมากเช่นกัน !
“แต่ข้ากังวลว่า…เจ้ารองจะไม่อยากเจอข้า ! ” นางหวงวางรองเท้าที่หลินเว่ยเว่ยเคยให้ไว้แล้วขมวดคิ้วด้วยความเศร้าหมอง
ถ้าสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เช่นนี้เจ้ารองก็ควรได้เป็นจวิ้นจู่สุดที่รักของตำหนักหมินอ๋อง แต่ต้องมาตกระกำลำบากกับนางตั้งหลายปี และยังตกเขาจนแทบเสียชีวิตอีกด้วย เจ้ารองจะโทษว่านางไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ดูแลให้ดีหรือเปล่า ? ยังอยากนึกถึงทุกอย่างในฉือหลี่โกวอีกหรือไม่ ? แล้ว…