หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 568 ไม่ทันรู้ตัวก็มีพี่สาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน
ตอนที่ 568 ไม่ทันรู้ตัวก็มีพี่สาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน
ดวงพักตร์ของฮ่องเต้หยวนชิงแข็งค้างในทันที เสื้อบุนวมฝ้ายตัวน้อยผู้ชอบเอาใจคนนั้นหายไปไหน ? เหตุใดกลายเป็นเสื้อบุนวมฝ้ายที่ขาดเสียได้ ! เฮ้อ…ต้องโทษองค์หญิงเว่ยเว่ย จะมีเวลาว่างคิดอยากทำขนมอะไรนักหนา ? แถมยังลงมือทำอาหารเลิศรสด้วยตัวเอง ดูเถิด ! ครอบงำจิตวิญญาณขององค์หญิงน้อยไปแล้ว !
องค์หญิงเจียวเจียวโยนเรื่องโดนขโมยขนมกินจนหมดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว นางพูดกับฮองเฮาอย่างมีความสุขว่า “หมู่โฮ่ว ผ่านไปอีกไม่กี่วันจะถึงพิธีปักปิ่นของพี่เว่ยเว่ยแล้ว ลูกเสนอตัวรับหน้าที่เป็นผู้ทำพิธี หมู่โฮ่วสอนลูกหวีผมให้ผู้อื่นได้หรือไม่เพคะ ? ”
ฮองเฮาถามด้วยความประหลาดใจ “พิธีปักปิ่นของเว่ยเว่ย ? พอลองคำนวณแล้ววันเกิดของนางไม่ได้อยู่เดือนแปดหรอกหรือ ? สมควรอายุมากกว่าเฉวียนเอ๋อร์ (องค์รัชทายาท) หนึ่งเดือน นี่ก็เดือนสิบสองแล้ว…เสวี่ยเอ๋อร์อยากชดเชยพิธีปักปิ่นให้บุตรสาวอย่างนั้นหรือ ? ”
องค์รัชทายาทเศร้าสลด ยังไม่ทันรู้ตัวก็มีพี่สาวเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว !
องค์หญิงเจียวเจียวพูดต่อ “พี่เว่ยเว่ยบอกว่าวันเกิดนี้เป็นวันเกิดของนางในตระกูลหลิน บางที…วันเกิดแท้จริงของนางคงผ่านไปแล้ว หมินหวางเฟยจึงไม่อยากให้พี่เว่ยเว่ยเสียใจ จึงยึดตามวันเกิดของสกุลหลินเพื่อจัดพิธีปักปิ่นขึ้นมากระมังเพคะ ? ”
ฮองเฮาทอดพระเนตรฮ่องเต้พร้อมคิดในใจ ‘ที่แท้เด็กบ้านสกุลหลินที่ตายตั้งแต่เกิดก็คลอดตอนเดือนสิบสอง ! ถ้าเว่ยเว่ยเป็นบุตรของเสวี่ยเอ๋อร์ที่คลอดตอนเดือนแปดจริง ๆ ตอนนั้นนางก็น่าจะมีอายุได้สี่เดือนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมือนเด็กที่เพิ่งคลอด ? หรือว่า…เพราะคลอดก่อนกำหนด ร่างกายอ่อนแอของบุตรเสวี่ยเอ๋อร์จึงเหมือนเด็กแรกเกิด ? ’
พระนางเห็นองค์หญิงเจียวเจียวออดอ้อนจะเรียนหวีผมให้ได้ จึงตรัสด้วยรอยยิ้ม “ได้ ได้ ได้ ! แม่จะให้นางข้าหลวงที่ชำนาญงานหวีผมที่สุดมาสอนเจ้า แบบนี้พอใจแล้วหรือยัง ? วางใจได้ พอถึงเวลานั้นจะมีสาวใช้คอยช่วย เจ้าแค่ปักปิ่นที่มวยผมของเว่ยเว่ยก็พอ ! ”
กระนั้นองค์หญิงน้อยก็ยังตั้งใจเรียนมากและหาเวลาออกนอกวังบ่อยครั้งเพื่อใช้ผมของหลินเว่ยเว่ยฝึกฝน รวมทั้งถือโอกาสรับประทานอาหารเที่ยงและขนมด้วย…
ณ ตำหนักหนิงอ๋อง เพิ่งถึงตำหนัก โม่ชิงหลีก็ถือกล่องอาหารตรงไปที่เรือนของบิดามารดาทันที วันนี้หนิงหวางเฟยใจลอยทั้งวัน กลัวว่ารถม้าที่แล่นเข้าสังคมเมืองหลวงครั้งแรกของบุตรสาวจะพลิกคว่ำ !
หนิงอ๋องวางตำราในพระหัตถ์ลงแล้วตบหลังมือของหนิงหวางเฟยเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณว่าพระองค์จะเป็นคนถามเอง ขณะทอดพระเนตรบุตรสาวที่กำลังมีความสุข พระองค์ก็ถามด้วยสุรเสียงอ่อนโยน “หลีเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงเอากล่องอาหารกลับมาตำหนักหนิงอ๋องด้วย ? ด้านในใส่ของดีอะไรไว้หรือ ? ”
โม่ชิงหลีหัวเราะคิกคักและพูดราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า “ด้านในมีขนมที่ลูกทำด้วยตัวเอง ฟู่หวางและหมู่เฟยต้องไม่เคยเสวยมาก่อนแน่นอนเพคะ ! ”
“พี่หญิง พี่หญิง ! ขนมอะไร ? อร่อยหรือไม่ ? ” โม่ชิงหยูเจ้าตัวน้อยจอมตะกละปีนขึ้นมาบนเก้าอี้แล้วจ้องกล่องอาหารตาเขม็ง
หนิงหวางเฟยมีดวงเนตรเปล่งประกายพลางยิ้มไม่หุบ เริ่มสบายใจขึ้นมาและถามด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เคยกินมาก่อน ? ที่ร้านหนิงจี้ก็ไม่มีหรือ ? ”
โม่ชิงหลีครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ขนมที่ลูกเรียนทำนี้ยังไม่มีเพคะ ! แต่ว่าร้านหนิงจี้ก็มีเค้กครีมสี่เหลี่ยมขายเช่นกัน แต่ไม่อร่อยเท่าฝีมืออาหญิงหลินเท่านั้นเอง ! ”
ใบหน้าของโม่ชิงหยูดูสดใสขึ้นทันที เขาฉีกยิ้มกว้าง “พี่หญิง พี่หญิง ! ท่านเอาขนมเค้กครีมมาให้หยูเอ๋อร์ใช่หรือไม่ ? วิเศษไปเลย ! ข้าไม่ได้กินขนมร้านหนิงจี้มาหลายเดือนแล้ว แทบจะลืมรสชาติของพวกมันหมดแล้ว ! ”
โม่ชิงหลีเปิดกล่องอาหารออกแล้วใช้นิ้วจิ้มครีมบนก้อนเค้กมาป้ายจมูกน้องชายพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “อีกไม่นานก็จะหาซื้อขนมแบบร้านหนิงจี้ในเมืองหลวงได้แล้ว แถมขนมที่ขายยังมีมากกว่าในร้านหนิงจี้ที่ภาคเหนืออีกด้วย ! ”
โม่ชิงหยูปาดครีมที่จมูกมาเลียกินอย่างตะกละตะกลาม…ว้าว ! รสชาตินี้เลย อร่อย อร่อยมาก ! ”
หลังได้ยินแบบนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงของเด็กน้อย “ในเมืองหลวงจะมี ‘ร้านหนิงจี้’ มาเปิดแล้วหรือ ? ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไปเลย ! ”
“ทั้งใช่และไม่ใช่ ! ” หลังจากตัดเครปเย็นไส้หลานเหมยแล้ว โม่ชิงหลีก็แบ่งให้บิดามารดาก่อน แต่แล้วนางก็ต้องหันมาตีมือที่จะจิ้มกินดอกไม้บนหน้าเค้กของน้องชาย “กินเครปเย็นที่ข้าทำก่อน รสชาติอร่อยไม่แพ้เค้กครีมแน่นอน ! ”
จากนั้นนางก็พูดต่อ “เจ้าของร้านหนิงจี้ร่วมลงทุนกับอาหญิงหลินเปิดร้านขนมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง นามว่า ‘ร้านเถียนมี่ฉือกวง’ ต่อไปนี้ขนมที่อาหญิงหลินทำก็จะวางขายในร้านเถียนมี่ฉือกวงทั้งหมด ! นางยังบอกว่าสามารถหาซื้อชานมและชาผลไม้ชนิดต่าง ๆ ได้จากร้านขนมด้วย รสชาติยังเหมาะกับพวกเด็ก ๆ มาก ผู้ใหญ่ก็ต้องชอบดื่มเช่นกัน ! ”
“จริงสิ! อาหญิงหลินยังให้ชาผลไม้มาสองโถเพคะ ! โถหนึ่งให้หมู่เฟย บอกว่าดื่มแล้วดีต่อเลือดลมและความงามเพคะ อีกโถให้ฟู่หวาง ดื่มแล้วจะทำให้สุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยง่ายเพคะ ! นางก็ให้องค์หญิงเจียวเจียวไปสองโถเหมือนกัน…องค์หญิงเจียวเจียวตรัสว่าฮ่องเต้ดื่มชาผลไม้ที่อาหญิงหลินทำให้เป็นประจำ ตอนนี้พระพลานามัยจึงดีสุด ๆ ไปเลยเพคะ ! ”
โม่ชิงหลีให้สาวใช้ไปต้มน้ำ จากนั้นก็เริ่มชงชาให้หนิงอ๋องและหนิงหวางเฟยคนละถ้วยเพื่อให้ได้ชิมรสชาติ ส่วนชิงหยูน้อยกินขนมแล้วติดคอ จึงดื่มชาในมือหมู่เฟยไปหนึ่งอึก ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย “ว้าว ! หวานและหอม ! อร่อยมากเลย ! หมู่เฟยให้ลูกดื่มอีกหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
หนิงหวางเฟยกลัวว่าชาผลไม้จะมีสมุนไพรที่ไม่เหมาะกับเด็ก จึงรีบถามโม่ชิงหลี “องค์หญิงเว่ยเว่ยได้บอกหรือไม่ว่าชาผลไม้นี้เจ้าสองพี่น้องดื่มได้หรือเปล่า ? ”
โม่ชิงหลีบีบใบหน้าน้อย ๆ ของเจ้าแมวจอมตะกละชิงหยู “อาหญิงหลินไม่ชอบให้คนอื่นเรียกนางว่าองค์หญิง นางบอกว่าไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ สตรีหรือคนชราก็ดื่มชาผลไม้นี้ได้ ไม่มี…ไม่มี…อะไรสักอย่าง ? อ้อ ใช่แล้ว มีแต่คุณไม่มีโทษ ! ความหมายก็คือไม่มีผลเสียเพคะ ! ”
หนิงอ๋องยกถ้วยชาขึ้นแล้วจิบคำเล็ก ๆ ชาผลไม้ของพระองค์มีรสชาติอ่อน ๆ และกลิ่มหอมจากลูกท้อ เมื่อเทียบกับน้ำผึ้งที่ดื่มเป็นประจำแล้วรสชาติถูกปากกว่ามาก ในเวลานี้ชิงหยูน้อยพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้งแล้วกะพริบตาปริบ ๆ มองบิดา “ฟู่หวาง ลูกขอดื่มชาผลไม้ของพระองค์ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
หนิงอ๋องลูบศีรษะบุตรชายแล้วยื่นถ้วยชาในพระหัตถ์ให้ เจ้าตัวน้อยชิมแล้วพูดว่า “ชาผลไม้ของฟู่หวางก็อร่อยเหมือนกัน ราวกับได้กินลูกท้อ ! แต่ลูกยังชอบของหมู่เฟยมากกว่า มันทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งอร่อย ! ”
หนิงหวางเฟยตรัสด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ เพราะตอนเด็กแพ้ขนที่เปลือกลูกท้อจนผื่นขึ้นทั้งตัวจึงเกลียดลูกท้อเอาน่ะสิ ชาลูกท้อน้ำผึ้งของพระองค์นั้น เขาต้องอยู่ให้ห่างก็ถูกแล้ว ส่วนของหม่อมฉันมีกลิ่นหอมของดอกไม้จาง ๆ เหมือนดอกกุหลาบที่มาจากแคว้นชนเผ่าและยังมีรสหวานของผลไม้ มีเอกลักษณ์มาก หม่อมฉันก็แยกไม่ออกว่าเป็นผลไม้ชนิดใด ! ”
โม่ชิงหลีพูดด้วยรอยยิ้ม “อาหญิงหลินบอกว่าเป็นรสเฉ่าเหมยเพคะ ! หมินหวางเฟยชอบเสวยเฉ่าเหมย ในตำหนักจึงปลูกเฉ่าเหมยไว้ในเรือนกระจก อาหญิงหลินจะไปเก็บทุกวัน วันนี้ลูกก็ไปเก็บเฉ่าเหมยเป็นเพื่อนอาหญิงหลินด้วยเพคะ เฉ่าเหมยที่เพิ่งเก็บมาสด ๆ มีรสหวานมากเลย อาหญิงหลินบอกว่าหมินหวางเฟยร่างกายอ่อนแอ เสวยเฉ่าเหมยสดโดยตรงไม่ได้ เพราะพระนางจะรู้สึกไม่สบายท้อง จึงนำมาทำเป็นขนมและชาผลไม้รสเลิศแล้วนำไปให้หมินหวางเฟยเสวยเพคะ”
“ที่แท้ก็เป็นเฉ่าเหมย ! นั่นคือผลไม้ที่ล้ำค่ามากเลย ! ชารสเฉ่าเหมยนี้คงเป็นของที่หลินกู่เหนียงทำให้หมินหวางเฟย ส่วนของพระองค์น่าจะเป็นรสชาติที่ฮ่องเต้ดื่มเพคะ ! ” หนิงหวางเฟยตรัสด้วยรอยยิ้ม