หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 578 ช่วยด้วย มีคนต้องการเอาชีวิตข้า
ตอนที่ 578 ช่วยด้วย มีคนต้องการเอาชีวิตข้า
“พี่รอง รอข้าด้วย ! ” หลินจื่อเหยียนใช้แรงทั้งหมดที่มีและในที่สุดก็สามารถฝ่าฝูงชนและแทรกตัวมาจนได้ เขาหอบหายใจออกมาอย่างหนัก ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างกายของหลินเว่ยเว่ยพลางก้มลงจัดระเบียบเสื้อผ้าของตน
“หืม? ต้า…ต้าฮว๋า ? ” บุรุษผู้นั้นได้เห็นใบหน้าของหลินจื่อเหยียนชัดๆ แล้ว ดวงตาก็พลันเบิกกว้างขึ้นมา มือที่จับตัวหัวขโมยไว้ก็อดไม่ได้ที่จะคลายออก…
หมินอ๋องซื่อจื่อจึงคว้าตัวหัวขโมยที่คิดจะหนีเอาไว้ได้ด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไวพลางมองแม่ทัพหลินด้วยความประหลาดใจ แม่ทัพหลินเป็นคนสุขุม นิ่งสงบ เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้ใจลอยเช่นนี้ ? หรืออีกฝ่ายมีความเกี่ยวข้องอันใดกับน้องชายที่ติดสอยห้อยตามน้องหญิงมา ?
หลินจื่อเหยียนได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อเล่นของตนก็เงยหน้าขึ้นมองทันทีและพบกับแม่ทัพหลินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา จึงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาประหลาดใจ จากนั้นก็เบนสายตาไปทางอื่น ไม่รู้จัก คงไม่ได้เรียกเขากระมัง !
แม่ทัพหลินจึงก้าวไปด้านหน้าพลางจ้องมองใบหน้าของหลินจื่อเหยียนด้วยสีหน้าเพ้อฝัน ก่อนถามออกไปด้วยเสียงที่สั่นเทาว่า “เจ้า…แซ่หลินใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ ท่านรู้ได้อย่างไร ? ” หลินจื่อเหยียนเห็นแม่ทัพหนวดยาวมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาก็ตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวเพื่อไปหลบอยู่ด้านหลังพี่รองอย่างไม่อายทันที
“เจ้า…ชื่อว่าหลินจื่อเหยียนใช่หรือไม่ ? ” แม่ทัพหลินก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกสองก้าว
หลินจื่อเหยียนก็เริ่มรู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่างจากส่วนลึกของความทรงจำ จึงทำให้ครั้งนี้เขาไม่ได้หลบหน้าอีกฝ่าย แต่ขยับเข้าไปพินิจพิจารณาด้วยความสงสัย “ใช่ ข้าชื่อหลินจื่อเหยียน ท่าน…รู้จักข้าด้วยหรือ ? ”
“ต้าฮว๋า ! พ่อตามหาเจ้าด้วยความยากลำบากเหลือเกิน ! ” แม่ทัพหลินเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ออกมาพลางลากหลินจื่อเหยียนออกจากด้านหลังของหลินเว่ยเว่ย ก่อนจะสวมกอดเอาไว้แน่น
“พ่อ ? เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน ! ” หลินจื่อเหยียนที่มีรูปร่างยังไม่โตมากนัก เมื่อถูกกอดเอาไว้แน่น จมูกจึงถูกเสื้อช่วงอกของแม่ทัพหลินกดทับเอาไว้ เขาพยายามขัดขืนอย่างเต็มแรง พี่รองช่วยข้าด้วย มีคนสวมรอย แถมยังต้องการจะเอาชีวิตข้าด้วย !
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปจับแขนของแม่ทัพหลินและดึงออก ก่อนจะดึงน้องชายออกจากอ้อมอกของอีกฝ่าย “แม่ทัพหลินโปรดใจเย็นก่อน มีเรื่องอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันได้ ! ”
หลินจื่อเหยียนพยักหน้าราวไก่จิกข้าวเปลือกพลางเอ่ยว่า “ถูกต้อง ! แม้ว่าท่านแม่ทัพจะแซ่หลิน แต่เรื่องบุตรนั้นเราจะพูดส่งเดชไม่ได้ อีกอย่างคือท่านพ่อของข้าก็ตายไปตั้งแต่หกปีที่แล้ว…”
“เด็กโง่ ข้านี่แหละคือพ่อของเจ้า เจ้าชื่อหลินจื่อเหยียน มีชื่อเล่นว่าต้าฮว๋า และเจ้ายังมีน้องชายชื่อหลินจื่อถิง ชื่อเล่นเอ้อร์ฮว๋า รวมถึงพี่สาวอีกสองคนคือเจ้าใหญ่กับเจ้ารอง ชื่อของพวกนางคือหลินเฉียงเอ๋อร์และหลินเว่ย…” แม่ทัพหลินจ้องมองบุตรชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ผ่านไปหกปีแล้วเจ้าตัวเล็กที่เชื่อฟังซึ่งปรากฏในความทรงจำผู้นั้นได้เติบโตเป็นหนุ่มน้อย…
“ช้าก่อน ! ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่า…ท่านเป็น…ท่านเป็นพ่อของข้าจริง ๆ ? ” ดวงตาของหลินจื่อเหยียนแทบถลนออกมาจากเบ้า ไม่ใช่สิ ท่านแม่บอกว่าพี่รองมีหน้าตาเหมือนท่านพ่อ ทว่าแม่ทัพที่หนวดเครารกรุงรังตรงหน้าผู้นี้แค่จะมองหาเครื่องหน้าที่ชัดเจนท่ามกลางหนวดเครายังยาก อย่างไรก็มองไม่เห็นเค้าโครงใบหน้าที่หล่อเหลาและมีเมตตาเหมือนในความทรงจำเลยสักนิด
แม่ทัพหลินหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะกอดรัดเขาเต็มแรงอีกครั้ง “ใช่สิ ข้าเป็นพ่อของเจ้า เป็นพ่อตัวจริงเสียงจริงของเจ้า ! ”
“พ่อ ! ท่านพ่อ ! ” หลินจื่อเหยียนหวนนึกถึงตอนที่ท่านพ่อเพิ่งหายตัวไป ทั้งบ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง หกปีแห่งความลำบากและอนาคตที่แสนเลือนราง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ทัพหลินด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
หลินเว่ยเว่ยค่อย ๆ ขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้เจียงโม่หานพลางกระซิบถามเสียงเบาว่า “เขาเป็นท่านพ่อของข้าจริงหรือ ? ”
“ไม่ใช่ ! บิดาของเจ้าคือหมินอ๋อง ! ” เจียงโม่หานตอบอย่างหนักแน่น
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เขา ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเขาอีกครั้งว่า “อย่ามาเล่นลิ้น ข้าเป็นบุตรของใครกันแน่ คนอื่นไม่รู้ แล้วเจ้าก็ไม่รู้หรือไร ? ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับท่านพ่อแม้แต่น้อย เจ้าอยู่ข้างบ้านมาตั้งหลายปีต้องจำได้ไม่ใช่หรือ ? ”
“บุตรชายแท้ ๆ อย่างน้องชายของเจ้ายังจำไม่ได้ นับประสาอันใดกับข้าที่ปกติไม่ค่อยได้พบหน้าเพื่อนบ้านกันเล่า ? ” การหายตัวไปของท่านลุงหลินสำหรับคนอื่นแล้วอาจเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แค่ 6 ปีเท่านั้น ทว่าสำหรับเจียงโม่หานที่มีชีวิตอยู่มาแล้วสองชาติภพ เวลาได้ผ่านไปสี่สิบปีแล้ว ในความทรงจำคือท่านลุงหลินตัวสูงใหญ่ มีนิสัยตรงไปตรงมาและเป็นคนมีน้ำใจ…ทว่าใบหน้าช่างเลือนรางจนจำไม่ได้แล้ว !
หลินเว่ยเว่ยกระซิบคุยกับเจียงโม่หานต่อ “เพื่อนบ้านอะไรกัน ? บุตรเขยทั้งคน เจ้าเป็นถึงบุตรเขยคนเก่งของเขาเชียวนะ ! ”
“อย่าว่าแต่บุตรเขยเลย แม้แต่บุตรชายแท้ ๆ ยังไม่สามารถมองใบหน้าที่แท้จริงใต้หนวดเคราของเขาออกด้วยซ้ำ ! ” เจียงโม่หานลอบบีบมือของหลินเว่ยเว่ย
องค์หญิงเจียวเจียวขยับเข้ามาอย่างเงียบ ๆ “พี่เว่ยเว่ย พวกท่านกระซิบอะไรกัน ? ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย พร้อมเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องซุบซิบย่อมไม่สามารถให้ผู้อื่นรู้ได้ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของว่าที่สามีภรรยา เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะฟัง ? ”
องค์หญิงเจียวเจียวย่นจมูกเล็กน้อยแล้วตรัสว่า “ชอบอวดว่ามีสามีอีกแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยเอ่ยด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “ใช่ ! ใครใช้ให้บัณฑิตน้อยของข้ายอดเยี่ยมเช่นนี้เล่า ? ถ้าไม่โอ้อวดบ้าง ข้าคงอึดอัดใจไม่น้อย ! ”
“เว่ยเอ๋อร์ สงวนท่าทีหน่อย พวกเราอยู่ข้างนอกกันนะ ! ” ในที่สุดหมินอ๋องซื่อจื่อก็เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของการที่ฟู่หวางให้เขามาคอยปกป้องน้องหญิง ไม่ใช่เพื่อกันคนนอก แต่เพื่อป้องกันคนใน !
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะชอบใจพลางแลบลิ้นออกมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านพี่ ถ้ากลับถึงตำหนักแล้วก็ไม่ต้องสงวนท่าทีอีกใช่หรือไม่ ? ”
หมินอ๋องซื่อจื่อรู้ว่าฝีปากของนางร้ายกาจเพียงใดและตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ จึงรีบเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ! ”
“เว่ยเอ๋อร์ ? ต้าฮว๋า นี่คือพี่รองของเจ้าหรือ ? ” แม่ทัพหลินเห็นความคุ้นเคยบนใบหน้าของหลินเว่ยเว่ย แม้นางจะผอมลงไปมาก แววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นสดใส ท่าทางคล่องแคล่ว แต่เขาจำได้ทันทีว่านี่คือบุตรสาวคนรองของตน ทว่า…เหตุใดนางจึงเรียกซื่อจื่อว่าท่านพี่ ? แล้วเหตุใดซื่อจื่อจึงแนะนำว่านางเป็นน้องสาวของตน ? หรือเจ้ารองก็คือองค์หญิงเว่ยเว่ยที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้ง ? แม่ทัพหลินรู้สึกสับสน ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ?
เจียงโม่หานมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังมุงดูอยู่รอบกาย คนจำนวนมากกำลังมองมาที่พวกตนด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ เขาจึงดึงหลินเว่ยเว่ยเบา ๆ พลางเอ่ยกับแม่ทัพหลินว่า “ซื่อจื่อ แม่ทัพหลิน ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับการพูดคุยกัน เชิญไปคุยกันที่อื่นจะดีกว่าขอรับ”
โรงน้ำชาในละแวกนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย องครักษ์ของตำหนักหมินอ๋องหายไปนานมากแล้วก็ยังไม่พบสถานที่ซึ่งสามารถนั่งพูดคุยกันได้ หลินเว่ยเว่ยจึงสะบัดมือเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ตามข้ามา ! ”
องค์หญิงเจียวเจียวดึงชายเสื้อของนางเอาไว้แล้วเดินตามไปด้วยความร่าเริง “พี่เว่ยเว่ย ท่านจองห้องที่ใดเอาไว้หรือ ? ช่างมองการณ์ไกลยิ่งนัก…”
คนทั้งกลุ่มเดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นคำว่า ‘เถียนมี่ฉือกวง’ ไม่รู้ว่าองค์หญิงเจียวเจียวมองผิดไปหรือเปล่า เพราะตรงด้านหน้าประตูของร้านนี้เหมือนจะมีคนเยอะกว่าโรงน้ำชาเสียอีก
“หืม ? เถียนมี่ฉือกวง ? นี่คือร้านขนมที่พี่เว่ยเว่ยร่วมลงทุนไม่ใช่หรือ ? ” องค์หญิงเจียวเจียวเขย่งปลายเท้าพลางทอดพระเนตรเข้าไปด้านใน “ว้าว ! คนเยอะมาก พี่เว่ยเว่ย กิจการร้านขนมของท่านไปได้สวยเชียวล่ะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยพาพวกเขามาที่ประตูด้านหลังแล้วเดินเข้าไป ในสวนด้านหลังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานและมีเหล่าสตรีสิบกว่าคนสวมชุดเหมือนกัน กำลังวุ่นวายกับการทำขนมอยู่ !