หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 56 เจอหมีควายอีกแล้ว !
ตอนที่ 56 เจอหมีควายอีกแล้ว !
หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะของมันแล้วมองไปทางพวกสัตว์ที่อยู่อีกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกระต่าย กวางและสัตว์อื่น ๆ ล้วนเป็นสัตว์ที่นางใช้กับดักจับแล้วโยนเข้ามาในมิติน้ำพุวิญญาณทั้งสิ้น ตอนแรกพวกมันมีลมหายใจโรยริน แต่เมื่อมาอยู่ในมิติน้ำพุวิญญาณก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง มิหนำซ้ำพวกมันยังตั้งรกรากที่นี่ ไม่ยอมจากไปที่ใดอีก !
นางบอกกับเจ้าหมาป่าว่า เจ้าเทา ที่นี่ไม่มีอันตราย เจ้าพักรักษาอาการบาดเจ็บให้สบายใจเถิด ส่วนเรื่องอาหารนั้นเจ้าก็กินพวกที่ตายไปก่อน ส่วนเหยื่อที่ล่ามาเหล่านั้นเป็นเสบียงสำรองของข้า อย่ากัดพวกมันตายเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่ ?
เจ้าหมาป่าเดินขากะเผลกหนึ่งข้างไปรอบมิติน้ำพุวิญญาณ คล้ายว่ากำลังสำรวจอาณาเขตของตน กวางและกระต่ายเหล่านั้นตกใจกลัวจนวิ่งวุ่นไปทั่ว ทันใดนั้นก็มีสัตว์ตัวหนึ่งกระโดดข้ามน้ำพุแล้วมุดหายเข้าไปในทุ่งข้าวสาลี
หลินเว่ยเว่ยจึงรีบจับมันเอาไว้แล้วเอามันไปไว้อีกด้านของลำธารพร้อมสั่งเจ้าหมาป่าว่า เจ้าช่วยข้าเฝ้าพวกมันเอาไว้ อย่าให้พวกมันเข้ามาทำลายพืชในไร่ของข้า !
นางตรวจดูข้าวสาลีและข้าวโพดที่ปลูกไว้ เวลาในมิติน้ำพุวิญญาณกับด้านนอกน่าจะเท่ากัน อย่างน้อยความเร็วในการเติบโตของพืชไร่ก็คงไม่เร็วไปกว่าด้านนอกมากนัก สุดท้ายความฝันที่นางคิดว่าจะปลูกพืชแล้วเก็บเกี่ยวได้ภายในไม่กี่วันก็สลายไปจนสิ้น !
หลังจัดการเรื่องหมาป่าเรียบร้อยแล้วนางก็ออกจากมิติน้ำพุวิญญาณเพื่อไปตามหาต้นชิงป่า ในระยะเวลาไม่ถึงสองวันนางได้เจอต้นชิงเพิ่มอีกสิบกว่าต้น แม้ผลชิงป่าต้นหนึ่งจะไม่มากนัก แต่เมื่อนำมารวมกันแล้วก็ได้อยู่หลายร้อยชั่ง
ไม่นานผลชิงป่าในมิติน้ำพุวิญญาณก็กองพะเนินเป็นภูเขา หลังเก็บผลชิงเสร็จแล้ว นางก็ยังไม่ลืมรดน้ำพุวิญญาณลงบนต้นชิงป่าด้วยเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าปีหน้าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลชิงป่าได้มากขึ้น นางยังจัดการย้ายต้นชิงที่มีรสชาติดีที่สุดไปปลูกในมิติน้ำพุวิญญาณซึ่งปลูกไว้ไม่ไกลกับตาน้ำพุวิญญาณมากนัก รอให้ถึงช่วงเก็บเกี่ยวปีหน้าค่อยเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองแห่ง
ระหว่างที่กำลังค้นหาต้นชิงป่าอยู่นั้น นางก็ได้เจอเข้ากับป่าท้อแห่งหนึ่ง รวมแล้วมีต้นท้ออยู่มากกว่ายี่สิบต้นและบนต้นก็เต็มไปด้วยลูกท้อป่า แม้ว่ายังไม่โตเต็มที่แต่ผลของมันก็ใหญ่มาก
หลินเว่ยเว่ยดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะผลชิงป่าเพิ่งเก็บหมดไปก็มีลูกท้อป่ามาส่งถึงที่อีกแล้ว แถมรสชาติของลูกท้ออบแห้งคงไม่ต่างกับผลชิงป่าอบแห้งมากนัก ! ภูเขาลูกนี้ช่างเป็นขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันหมด !
เสี่ยวเว่ยกลับมาแล้ว ! วันนี้จับกระต่ายไม่ได้หรือ ? กระบุงไม้ไผ่ที่ป้ากุ้ยฮวาสะพายอยู่เต็มแล้ว ในมือของนางยังถือผักป่าอีกสองสามมัดด้วย
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะแล้วกล่าวว่า เหยื่อเจ้าเล่ห์ แม้เป็นนักล่าที่มีประสบการณ์ก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะจับเหยื่อได้ทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เป็นแค่มือใหม่ กระบุงไม้ไผ่ที่เราเอามาด้วยก็เต็มหมดแล้ว เช่นนั้นเรากลับกันเลยดีหรือไม่ ?
บางคนในนี้เก็บได้น้อยก็ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า กระบุงของเราเล็กเกินไป พรุ่งนี้เอากระบุงใหญ่มาดีกว่า
ป้ากุ้ยฮวาหัวเราะแล้วกล่าวว่า เอากระบุงมาเพิ่มก็ใส่ให้เต็มได้ แต่เส้นทางภูเขาสิบกว่าลี้เช่นนี้ ผู้ใดจะแบกกลับแทนเจ้า ?
สีหน้าของหญิงสาวผู้นั้นจึงดูโศกเศร้ากว่าเดิม เฮ้อ ! หากข้าแข็งแรงเหมือนเสี่ยวเว่ยก็คงดี !
กลุ่มคนสิบกว่าคนได้เดินลงจากภูเขา แต่เมื่อเดินมาถึงทางแยกก็เห็นว่ามีคนวิ่งอย่างรวดเร็วบนทางขรุขระ พอพวกเขาเห็นพวกนาง คนด้านหน้าก็ร้องเสียงดังว่า หนีเร็ว มีหมีควาย !
ทันใดนั้นกลุ่มคนก็พากันแตกกระเจิง หลินเว่ยเว่ยจึงออกคำสั่งต่อพวกนางว่า อย่าเบียดกัน ลงทีละคน ยิ่งเบียดจะยิ่งยุ่งกันไปใหญ่ ไม่ต้องกลัว มีข้ากันหลังให้อยู่ !
นางหวงรีบหันกลับไปแล้วดึงมือของนางพลางกล่าวว่า ลูกแม่ รีบไปเร็วเข้า ! หมีควายไม่ใช่สัตว์ที่เจ้าจะรับมือไหว อย่าโอ้อวด รีบมากับแม่ !
หลินเว่ยเว่ยจับมือของมารดายัดไปที่มือของป้ากุ้ยฮวา พวกท่านไปก่อนเลย ประเดี๋ยวข้าจะตามไป ! ท่านป้าดูแลท่านแม่ข้าด้วย !
ผู้หญิงและเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งลงเขาไป จากนั้นคนที่วิ่งมาจากทางแยกก็วิ่งถึงด้านหน้าของนาง ปรากฏว่าเป็นนายพรานสองคนจากหมู่บ้านจงโหลว หลินเว่ยเว่ยคว้าชายคนหนึ่งเอาไว้แล้วถามว่า ข้าให้ท่านไปทางตะวันตกไม่ใช่หรือ ? เหตุใดพวกท่านถึงไปทางเหนือ ?
ไม่ต้องพูดแล้ว ! พวกข้าแค่ไล่ตามกวางไป ผู้ใดจะรู้ว่าทางนั้นมีหมีควาย ! แล้วเหตุใดเจ้ามัวยืนทื่ออยู่ได้ วิ่งสิ ! นายพรานคนพี่ออกแรงดึงแขนของตนที่ถูกหลินเว่ยเว่ยจับอยู่ แต่ดึงเช่นไรก็ดึงไม่ออก
หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองไปทางที่พวกเขาวิ่งมา หมีดำตัวอ้วนพอเห็นนางก็ทำท่าเหมือนเห็นผี แทบอยากจะให้มันมีขางอกออกมาเพิ่มอีกสองขาแล้ววิ่งหนีไปอีกทาง นับว่าสัตว์ร้ายตัวนี้มีความจำดีเลิศ !
หนีอะไรกัน ? มีหมีควายที่ไหนกันเล่า ? ไม่ใช่ว่าพวกท่านตกใจกันไปเองหรือ ? หลินเว่ยเว่ยคลายมือที่จับนายพรานคนพี่ออกแล้วพยักหน้าไปทางที่พวกเขาวิ่งหนีมา
พอพรานคนน้องได้ยินดังนั้นจึงกล้าหันกลับไปมอง เมื่อไม่เห็นเงาของหมีควาย เขาก็ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วกล่าวว่า เมื่อครู่มันตามพวกเรามาติด ๆ เลย ! พวกเราทั้งหมดยังได้ยินเสียงคำรามของมันอยู่เลย !
นายพรานคนพี่ดึงเขาขึ้นมาแล้วกล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลาพัก หากมันตามมาอีกเล่า ? แม่…หนู ? ตรงนี้ไม่ปลอดภัย เจ้าเองก็รีบลงเขาไปเถิด !
กล่าวจบนายพรานทั้งสองก็พยุงและประคองกันเองพร้อมมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านจงโหลว
หลินเว่ยเว่ยรีบก้าวเท้ายาว ๆ ไม่นานก็ตามพวกกองทัพเก็บผักของหมู่บ้านทัน ไม่ต้องวิ่งแล้ว หมีควายไม่ได้ตามมา !
กลุ่มเด็กและผู้หญิงวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็หยุดฝีเท้าลงพร้อมถอนหายใจหอบอย่างหนักหน่วง ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเช็ดเหงื่อบนใบหน้าแล้วกล่าวพร้อมความหวาดกลัวที่ยังเหลืออยู่ ไอหยา ! ทำข้ากลัวแทบตาย ! บนเขามีหมีควายจริงหรือ ? พรุ่งนี้ข้าคงไม่กล้ามาแล้ว !
กลัวอันใด ? เด็กสาวคนหนึ่งเด็ดใบไม้มาหนึ่งใบแล้วปล่อยมันลอยตามลมพลางกล่าวว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่เสี่ยวเว่ยมาด้วย พวกเราล้วนปลอดภัยดีมิใช่หรือ ? หมีควายตัวเมื่อครู่นี้ต้องตามนายพรานสองคนนั้นมาอย่างแน่นอน !
มิใช่ว่าสัตว์ร้ายไม่มีขาเสียหน่อย วันนี้มันอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะไปที่ใด ! แม้พูดดีแค่ไหน พรุ่งนี้ข้าก็ไม่มา ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเดิมทีก็ถูกบังคับมา ตอนนี้ดูเหมือนว่ายิ่งไม่ยอมกว่าเดิม
เด็กสาวเบะปากแล้วกล่าวว่า บ้านท่านไม่ได้ขาดแคลนอาหาร จะเก็บหรือไม่เก็บผักป่าท้องก็คงไม่หิว ไม่เหมือนพวกเราที่หากไม่เก็บผักป่า ฤดูหนาวนี้คงผ่านไปไม่ได้แน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตายเหมือนกัน สู้ขึ้นเขามาลองเสี่ยงสักตั้งดีกว่า !
หลินเว่ยเว่ยพยุงนางหวงเดินลงเขาแล้วพูดว่า พรุ่งนี้เวลาเดิม ใครอยากมาก็มา ใครไม่อยากมาก็ไม่บังคับ
กลับถึงบ้านแล้วนางเฝิงก็ชวนหลินเว่ยเว่ยมาตรวจดูผลชิงป่า คนหนึ่งล้าง อีกคนตรวจ ทั้งสองร่วมมือกันอย่างรู้ใจ
น้าเฝิง วันนี้ข้าเจอต้นชิงป่าอีกหลายต้นเลย เดาว่าหากเก็บมาสักสามสี่ร้อยชั่งคงไม่มีปัญหา ข้ายังเจอป่าท้ออีกด้วย ผลของมันมีขนาดเท่าไข่ไก่เต็มต้นไปหมด คาดว่าประมาณเดือนกว่าก็สามารถเก็บได้แล้ว ! หลินเว่ยเว่ยวางผักป่าลงแล้วช่วยสำรวจผลชิง
ลานบ้านตระกูลหลินมีขนาดใหญ่ ห้องครัวก็กว้างขวาง ดังนั้นนางเฝิงจึงเลือกทำผลชิงอบแห้งที่บ้านนี้ เวลาเกือบทั้งวันสามารถต้มออกมาได้หลายหม้อทีเดียว นางนำผลชิงต้มมาตากแดดให้แห้งในลานบ้าน หลินเว่ยเว่ยหยิบมาหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปาก ‘ว้าว หวานมาก ! ’