หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 600 ขึ้นชื่อว่าสตรี ทั้งเสแสร้งและโลเล
ตอนที่ 600 ขึ้นชื่อว่าสตรี ทั้งเสแสร้งและโลเล
พอเห็นแบบนั้นแล้ว หลีชิงก็ไม่ได้ไปรบกวนโลกอันสงบสุขของน้องสาว…ขอเพียงน้องสาวยังมีชีวิตอยู่และมีความสุข เขาก็พอใจ !
หลีชิงที่หมดห่วงแล้วจึงเดินทางมาหาผู้มีพระคุณและสามีของนางที่เมืองหลวง เดิมทีคิดจะมาเป็นองครักษ์ให้ผู้มีพระคุณ…แต่เอาเถิด ผู้มีพระคุณไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์หรอก ถ้าเช่นนั้น…เขาจะถอยออกมาหน่อย ลดตัวอีกเล็กน้อย แล้วคอยคุ้มกันสามีของนางแทนแล้วกัน !
หลินเว่ยเว่ยยังจัดการโจรสลัดได้อีกคนและช่วยแม่ทัพหลินที่บาดเจ็บเอาไว้ ทั้งสองว่ายน้ำอยู่รอบหนึ่ง เมื่อไม่เห็นโจรสลัดที่ไหนอีก นางจึงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
หลินเว่ยเว่ยรีบสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ดึงแขนแม่ทัพหลินที่บาดเจ็บมาที่เรือของทางราชการ พวกโจรได้รับความเสียหายอย่างหนัก…ไม่เพียงเสียเรือไป 7-8 ลำ แต่ยังสูญเสียพวกพ้องไปหลายสิบคน ผู้ให้ข้อมูลของอำเภอหนิงซีไม่ได้บอกพวกเขาว่าบนเรือมีแค่ใต้เท้านายอำเภอที่ยากจนหรอกหรือ ? แล้วเหตุใดถึงมีองครักษ์ยอดฝีมือ ? แล้วยังมีคนตะโกนว่า ‘จวิ้นจู่’ ‘พระชายา’ อะไรนั่นอีก หรือคนให้ข้อมูลจะให้มาผิด ?
“อีกฝ่ายรับมือยาก รีบถอย ! ” โจรสลัดที่เหลือจึงรีบกระโดดลงจากเรือของทางราชการ หลังปีนกลับขึ้นเรือตัวเองแล้วก็รีบหันเรือหนีกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากหลินเว่ยเว่ยขึ้นมาจากน้ำและเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็โยนมีดสั้นใส่เรือโจรลำที่ใกล้สุด “คืนพวกเจ้า ! ” สุดท้ายมีดสั้นก็ปลิดชีวิตโจรคนหนึ่งได้สำเร็จ
ตอนที่นางถูกดึงตัวขึ้นเรือ นางก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และรีบโผเข้าหาบัณฑิตน้อยพลางขอให้เขากอดปลอบใจ “วันนี้ข้าสังหารคนไปตั้งมากมาย พอตายไปแล้วจะตกนรกหรือเปล่า ? ข้ากลัวมาก ทำอย่างไรดี ? ”
หลีชิงกลอกตามองบน เมื่อครู่เป็นเหมือนเทพสังหารไม่ผิดเพี้ยน ดุดันสุด ๆ แต่ตอนนี้แกล้งทำเป็นสตรีตัวเล็ก ขึ้นชื่อว่าสตรี ทั้งเสแสร้งและโลเล !
“ไม่หรอก โจรพวกนี้เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มานับไม่ถ้วน เจ้าฆ่าพวกมันก็เท่ากับได้ช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ในวันหน้า นี่เป็นเรื่องดี ต่อไปเจ้าต้องได้เกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์แน่นอน ! ” เจียงโม่หานไม่สนสายตาของคนรอบข้าง เขาสวมกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมอก…เขาเริ่มกลัวแล้ว กลัวว่านางจะไม่โผล่มาจากน้ำแล้วกลับมาหาเขาอีก ถ้าสูญเสียนางไป ชีวิตเขาจะมีความหมายอะไร ?
พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะขึ้นมาทันที นางเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาด้วยดวงตารูปเสี้ยวพระจันทร์ “หากข้าไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ แล้วเจ้าล่ะ ? พวกเราไม่ต้องแยกจากกันหรอกหรือ ? ”
“เขาคือเทพเหวินฉวี่ซิง (เทพแห่งการศึกษา) ก็ต้องกลับสวรรค์เช่นกัน พวกเจ้าจะได้อยู่ด้วยกันไปอีกนาน คนอยู่ด้วยมากมายขนาดนี้ พวกเจ้าเลิกหวานใส่กันก่อนได้หรือไม่ ? ” แม่ทัพหลินรับผ้าเช็ดตัวมาจากหลินจื่อเหยียน ขณะเช็ดผมก็มองร่างที่เปียกน้ำของหลินเว่ยเว่ย “รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องได้แล้ว ร่างกายสตรีจะโดนไอเย็นไม่ได้”
หลินเว่ยเว่ยไม่เห็นด้วย “ท่านพ่อ ฤดูร้อนแบบนี้ข้าร้อนจนแทบอยากกระโดดลงไปว่ายอีกสักสองสามรอบด้วยซ้ำ แล้วจะโดนไอเย็นได้อย่างไร ? ”
หลีชิงพูดอย่างตั้งใจ “ด้านล่างมีศพมากมายขนาดนั้น หรือเจ้าอยากจะลงไปแช่น้ำกับพวกศพ ? ”
“เฮอะ รู้หรือไม่ว่าเจ้าเหมือนอะไร ? แมลงวันไม่กัดคน…แต่มันขัดหูขัดตา…ฮัดชิ้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยจามออกมาอย่างแรง
สีหน้าของเจียงโม่หานเปลี่ยนไปทันที ขณะที่เขากำลังจะถอดเข็มขัดเพื่อถอดเสื้อนอกมาคลุมตัวภรรยา หลินเว่ยเว่ยก็รีบห้ามเขาเอาไว้ “อย่า ด้านในเจ้าใส่แค่เสื้อผ้าบาง ๆ ไว้ ปิดอะไรไม่อยู่ ถ้าเจ้าถอดเสื้อนอกออกมาจะไม่ทำให้คนอื่นเห็นเรือนร่างหรอกหรือ ? ข้าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ เจ้า…ห้ามถอดเด็ดขาด ! ”
เจียงโม่หานกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที เขาเป็นบุรุษ ถอดเสื้อเล็กน้อยแล้วจะเป็นอะไรไป ? บนเรือนี้ นอกจากพวกสาวใช้กับนางกำนัลก็เป็นผู้อาวุโส แล้วใครจะอยากเห็นกันเล่า ? เด็กน้อยชอบผิดประเด็นตลอด !
ขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยสาร นางก็ได้ยินเสียงคนผลักประตูเข้ามา พอหันไปมองก็เห็นเจียงโม่หาน นางจึงรีบสวมเสื้อชั้นนอกพลางกำเสื้อตัวเองแน่น และทำท่าทางเหมือนกระต่ายน้อยโดนลวนลาม “เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร ? อย่าเข้ามานะ…ถ้าเข้ามาอีก ข้าจะตะโกนเรียกคนช่วย ! ! ”
เจียงโม่หานส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เจ้ากำลังเล่นบทบาทใดอีก ? ”
“เฮอะ” หลินเว่ยเว่ยแค่นเสียงแล้วพูดกับเขาว่า “เจ้าควรจะพูดว่า ‘เจ้าตะโกนสิ ถึงแม้ตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก ! ’ อะไรทำนองนี้”
“ก็จริง ถึงแม้เจ้าตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเจ้าแต่ช่วยข้า เพราะทุกคนกังวลว่าเจ้าจะทำอะไรข้าหรือเปล่า ! ” เจียงโม่หานถอดเสื้อออกต่อหน้าหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยมองผ่านเสื้อตัวบางก็เห็นร่างกายผอมเพรียวของบัณฑิตน้อย…อย่ามองว่าบัณฑิตน้อยอ่อนแอ แต่รูปร่างถือว่าดีเลย เป็นประเภท ‘ใส่เสื้อผ้าแล้วดูผอม แต่ถอดแล้วมีเนื้อ’ เนื้อที่ว่าก็คือ กล้ามเนื้อ !
“หืม เจ้าถอดเสื้อทำไม ? คงไม่คิดจะทำอะไรข้าจริง ๆ หรอกกระมัง ? รีบใส่เร็ว น่าอายจะตาย ! ” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ดวงตากลับจดจ้องไปที่เรือนร่างของเจียงโม่หาน…สามีตัวเอง ไม่มองก็เสียเปล่า ! อย่างไรเราก็ทำถูกกฎหมาย !
นางหวงฟื้นขึ้นมาแล้ว พอได้ยินเสียงของสองสามีภรรยาห้องข้าง ๆ พูดกันแบบนั้น นางก็หันไปมองหมินหวางเฟยด้วยความกังวล “หานเอ๋อร์…คงไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้ารองหรอกกระมัง ? นางยังเด็ก ! ท่านหมอเหลียงบอกว่าผู้หญิงอายุครบ 18 ปีแล้วค่อยมีลูก ถึงจะดีต่อร่างกายเพคะ ! ”
หมินหวางเฟยตรัสพร้อมรอยยิ้ม “ไม่หรอก หานเอ๋อร์เป็นเด็กที่รู้จักแยกแยะ ! ” สำหรับจุดนี้ของบุตรชาย หมินหวางเฟยถือว่าพอพระทัยมาก นางหันไปทอดพระเนตรนางเฝิง…เป็นเพราะปิงเจี๋ยสั่งสอนมาดี !
“เจี๋ยเอ๋อร์ เจ้าคิดจะแต่งงานหรือไม่ ? ลูกน้องของท่านอ๋องก็ยังไม่ได้แต่งภรรยาอีกหลายคน ! ” ปิงเจี๋ยอายุเข้าเลขสามมานานแล้ว บุตรของเสวี่ยยวี่อายุ 10 ขวบแล้วด้วย แต่นางยังเป็นโสด เรื่องนี้เป็นความผิดของพระนางเอง !
นางหวงตาโตด้วยความประหลาดใจ เหตุใดพระชายาจึงถามแบบนี้ ? ชักชวนให้ออกเรือน มันจะไม่ดูหยาบคายเกินไปหน่อยหรือ ?
นางเฝิงพูดด้วยรอยยิ้ม “อายุหม่อมฉันถึงวัยจะอุ้มหลานได้แล้วเพคะ แค่คิดว่าต้องแต่งออกไปดูแลคนในครอบครัวอื่น หม่อมฉันก็กลัวแล้ว ! จึงคิดว่าแบบนี้ดีอยู่แล้วเพคะ ! ”
นางหวงก็เห็นด้วย “เหมือนคนอายุรุ่นเรา แม้จะหาบ้านสักหลังได้ อย่างมากอีกฝ่ายก็มีครอบครัวที่น่าปวดหัวหรือมีบุตรอยู่แล้ว การเป็นแม่เลี้ยงยากจะตาย ! หานเอ๋อร์กตัญญู เจ้ารองก็เหมือนเป็นแม่ลูกแท้ ๆ กับเจ้า พวกเขาต้องกตัญญูต่อเจ้าแน่นอน ! ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น…พระชายาเพคะ พระองค์คงไม่ได้เห็นว่าเว่ยเอ๋อร์สนิทกับหม่อมฉันแล้วเกิดริษยาขึ้นมาหรอกนะเพคะ ? ” นางเฝิงพูดหยอก
หมินหวางเฟยทอดพระเนตรนาง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจต่อการตัดสินใจในวันนี้ ! ”
ระหว่างสนทนากัน สองสามีภรรยาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยเดินไปยังห้องครัวที่อยู่ท้ายเรือเพื่อวางแผนกับเหมยหยิงว่าวันนี้จะทำอะไรกิน การมีแม่ครัวสองคนนี้อยู่ แม้ตลอดทางจะลำบากไปบ้าง แต่ทุกคนก็ยังอารมณ์ดีเหมือนเดิม แม้แต่นางหวงที่อ่อนแอและหมินหวางเฟยที่เคยประชวรมานานก็ยังมีเลือดฝาดบนใบหน้าและดูจะอ้วนขึ้นด้วย !
หลังเดินทางในแม่น้ำสายย่อยต้าถงได้ไม่กี่วัน เรือก็แล่นเข้าสู่อาณาเขตเมืองหนิงโจว ตอนนี้อยู่ห่างจากอำเภอหนิงซีอีกไม่ถึงสองวัน เจียงโม่หานจึงตัดสินใจจะหยุดซ่อมแซมเรือที่ตัวเมืองหนิงโจวประมาณสองวัน
“องค์หญิงเว่ยเว่ย เมืองหนิงโจวเป็นที่ดินศักดินาของพระองค์ ดังนั้นพระองค์ไม่ออกไปสำรวจอาณาจักรของตนหน่อยหรือ ? ” เจียงโม่หานถามพลางมองนางด้วยสีหน้าขี้เล่น