หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 606 แฮะแฮะ ข้าคือฝูเหรินนายอำเภอ!
ตอนที่ 606 แฮะแฮะ ข้าคือฝูเหรินนายอำเภอ!
หลิวว่ายจื่อพูดว่า “ครึ่งหนึ่งอะไรกัน? เพียงพอให้เจ้าดื่มในชั่วอึดใจหรือเปล่า? ภรรยาหลิวเกิน เจ้ามาตักน้ำต้มถั่วเขียวให้สามีด้วย ตักจนเต็มล่ะ…น้ำต้มถั่วเขียวมีมากพอ ! ”
ภรรยาของหวังหลิวเกินถือกระบวยตักน้ำมาตักน้ำต้มถั่วเขียวให้พวกคนงานชั่วคราว ตอนนี้นางกำลังตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลย ! เดิมทีคิดว่าจะโดนเรียกมาช่วยงานแค่ชั่วคราว แต่คาดไม่ถึงว่าหยาเอ๋อร์กู่เหนียงคนเมื่อครู่จะบอกว่าต่อไปให้นางมาทำงานที่นี่ ค่าแรงได้เท่ากับพวกผู้ชาย นางแค่ทำหมั่นโถว ต้มน้ำถั่วเขียว ก็ได้ค่าแรงคุ้มกว่าพวกผู้ชาย !
หยาเอ๋อร์กู่เหนียงยังบอกว่าพรุ่งนี้ให้นางหาผู้หญิงที่ทำงานคล่องแคล่วและสะอาดมาจากหมู่บ้านอีก 2 คน ไม่ว่านางจะเลือกใคร คนผู้นั้นก็ซาบซึ้งในพระคุณทั้งสิ้น
ภรรยาหลิวเกินก็เป็นคนในหมู่บ้านคนบาป ตอนเย็นหลังจากนางกลับไปพร้อมค่าแรงแล้วนางก็ปรึกษากับสามี ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไม่ปล่อยปุ๋ยชั้นดีนี้ให้คนนอก เย็นวันนั้นนางไปหาสะใภ้บ้านมารดาและบุตรสาวของท่านลุงบ้านฝั่งสามี หลังจากเล่าเนื้องานดี ๆ นี้ให้ฟังแล้ว พวกนางก็ดีใจจนร้องไห้กอดกัน…
วันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนออกไปรายงานตัวยังที่ว่าการอำเภอหนิงซีเร็วยิ่งกว่าสามีของตนออกไปทำงานเสียอีก แม้จะเห็นพวกนางใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านมาก หยาเอ๋อร์ยังให้พวกนางลองนวดแป้ง แม้ตอนแรกฝีมือจะดูขึ้นสนิมเล็กน้อย แต่ผ่านไปไม่นานก็กลับมาคุ้นชินอีกครั้ง หยาเอ๋อร์ให้สาวใช้อยู่คุมไฟสองคน ส่วนตัวเองก็ได้หลุดพ้นจากงานทำหมั่นโถวแล้ว
ต่อจากนั้นอีก 4 วัน หญ้าในที่ดินหนึ่งพันหมู่ก็ถูกแผ้วถางออกจนหมด ต่อจากนี้ก็เป็นช่วงของการเผาหญ้า วันที่ห้ามีสายลมอ่อน ๆ พัดเข้าสู่พื้นที่ เป็นอากาศที่เหมาะกับการเผาไร่พอดี หลินเว่ยเว่ยจึงให้ลูกจ้างชั่วคราวเตรียมไม้กวาดมาคนละหนึ่งด้ามแล้วคอยยืนอยู่ข้าง ๆ กองไฟ ทุก 50 หมี่จะมีคนยืนคุมอย่างเข้มงวด เพราะหลังจุดไฟขึ้นมาแล้ว ถ้าตรงไหนลุกแรงเกินไปจนจะข้ามแดน คนงานที่อยู่ใกล้ ๆ ก็จะเข้าไปใช้ไม้กวาดดับไฟเพื่อไม่ให้เกิดเหตุควบคุมไฟยากขึ้นมา
เผาแค่วันเดียวก็เสร็จแล้ว วันที่หก ทางอำเภอส่งอุปกรณ์ไถหน้าดินมาให้…คันไถที่ถูกปรับปรุงและยังมีวัวที่ถูกซื้อเพิ่มเป็น 20 ตัว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเพื่อคันไถที่ถูกปรับปรุงนี้ หลินเว่ยเว่ยต้องทุ่มเทความคิดอย่างมาก
เย็นวันนั้น นางจงใจเดินวนเวียนบริเวณด้านหน้าของเจียงโม่หานที่กำลังอ่านเอกสารทางราชการอยู่ หลังดึงดูดความสนใจเขาสำเร็จแล้ว นางก็ชี้ไปที่คันไถในตำราด้านการเกษตรแล้วแสร้งทำเป็นพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น “บัณฑิตน้อย เจ้าคิดว่าถ้ามีใบมีดติดที่ใบไถ ความเร็วในการพรวนดินจะเร็วขึ้นหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานเงยหน้ามองนางพร้อมรอยยิ้ม “หากคันไถนี้หนักเกิน พวกสัตว์จะลากไม่ไป”
หลินเว่ยเว่ยกลอกตา “ใช้วัวสองตัวลากพร้อมกันก็ได้ ! หน้าคันไถพวกนี้ยังใส่ล้อได้ เวลาพวกสัตว์ลากจะได้เหนื่อยน้อยหน่อย…”
พอเจียงโม่หานเห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่านางมีแบบคันไถในใจอยู่แล้ว จึงวางงานในมือลงแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาวาดคันไถตามที่นางบอก หลังปรับปรุงแล้วในที่สุดหลินเว่ยเว่ยก็พอใจกับมัน…นี่ก็คือคันไถล้อคู่ที่นางต้องการ !
นางกะพริบตาเป็นประกายแล้วหันไปมองเจียงโม่หานด้วยความชื่นชม “บัณฑิตน้อย เจ้าเก่งมาก ! ถ้าคันไถล้อคู่นี้ถือกำเนิดขึ้น จะต้องยิ่งใหญ่กว่ากังหันน้ำกระดูกมังกรแน่นอน ! เจ้าทำเรื่องที่ช่วยเหลือราษฎรและแผ่นดินไว้อีกแล้ว ! ”
“เจ้า…จะยกผลงานนี้ให้ข้า ? ” เจียงโม่หานค่อนข้างหดหู่ แต่จนปัญญามากกว่า…เขาเป็นโฉวฝู่มา 20 ปี แต่กลับแพ้ให้ภรรยาตัวเอง เขาสงสัยจริง ๆ ว่าเด็กน้อยมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ แผ่นดินที่นางเคยเผชิญมาเป็นอย่างไร ?
หลินเว่ยเว่ยทำหน้าสับสน “คันไถนี้เจ้าไม่ได้เป็นคนปรับปรุงหรอกหรือ ? ข้าแค่ออกความเห็นเล็กน้อย เพราะอย่างไรสามีข้าก็ร้ายกาจ แค่แรงบันดาลใจเล็ก ๆ ก็ทำให้เป็นจริงได้ ! ”
ต่อจากนั้นนางยังเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเอ่ยถึงเรื่องที่พวกลูกจ้างชั่วคราวเรียกนางว่า ‘ฝูเหรินนายอำเภอ’ ด้วยท่าทางโอ้อวด ราวกับคำว่าฝูเหรินนายอำเภอดูน่าภาคภูมิใจมาก !
เจียงโม่หานเขียนภาพโครงสร้างคันไถล้อคู่ให้ออกมาละเอียดกว่าเดิมภายในคืนนั้นเลย เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงก็ให้คนนำไปส่งที่เมืองหลวง…เขายังไปพบช่างตีเหล็กและให้สร้างคันไถนี้ออกมาโดยที่ช่างไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว…
วัวสองตัวเทียมคันไถหนึ่งคัน มีคนคอยจับคันไถอีกหนึ่งคน คันไถล้อคู่ทำงานได้มากกว่าคันไถทั่วไปถึงหนึ่งเท่า ประหยัดทั้งเวลาและแรงงาน วันที่คันไถเริ่มลงพื้นที่ เจียงโม่หานพาพวกขุนนางในอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำแหน่งเล็ก ๆ มาร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นนี้
เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดภาพวัวที่เกียจคร้าน หลินเว่ยเว่ยจึงแขวนหญ้าสดชุบน้ำพุวิญญาณไว้ที่ด้านหน้าของวัว เมื่อวัวทั้งสองอยากเคี้ยวหญ้าสด พวกมันก็ต้องเดินไปข้างหน้า ส่วนคนที่ทำงานไถ่ดินล้วนเป็นมืออาชีพทั้งสิ้น
คันไถที่ถูกปรับปรุงแล้ว ไม่เพียงไถดินได้กว้างแต่ยังลึกด้วย ชาวบ้านที่มาดูต่างเห็นประโยชน์จากมันได้ในชั่วพริบตาเดียว หลังพวกเขารู้ว่าคันไถนี้ถูกปรับปรุงโดยนายอำเภอเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาก็ชื่นชมว่าอีกฝ่ายเป็นขุนนางที่ดีและทำงานเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง
วัว 20 ตัว ลากคันไถได้แค่ 10 คันเท่านั้น แล้วหนึ่งพันหมู่จะถูกไถพรวนเสร็จเมื่อใด ? หลินเว่ยเว่ยเริ่มร้อนใจจนมุมปากของนางมีตุ่มใสขึ้นเพราะความเครียด…พวกสัตว์หายาก นางจะไปหาวัวม้าที่ไหนมาลากคันไถ ? ช้าก่อน…อำเภอหนิงซีอยู่ติดชายแดน แล้วมีสิ่งใดมากที่สุด ? กองทัพไงเล่า! แล้วในกองทัพไม่ขาดแคลนอะไรที่สุด ? ม้าศึก ! ทว่า…ตอนนี้ฟู่หวางของหลินเว่ยเว่ยกำลังเดินทางมา จึงหวังพึ่งไม่ได้ !
เด็กน้อยกำลังร้อนใจ เจียงโม่หานก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่เอ็นดูภรรยาและกล่อมนางให้ใจเย็นลงหน่อย อย่างมากสุดปีนี้พวกตนก็จะไม่ปลูกอะไร แล้วค่อย ๆ แผ้วถางที่ทาง แล้วต้นฤดูใบไม้ผลิค่อยหว่านเมล็ด แต่หลินเว่ยเว่ยอยากปลูกข้าวโพดที่ให้ผลผลิตสูงเร็ว ๆ ชาวบ้านในอำเภอหนิงซีจะได้กระตือรือร้นในการถางที่เพาะปลูก งานแรกตั้งแต่สามีเข้ารับตำแหน่ง จะได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น…
วันนี้ ที่ว่าการอำเภอมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน…แม่ทัพเฉาผู้ดูแลบ่อเกลือ ! ด้านหลังของเขายังมีเด็กสาวอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีอีกหนึ่งคน นางอยู่ในชุดขี่ม้า มือถือกระบี่ ผมมัดรวบทรงหางม้า แววตาก็ดูฉลาดหลักแหลม
พอแม่ทัพเฉาเข้ามาก็มองเจียงโม่หานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไร้มารยาท ก่อนจะเผยแววตาที่สิ้นหวังออกมา “เจ้าก็คือบุตรเขยที่เพิ่งออกจากเตาของหมินอ๋อง ? ”
เจียงโม่หาน “…” อะไรคือเพิ่งออกจากเตา ? เจ้าเห็นข้าเป็นขนมอบหรือไร ?
“ข้าน้อยเจียงโม่หาน คารวะแม่ทัพเฉา ! ” เจียงโม่หานคารวะด้วยความสุภาพ
แม่ทัพเฉาเดินวนดูรอบตัวเขาแล้วเหยียดมุมปากขึ้น “เหตุใดแม่ทัพจ้าวถึงชอบบัณฑิตอ่อนแออย่างเจ้าได้ ? แขนขาดูไม่มีเรี่ยวแรง…นอกจากจับพู่กันและพูดเก่ง ยังทำอะไรได้อีก ? จริงสิ คันไถล้อคู่นั้นเจ้าเป็นคนวาด ? สมองยังถือว่าดีอยู่บ้าง ไม่ได้เลอะเลือนไปหมดทุกอย่าง ! ”
เจียงโม่หาน “…” ตนกับแม่ทัพเฉาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเหตุใดชายสูงวัยคนนี้ถึงได้เข้ามาก็ดูถูกกันแล้ว…ขอใช้คำพูดของภรรยาตัวเองว่า ‘ข้าไปขุดหลุมฝังศพของบรรพบุรุษเจ้ามาหรือ ? ’
สาวน้อยที่อยู่ข้างแม่ทัพเฉาก็เลิกคิ้วมองเขาด้วยความรังเกียจ พร้อมถามว่า “ได้ยินว่าภรรยาของเจ้าต่อสู้เป็น ? เรียนกระบวนท่ารำหอกจากสกุลจ้าวมาหรือไม่ ? ข้าอยากประลองกับนางสักหน่อย ! ”
เอาล่ะงานนี้ สมกับเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ไร้สมองและขาดความอดทนทั้งคู่ ! เจียงโม่หานตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าน้อยยังมีงานต้องทำ หากทั้งสองท่านไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ข้าน้อยขอตัวก่อน ! ”