หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 565 ชีวิตไม่ง่ายจนองค์หญิงทอดถอนพระทัย
ตอนที่ 565 ชีวิตไม่ง่ายจนองค์หญิงทอดถอนพระทัย
องค์หญิงเจียวเจียวทอดพระเนตรด้วยความอิจฉา…เพราะที่พระองค์เสวยอยู่คือไส้ครีมแบบดั้งเดิม แต่ว่าด้านนอกที่กรอบ ตรงกลางนุ่มนิ่ม ไส้ด้านในมีกลิ่นหอมหวาน…ก็อร่อยเกินไปแล้วกระมัง ? เมื่อเทียบขนมของพี่เว่ยเว่ยกับพ่อครัวทำขนมในวังแล้ว พวกนั้นกลายเป็นไร้ค่าทันที !
“พี่เว่ยเว่ย วันนี้พวกเราจะเรียนทำครีมพัฟกันหรือ ? ” องค์หญิงเจียวเจียวชอบขนมชนิดนี้มาก จึงคิดว่าถ้าทำเป็นก็จะทำให้ตนเองกับหมู่โฮ่วเสวยทุกวันเลย !
หลินเว่ยเว่ยย้อนถามทั้งสองคนว่า “ที่บ้านของพวกเจ้ามีเตาอบหรือไม่ ? ”
“เตาอบ ? เตาอบคืออะไร ? ” องค์หญิงเจียวเจียวและชิงหลีจวิ้นจู่มีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ
หลินเว่ยเว่ยเชิญเด็กสาวทั้งสองมาที่ห้องทำขนมของตน “ก็คือสิ่งนี้ ทำจากแผ่นเหล็กและก้อนอิฐ ช่องนี้เอาไว้ใส่เชื้อเพลิง ส่วนถาดเหล็กก็เอาไว้ใส่ขนมที่ต้องการจะอบ…”
เด็กสาวทั้งสองเผยท่าทางไม่เคยเห็นมาก่อน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่บ้านจะมีเลย โม่ชิงหลีรีบพูด “พอกลับไปแล้วพวกเราค่อยสั่งให้ข้ารับใช้ในบ้านทำก็ได้ ! ” องค์หญิงเจียวเจียวก็พยักดวงพักตร์เห็นด้วย
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “สร้างเตาอบต้องใช้เวลาสองสามวันเลย ! วันนี้ข้าสอนพวกเจ้าทำขนมที่ไม่ใช้เตาอบดีกว่า รับรองว่ารสชาติไม่ต่างจากครีมพัฟที่พวกเจ้ากินเมื่อครู่แน่นอน ! ”
ไม่ว่านางจะพูดอะไรเด็กสาวทั้งสองก็ต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว องค์หญิงเจียวเจียวถามด้วยความกังวล “พี่เว่ยเว่ย ขนมที่ท่านจะสอน ทำยากหรือเปล่า ? ”
“ทำไมหรือ ? กลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ? วางใจเถิด ! ภายใต้การนำของปรมาจารย์ ไฉนเลยศิษย์จะไม่ก้าวหน้า พวกเจ้ามีอาจารย์ชื่อดังอย่างข้าอยู่ รับรองว่าวันนี้ต้องฝึกฝนผ่านแน่นอน ! ” หลินเว่ยเว่ยทุบหน้าอกเพื่อรับประกัน
เดิมทีโม่ชิงหลียังกังวลอยู่ว่าจะเข้ากับองค์หญิงเจียวเจียวยาก แต่ตอนนี้นางสบายใจแล้วจึงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข “อาหญิงหลิน ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทำขนมอะไร ! ”
“ข้ายังไม่ได้บอกหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยมององค์หญิงเจียวเจียวด้วยสีหน้างุนงง
องค์หญิงเจียวเจียวพยักดวงพักตร์ก่อนจะหัวเราะจนท้องแข็ง “พี่เว่ยเว่ย ท่านไม่ได้พูดจริง ๆ…ฮ่าฮ่าฮ่า คาดไม่ถึงเลยว่าพี่เว่ยเว่ยก็มีช่วงเวลาที่เลอะเลือนเหมือนกัน ! ”
“มนุษย์ไม่ใช่เทพเซียน ผู้ใดไม่เคยผิดพลาดบ้าง ? ” หลินเว่ยเว่ยทิ้งประโยคสั้น ๆ จากนั้นก็พูดกับ ‘ศิษย์ตัวน้อย’ ทั้งสองว่า “วันนี้อาจารย์จะสอนพวกเจ้าทำขนมที่ทั้งอร่อยและกินง่าย นามว่า…เครปเย็นไส้หลานเหมย ! ”
“หลานเหมย ? แต่ฤดูกาลนี้จะเอาหลานเหมยมาจากที่ใด ? ” องค์หญิงเจียวเจียวเอ่ยคำถามนับไม่ถ้วน นางมักจะมีข้อสงสัยมากมายไม่รู้จบ
“แท่น แทน แท๊น! นี่คือแยมบลูเบอร์รี่หรือก็คือแยมหลานเหมยที่ข้าทำในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ยังมีบลูเบอร์รี่อบแห้งที่สามารถเก็บรักษาได้ถึงครึ่งปี นี่เป็นของที่ข้าแบกมาจากทางเหนือไกลหลายพันลี้ หาซื้อที่ไหนไม่ได้ ! ทว่าตอนเย็นเมื่อถึงเวลากลับบ้านของพวกเจ้า ข้าจะแบ่งให้นำกลับไปคนละโถ แยมผลไม้นี้สามารถกินกับหมั่นโถวหรือซาลาเปาได้ ข้าอยากจะบอกว่ารสชาติดีสุด ๆ ไปเลย ! ” หลินเว่ยเว่ยหยิบอาวุธลับของตนออกมาราวกับสมบัติล้ำค่า
องค์หญิงเจียวเจียวยื่นนิ้วไปแตะแยมขึ้นมาชิมคำเล็ก ๆ “ว้าว ! หวานมากเลย ! ”
โม่ชิงหลีก็เสียอาการเพราะนาง จึงแอบแตะมาชิมเหมือนกัน ทันใดนั้นดวงตาของเด็กสาวก็เปล่งประกาย “จริงด้วย ! กลิ่นผลไม้เข้มข้น อร่อยมากเลย ! ”
“เจ้าสองคนห้ามแอบกินอีกนะ ! ประเดี๋ยวพอทำขนมแล้วจะไม่พอใช้เอาได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยตีมือเล็ก ๆ ทั้งสองที่กำลังเอื้อมจะมาแตะแยมบลูเบอร์รี่อีกครั้งด้วยความเด็ดขาด เด็กสาวทั้งสองหัวเราะอย่างสนุกสนาน พวกนางดูมีความสุขกันสุด ๆ ไปเลย !
หลินเว่ยเว่ยถลึงตาใส่พวกนาง “ตั้งใจดูให้ดี ! ตอนนี้ต้องเตรียมวิปปิ้งครีมก่อน ได้แก่ไข่ขาว 4 ฟอง นมสดครึ่งชั่ง น้ำตาลน้อยกว่าสามส่วนสิบ น้ำส้มสายชูแค่ไม่กี่หยดก็พอแล้ว ! วิปครีมนี้ ต่อไปจะเอามาใช้ทำเค้กครีมก้อนสี่เหลี่ยม เค้กวันเกิดหรือครีมพัฟเมื่อครู่ ก็ใช้ได้ทั้งนั้น ! ”
พอเด็กสาวทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็หยุดทำเป็นเล่นทันที…วิปครีมมีการใช้ประโยชน์มากถึงเพียงนี้ ดังนั้นต้องตั้งใจเรียน !
“นอกจากวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว พวกเจ้ายังต้องเตรียมสาวใช้หรือแม่นมที่มีแขนใหญ่เอวหนาไว้ด้วย ! ” ขณะมองแขนขาอันบอบบางของเด็กสาวทั้งสอง หลินเว่ยเว่ยก็ส่ายหน้าเบา ๆ
วันนี้องค์หญิงเจียวเจียวใส่เสื้อแบบแขนสั้นมา นางเบ่งกล้ามขณะพูด “พี่เว่ยเว่ย ท่านอย่าดูถูกคนอื่น ข้าแรงเยอะมาก ! อีกอย่างการทำขนมยังไม่ใช่งานหนัก แล้วจะเตรียมพวกแม่นมกับสาวใช้เหล่านั้นไปทำไม ? ”
“เด็กน้อย เชื่อข้าเถิดว่าแม่นมกับสาวใช้พวกนั้นมีประโยชน์ ประเดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้แล้วว่าประโยชน์ตรงไหน ! ” ต่อจากนั้นนางก็เริ่มสาธิตการตีวิปปิ้งครีม…ไข่ขาวต้องถูกตีให้ข้น ! เติมนมแล้วก็ตีอีก ! ใส่น้ำส้มสายชูไปแล้วก็ยังต้องตี ! เติมน้ำตาลส่วนแรกก็ตีต่อ ! ใส่น้ำตาลอีกรอบก็ ตี ตี ตี…
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับเครื่องจักรทำให้องค์หญิงเจียวเจียวตระหนักได้ถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต…นางปวดแขนมาก ! วิปครีมที่พี่เว่ยเว่ยตีออกมาทั้งขาวและฟูจนสามารถตั้งตระกร้อตีไข่ไว้ด้านในได้ แต่พอลองหันมาดูของตน ยังเป็นเนื้อไข่ขาวอยู่เลย แค่ขึ้นฟองอากาศน้อยกว่าในตอนแรกเท่านั้น
องค์หญิงเจียวเจียวยอมรับความจริง…งานตีวิปครีมนี้ยกให้พวกสาวใช้กับแม่นมทำดีกว่า ! โม่ชิงหลีเห็นองค์หญิงเจียวเจียวล้มเหลวในการทดลองทำอย่างน่าอนาถ จึงไม่กล้าลองเองเช่นกัน นางคอยสังเกตขั้นตอนการทำอย่างเชื่อฟัง พอกลับไปแล้วค่อยให้สาวใช้ช่วยทำดีกว่า !
“พอเราตีวิปครีมจนขึ้นฟูแล้ว ! หากของในครั้งนี้ใช้ไม่หมดก็สามารถวางไว้ในภาชนะแล้วใช้กระดาษน้ำมันปิดผนึก จากนั้นก็นำไปแช่เย็นเก็บไว้ด้วยอุณหภูมิติดลบศูนย์องศา ครั้งต่อไปจะเอาออกมาใช้ก็สะดวกสบาย ไม่ต้องตีใหม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปก็เป็นขั้นตอนที่สอง…คือการทำแป้งเครป ! ”
“ไข่ไก่รวมกับน้ำตาลบดละเอียด จากนั้นก็ออกแรงคนให้เข้ากัน…”
“ต้องคนอีกแล้วหรือ ? ” องค์หญิงเจียวเจียวไม่รู้จะพูดอะไรดี…ชีวิตไม่ง่ายจนองค์หญิงทอดถอนพระทัย !
“เจ้าคิดว่าขนมอร่อยสามารถโผล่ออกมาได้ตามใจหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยหัวเราะ !
“ต่อจากนั้นก็ใส่เนยละลาย ตามด้วยแป้งสาลีสำหรับทำขนม…เนยกับแป้งสาลีสำหรับทำขนมเหล่านี้ ตอนที่พวกเจ้ากลับไป ข้าจะให้กลับไปด้วย ! ” พวกนี้เป็นของที่นางหยิบมาจากร้านหนิงจี้ในอดีตแล้วเก็บมันไว้ในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณเพื่อจะได้นำออกมาใช้ได้ตลอดเวลา
“เติมนมลงไป…ในวังกับตำหนักหนิงอ๋องน่าจะมีนมสดกระมัง ? ถ้าไม่มี อีกเดี๋ยวก็เอากลับไปด้วย ! ” เฮ้อ สอนเด็กน้อยสองคนทำขนม ช่างน่าเหนื่อยใจ !
“ถึงตอนนี้ก็เริ่มเตรียมเตาไฟเอาไว้ จากนั้นก็คนจนวัตถุดิบเข้ากัน หลังกรอง 3 ครั้งจนได้เนื้อเนียนละเอียดแล้วก็ตักใส่กระทะก้นแบนหรือแผ่นเหล็กสำหรับทำแป้งทอด ทำออกมาให้เป็นแผ่นแป้งกลม ๆ แต่ถ้าไม่กลมก็ไม่เป็นไร เพราะเราสามารถนำชามใบใหญ่มาคว่ำทับแล้วตัดขอบออกมาเพื่อทำแผ่นกลม ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่กล้าคาดหวังกับฝีมือของเด็กสาวพวกนี้เลย
“ขั้นตอนสุดท้าย คือนำแผ่นแป้งเครปมาวางหนึ่งชั้น ทาวิปครีม ทาแยมหลานเหมยและโรยหลานเหมยอบแห้ง เกลี่ยให้มีความหนาประมาณ 2 ชุ่น จากนั้นก็พับทบแผ่นแป้งเครปเป็นรูปพัดเล็ก ๆ…แล้วหยิบกิน ก็เสร็จสิ้นแล้ว ! ”
องค์หญิงเจียวเจียวพยักหน้ารับทุกขั้นตอนที่หลินเว่ยเว่ยอธิบาย ท่าทางตั้งอกตั้งใจแบบนั้นดูน่ารักอยู่บ้าง หลังฟังคำพูดประโยคสุดท้ายจบแล้วองค์หญิงน้อยก็คลี่ยิ้มออกมา “เรื่องนี้ไม่ต้องให้ท่านสอน พวกเราก็ทำเป็น ! ”
เด็กสาวทั้งสองคิดว่าทำเป็นแล้วจึงอยากทดลองทำด้วยความกระตือรือร้น แม่นมหนิงและจื่อเซียงกลัวมือขององค์หญิงและจวิ้นจู่จะโดนไฟลวกจึงเข้ามาคอยห้ามอยู่ด้านข้าง องค์หญิงเจียวเจียวอารมณ์เสียและไล่แม่นมหนิงกับสาวใช้คนนั้นออกไป ทำให้ที่แห่งนี้เหลือเพียงพวกนางสามพี่น้อง