หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 542 คู่หมั้นคนนี้ อย่างไรก็เปลี่ยนดีกว่า
ตอนที่ 542 คู่หมั้นคนนี้ อย่างไรก็เปลี่ยนดีกว่า
นางเฝิงส่ายหน้า ก่อนจะพูดปลอบนางหวง “ท่านไม่เชื่อใจเสี่ยวเว่ยขนาดนี้เลยหรือ ? เสี่ยวเว่ยเป็นพวกรังเกียจคนจนเทิดทูนคนรวยตั้งแต่เมื่อใด ? ท่านเป็นแม่ของนางมาสิบกว่าปี ตัวเองหิวจนแทบนั่งไม่ไหวอยู่แล้วก็ยังยกอาหารชามสุดท้ายให้นาง…เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กจิตใจดี มีคุณธรรมถึงขั้นนั้น นางไม่มีทางลืมบุญคุณของแม่เลี้ยงอย่างท่านแน่นอน ! ”
“ระ…เรื่องนี้ เราอย่าพูดถึงอีกเลย ดีหรือไม่ ? ” นางหวงเลือกหนีปัญหาอีกรอบ นางรู้สึกว่าไม่พูดหรือไม่คิดถึงแล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เจ้าหนูน้อยขมวดคิ้วแน่น “น้าเฝิงพูดถูกขอรับ ข้าเชื่อว่าพี่รองไม่ใช่คนแบบนั้น ! เมืองหลวงอยู่ไกลเกินไปจริง ๆ ข้าอยากจะบินไปให้ถึงตอนนี้เลย บินไปอยู่ข้างกายและปกป้องพี่รอง คอยปลอบโยนนางด้วย แต่ยังโชคดีที่พี่ใหญ่และพี่โม่หานอยู่ข้างนาง ไม่อย่างนั้นนางจะต้องไม่มีใครคอยช่วยเหลือแน่นอน ! ”
“ท่านไม่ต้องคิดว่าตำหนักหมินอ๋องเป็นถ้ำพยัคฆ์ถ้ำมังกรหรอก ตอนนี้หมินอ๋องมีทายาทอยู่แค่สองคน พระองค์จะรักนางยิ่งกว่าอะไร แล้วจะทำเรื่องโหดร้ายกับนางได้อย่างไร ? ” แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ตัวนางเฝิงเองก็รู้สึกไม่แน่ใจเช่นกัน เนื่องจากคุณหนูของนางเป็นคนฉลาดมาโดยตลอด หากรู้ฐานะแท้จริงของเสี่ยวเว่ย อีกทั้งท่านเขยก็เชื่อฟังสิ่งที่คุณหนูพูดทุกอย่าง ดังนั้นจึงเลี่ยงที่จะขุ่นเคืองใจต่อเสี่ยวเว่ยได้ยาก…
นางหวงถอนหายใจ “ขอแค่เจ้ารองมีชีวิตที่ดี ข้าก็พอใจแล้ว…” เจ้ารองจะเป็นลูกของนางหรือไม่ คนเป็นแม่อย่างนางจะไม่รู้เลยหรือ ? แต่แขนเล็ก ๆ สู้ขาไม่ได้หรอก ดังนั้นจึงได้แต่อวยพรเจ้ารองอย่างเงียบ ๆ !
ณ ตำหนักหมินอ๋อง หลังได้ยินเรื่องที่ชุนซิ่งกลับมารายงานแล้ว หมินอ๋องก็ตรัสด้วยน้ำเสียงดีใจ “ว่าอย่างไรนะ ? เว่ยเอ๋อร์ทะเลาะกับเจ้าเด็กนั่นหรือ ? ”
ชุนซิ่งครุ่นคิด “จะบอกว่าทะเลาะก็ไม่เชิงเพคะ อย่างมากก็แค่…เถียงกัน ? ” ต่อจากนั้นนางยังเล่าเรื่องที่เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนคู่หมั้นให้ท่านอ๋องและพระชายาฟังด้วย
หมินหวางเฟยตรัสด้วยรอยยิ้ม “จะนับว่าทะเลาะกันได้อย่างไร ? เหมือนเกี้ยวพากันมากกว่า ! นี่บ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกนางยังดีอยู่ หานเอ๋อร์ก็ดูสุภาพและมีมารยาท ไม่ได้ทำตัวอวดฉลาดเหมือนปัญญาชนพวกนั้น ซ้ำยังดูรักภรรยามากด้วย…”
“รักภรรยาอะไรกัน ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาเห็นเว่ยเอ๋อร์ชอบตนมาก ก็เลยคิดจะบีบเว่ยเอ๋อร์ให้ถึงตาย ! ไม่ได้การ ข้าต้องไปพูดกับเว่ยเอ๋อร์สักหน่อยว่าคู่หมั้นคนนี้ อย่างไรก็เปลี่ยนดีกว่า ! ” หมินอ๋องเต็มไปด้วยความไม่พอพระทัย เจ้าหน้าขาวมีดีตรงไหน ? ถึงขั้นทำให้บุตรสาวต้องคอยเอาใจ ตามติดทั้งวัน ! ไม่ดีเลยสักนิด ! น้องชายของเว่ยเอ๋อร์พูดถูกว่า เปิ่นหวางไม่ชอบ !
หมินหวางเฟยอยากจะควักดวงเนตรของพระสวามี นางตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “พอแล้ว ! ใครใช้ให้เว่ยเอ๋อร์ชอบเขาล่ะเพคะ ? พระองค์ก็เลิกอ้างว่าทำเพื่อเว่ยเอ๋อร์แล้วไปแยกคู่ของเด็ก ๆ ได้แล้ว มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการรักกันอย่างบริสุทธิ์ใจเพคะ ? ”
หมินหวางเฟยหมดคำพูดกับบุรุษหยาบกระด้างตรงหน้าแล้วจริง ๆ ! ไม่รู้ว่าคนไหนเป็นบุตรตัวจริงยังไม่ว่า แต่ยังพยายามเป็นตัวถ่วงให้บุตรชายอีก ! เกินเยียวยาแล้ว ! ส่วนที่ว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงให้เว่ยเอ๋อร์มาเป็นบุตรสาวของพวกตน…รอนางหายดีเมื่อไร ค่อยไปคุยกับฮองเฮาในวัง…หรือฮ่องเต้จะมีใจคิดหวาดระแวงตำหนักหมินอ๋องขึ้นมา ?
ชุนซิ่งยังเล่าเรื่องที่จวิ้นจู่คิดถึงบ้าน หมินอ๋องขมวดพระขนงหนักกว่าเดิม “คิดถึงบ้าน ? ตำหนักหมินอ๋องต่างหากถึงจะเป็นบ้านของนาง ! ”
หมินหวางเฟยกลอกดวงเนตรใส่ “เว่ยเอ๋อร์เพิ่งกลับมาอยู่ตำหนักหมินอ๋องได้กี่วันเองเพคะ ? อย่างไรนางก็เคยอยู่กับพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงมาตั้งสิบกว่าปี ที่นั่นเต็มไปด้วยความทรงจำของนาง…บ่งบอกว่าเว่ยเอ๋อร์ของพวกเราเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพและวันวาน ! รอให้ผ่านไปอีกสักพักก็ค่อยส่งคนนั่งเรือไปทางทะเลแล้วรับครอบครัวแม่เลี้ยงของเว่ยเอ๋อร์และปิงเจี่ยกลับมา…”
เรื่องนี้หมินอ๋องไม่ได้คัดค้าน เพราะถึงแม้ความสัมพันธ์ของแม่เลี้ยงและเว่ยเอ๋อร์จะลึกซึ้งขนาดไหนก็ยังลบล้างความจริงที่นางมีสายเลือดของตระกูลจ้าวไม่ได้อยู่ดี !
ณ เรือนฝูหรง จ้าวชิงหลวนนั่งคุกเข่าอยู่ข้างฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อช่วยนวดขาให้ หญิงชรายกมือขึ้นเบา ๆ แล้วมองนางอย่างโอบอ้อมอารี “เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด”
จ้าวชิงหลวนตาแดงก่ำพลางพูดออกมาเบา ๆ “ท่านย่าเจ้าคะ เหมือนว่าหลานจะทำให้จวิ้นจู่ไม่พอใจ…”
ฮูหยินผู้เฒ่าลูบศีรษะของนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สามีของเจ้าไม่ได้เลื่อนตำแหน่งให้ไปประจำการที่จวนหยงหนิงแล้วหรือ ? เจ้าก็ตามเขาไปเถิด ? พวกเจ้าแต่งงานกันมานาน 3 ปีแล้ว แต่ได้อยู่ด้วยกันน้อยมาก แม้แต่ทายาทก็ไม่มี…”
จ้าวชิงหลวนตกใจ…นี่ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังไล่นาง ? นางรู้ว่าในตำหนักหมินอ๋องแห่งนี้ คนที่นางจะพึ่งพาได้มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น แม้หมินอ๋องจะบอกว่าเป็นพ่อบุญธรรมของนาง แต่ก็อยู่ในตำหนักน้อยครั้งและยังเป็นคนแข็งกระด้าง ทั้งคนและงานในตำหนักแห่งนี้ นอกจากพระชายาก็ไม่มีใครเข้าไปอยู่ในหทัยของพระองค์ได้อีก ตอนนี้ยังมีเว่ยเว่ยจวิ้นจู่เพิ่มขึ้นมาอีกคน
สำหรับหมินหวางเฟยก็ประชวรมาโดยตลอด ตอนเด็ก ๆ นางเคยตกใจเพราะอาการที่กำเริบของหมินหวางเฟย หลังจากนั้นเป็นต้นมาหมินหวางเฟยก็ไม่ค่อยจะสนใจนางอีก…
หากฮูหยินผู้เฒ่ายังทอดทิ้งนางอีกคน บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักหมินอ๋องแห่งนี้ก็คงได้ปีนขึ้นมาถ่ายหนักบนศีรษะของนางแน่นอน !
“ท่านย่าเจ้าคะ ชิงหลวนอยากอยู่กับท่าน ชิงหลวนอยากคอยดูแลรับใช้ท่านย่า…” จ้าวชิงหลวนพิงศีรษะกับตักของหญิงชราพร้อมพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าตบบ่านาง “เจ้าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว ไฉนเลยจะเอาแต่อยู่ที่บ้านฝ่ายหญิง ? วางใจเถิด ไม่ว่าเจ้าจะไปอยู่ที่ใดก็จงยืดอกไว้ เพราะอย่างไรเจ้าก็เป็นสตรีที่แต่งออกไปจากตำหนักหมินอ๋อง ! ”
จ้าวชิงหลวนรู้ดี ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ไม่ช่วยเปลี่ยนใจหญิงชราได้แล้ว อีกอย่างคือนางแต่งกับสามีมานานสามปีแต่กลับไร้ทายาท บ้านสามีเห็นแก่หน้าตำหนักหมินอ๋องจึงยังไม่กล้ารับคนเข้ามาในเรือนหลัง ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่หัวใจของสามี นางก็คงกุมไว้ไม่อยู่ จ้าวชิงหลวนลูบหางตาแล้วฝืนยิ้ม “หลานจะทำตามที่ท่านย่าพูดเจ้าค่ะ ! ”
หลังจากรอให้จ้าวชิงหลวนกลับไปที่ห้องทางปีกตะวันออกแล้ว หญิงชราก็ลุกขึ้นยืนภายใต้การประคองของแม่นมหลี ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้าไปมาพร้อมถอนหายใจอย่างแรง ใจมนุษย์เป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดและเปลี่ยนง่ายที่สุดด้วย
แม่นมหลีรู้ว่านายหญิงอารมณ์ไม่ดี จึงแอบบ่นคุณหนูชิงหลวนในใจว่าทำไม่ถูกกาลเทศะ ทำตัวอิจฉาริษยาจวิ้นจู่ต่อหน้านายหญิง คนหนึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนายหญิง ส่วนอีกคนเป็นแค่เด็กนอกสกุลที่นายหญิงเลี้ยงดู ควรสำคัญตัวอย่างไรก็ต้องรู้ไว้บ้าง
วันนี้ หลังจากที่หลินเว่ยเว่ยตื่นนอนแล้วก็เห็นทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยหิมะ ราวกับถูกแกะสลักอย่างประณีต นางรีบสวมเสื้อคลุมแล้ววิ่งไปที่ห้องเครื่องเล็กของสวนจื่อถง หลังทำงานจนหัวหมุนแล้วนางก็นำ ‘ความสำเร็จ’ ในยามเช้าซุกซ่อนไว้ข้างหลังแล้วไปที่ห้องของหมินหวางเฟย
หมินหวางเฟยกำลังเสวยมื้อเช้าอยู่ พอเห็นนางเอามือทั้งสองข้างซ่อนไว้ข้างหลังอย่างมีลับลมคมในแล้วก็เหลือบมองใบหน้าของนาง “เว่ยเอ๋อร์ เจ้าซ่อนของดีอะไรไว้ข้างหลัง ? ”
หลินเว่ยเว่ยนำของในมือออกมาแสดงแล้วยื่นไปด้านหน้าราวกับสมบัติล้ำค่า “หมู่เฟย วันนี้หิมะตกแล้วไม่ใช่หรือเพคะ ? ลูกคิดอยากทำขนมตุ๊กตาหิมะตัวน้อยขึ้นมา พระองค์ลองชิมสิเพคะ”
ขณะทอดพระเนตรขนมชิ้นน้อยในฝ่ามือเด็กสาว หมินหวางเฟยก็มุ่ยพระโอษฐ์ “ตัวเล็กตัวน้อยจริง ๆ ถ้าเจ้าทำเล็กกว่านี้อีก แม่ได้เพ่งตามองหามันแน่นอน ! ”
“หมู่เฟย ตุ๊กตาหิมะตัวน้อยไม่น่ารักหรือเพคะ ? หรือกลิ่นของขนมยังไม่หอมพอ ? ” หลินเว่ยเว่ยแกล้งทำเป็นจะเก็บขนมกลับไป “หากหมู่เฟยไม่ชอบ ลูกเอากลับไปกินเองก็ได้เพคะ ! ”