หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 612 แลกกับป้ายทองอาญาสิทธิ์เว้นโทษตาย?
ตอนที่ 612 แลกกับป้ายทองอาญาสิทธิ์เว้นโทษตาย?
ตอนนี้คนในสกุลเฉินมีบุตรชายของเฉินเหล่าฮั่นกับหลานชายอีกสองคน จึงนับเป็นแรงงานสามคน บุตรชาย หลานชายคนโตและเฉินหยุนหลานชายคนเล็กล้วนไปทำงานซ่อมแซมคลองของทางการในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนยังต้องใช้เวลามาแผ้วถางที่ดินอีก 2 ชั่วยาม หากไม่เช่าสัตว์ทุ่นแรง พื้นที่รกร้างไม่กี่หมู่นั้นก็ต้องบุกเบิกไม่เสร็จก่อนฤดูหนาวแน่นอน !
หลังครุ่นคิดแล้วเฉินเหล่าฮั่นก็กัดฟันยอมเช่าวัว ! ธัญพืชหยาบวันละ 2 ชั่ง เช่าสิบวันถึงครึ่งเดือนก็ต้องใช้ธัญพืชหยาบแค่ไม่กี่สิบชั่ง สามปีหลังจากนี้ไม่ต้องจ่ายภาษีอีกด้วย แล้วยังจ่ายคืนไม่ไหวอีกหรือ ?
บ้านของเฉินเหล่าฮั่นถางที่ดินทั้งหมด 10 หมู่ บุตรชายและหลานชายคนโตลาหยุดสองวัน หลังเช่าวัว 2 ตัวมาจากภรรยานายอำเภอแล้วก็ใช้คันไถล้อคู่พรวนดินในไร่ ภายใต้การแนะนำของหลินเว่ยเว่ยคือในที่ดิน 10 หมู่ให้แบ่งมาปลูกผักกาดขาว 3 หมู่ หัวไชเท้า 2 หมู่…พอฤดูหนาวมาถึง แม้ยังเป็นต้นอ่อนของผักกาดขาวหรือหัวไชเท้าก็ยังช่วยประหยัดอาหารได้มาก…
หลังปลูกข้าวโพดแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็เปิดพื้นที่ดินดำเพิ่มอีก 100 กว่าหมู่เพื่อปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวลงไป
เป็นอย่างที่เฉินหยุนคาดไว้ว่าอ่างเก็บน้ำถูกขุดใกล้ที่ดินของหลินเว่ยเว่ยและยังอยู่ใกล้หมู่บ้านคนบาปฝั่งตะวันออกด้วย หลินเว่ยเว่ยใช้โอกาสนี้แผ้วถางที่ดินรกร้างใกล้อ่างเก็บน้ำ เพื่อเตรียมไว้ลองปลูกข้าวขาวในปีหน้า…นางเป็นมารดาแห่งข้าว ดังนั้นต้องรีบลงมือหน่อย !
ฤดูใบไม้ร่วงผ่านไป ฤดูหนาวมาเยือน ขณะที่อ่างเก็บน้ำบริเวณใกล้หมู่บ้านคนบาปกำลังจะสร้างเสร็จ ข้าวโพดเกือบหนึ่งพันหมู่ที่หลินเว่ยเว่ยปลูกไว้ก็เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว พวกหมู่บ้านหลายแห่งที่อยู่บริเวณใกล้เคียงล้วนมองดูฝักข้าวโพดที่อวบและยาวด้วยแววตาอิจฉาริษยาและตื่นเต้น…
อิจฉาริษยาที่ผลผลิตข้าวโพดได้ออกมาสูงถึงขนาดนี้ พื้นที่นับพันหมู่ผลิตอาหารออกมาได้ตั้งเท่าไร ! ถ้าเป็นพวกตน ชาติหนึ่งก็ยังกินไม่หมด ! อย่างน้อยผลผลิตในหนึ่งหมู่ก็น่าจะมีถึงสี่ร้อยห้าร้อยชั่งได้กระมัง ? พวกเขาไม่เคยเห็นพืชผลที่ให้ผลผลิตสูงขนาดนี้มาก่อน !
ส่วนเรื่องที่ตื่นเต้นคือท่านฝูเหรินนายอำเภอบอกว่าต่อไปข้าวโพดพวกนี้จะถูกแบ่งขายเมล็ดพันธุ์ หากบ้านไหนสถานการณ์ยากลำบากจริง ๆ ก็ลงบัญชีไว้ก่อนได้ หลังจากเก็บเกี่ยวในปีหน้าเสร็จแล้วค่อยเอามาคืนเป็นธัญพืชหยาบ !
นี่คือผลผลิตของที่ดินเพิ่งบุกเบิก ถ้าเป็นพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ผลผลิตจะต้องสูงกว่าเดิมแน่นอน ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านรอบ ๆ ต่างพากันมาเป็นแรงงานชั่วคราว พอรู้ว่าในหนึ่งไร่ไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดข้าวโพดมากสักเท่าไร พวกเขาก็คิดว่าใช้ธัญพืชหยาบไม่กี่ชั่งสำหรับได้ผลผลิตหลายร้อยชั่งก็ช่างคุ้มค่า…เหมือนพวกเขาจะเห็นภาพที่ตัวเองได้กลิ้งอยู่บนกองธัญพืชหยาบอย่างสนุกสนานแล้วด้วย
ภรรยานายอำเภอเป็นพระโพธิสัตว์เดินดินอย่างแท้จริง เอาเมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงมาด้วย แต่ไม่เก็บไว้ใช้คนเดียว ยังยอมแบ่งให้พวกเขา ! เมื่อมีเมล็ดพันธุ์เช่นนี้แล้ว ต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้อง !
ตอนเก็บเกี่ยวข้าวโพด หลินเว่ยเว่ยพบว่านอกจากคนงานชั่วคราวที่นางจ้างแล้ว ยังมีคนแปลกหน้าอีกไม่น้อย หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วทันที…หรือจะมาเพื่อแย่งธัญพืชหยาบ ?
หลีชิงพาทหารองครักษ์ตำหนักหมินอ๋องสองสามนายไปจับชาวบ้านคนหนึ่งมาสอบถาม จึงได้รู้ว่าคนพวกนี้อาสามาช่วยงาน เพราะหวังว่าจะได้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของภรรยานายอำเภอและผู้ดูแลหลิว จากนั้นตอนต้นฤดูใบไม้ผลิจะได้มีเมล็ดพันธุ์ของพวกตนด้วย…
เมื่อมีคนพวกนี้แล้ว ข้าวโพดพันหมู่ของหลินเว่ยเว่ยก็เก็บเกี่ยวไปได้อย่างราบรื่น ภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีสภาพอากาศร้อนจัด มันมีประโยชน์เพียงอย่างเดียวคือธัญพืชตากแล้วแห้งเร็ว ซ้ำยังไม่ต้องกังวลว่าจะขึ้นรา…
เพราะตอนเก็บเกี่ยวข้าวโพดมีชาวบ้านอาสาช่วยงาน ฝูเหรินนายอำเภอจึงให้คนจดชื่อแซ่กับหมู่บ้านของพวกเขาไว้และถามว่าคิดจะปลูกข้าวโพดกี่หมู่ ด้วยเหตุนี้ตอนแกะเมล็ดข้าวโพดจึงมีพวกสาว ๆ ป้า ๆ และหญิงชราจากหมู่บ้านข้างเคียงมาแสดงตัวว่าอยากช่วยทำงาน
หลินเว่ยเว่ยคัดข้าวโพดพิเศษมา 5 หมู่ หลังจากข้าวโพดแต่ละหมู่ถูกเก็บมาแล้วก็จะแบ่งกองกันไว้ คนมาช่วยงานเยอะจึงแกะเสร็จในวันเดียว เมื่อนำตราชั่งใหญ่มาชั่งแล้วพบว่าหนึ่งหมู่จะได้ผลผลิตอยู่ที่ 500 ชั่ง ต้องทราบก่อนว่าในภาคตะวันตกเฉียงเหนือถ้าได้ 200 ชั่งก็ถือว่าเป็นผลผลิตที่สูงมากแล้ว !
ข่าวแพร่ไปทั่วอำเภอหนิงซี คนที่มาช่วยงานจึงมีมากกว่าเดิม ! ข้าวโพดที่ถูกเก็บกลับมา ไม่จำเป็นต้องใช้คนงานชั่วคราวแล้ว หลังทุกอย่างเสร็จแล้วก็ลากเข้าเก็บไว้ในคลังของที่ว่าการอำเภอและมีผู้คุ้มกันของทางการคอยเฝ้า…นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงซึ่งเป็นความหวังอันไร้ขีดจำกัดของอำเภอหนิงซี ดังนั้นความรับผิดชอบจึงหนักอึ้งทันที !
หลังจากหมินอ๋องรบชนะหนึ่งสนามศึกกลับมาแล้วก็ขอลาหยุดสองสามวันเพื่อมาขอคำชมจากหมินหวางเฟย…หลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ชาวหุยเหอก็เริ่มทำตัวไม่ดี ภายในหนึ่งเดือนกองทัพทั้งสองจึงทำศึกกันไม่น้อยกว่า 5 รอบแล้ว
หลินเว่ยเว่ยได้ยินฟู่หวางคุยโวว่าพระองค์รบเก่งขนาดไหน จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ฟู่หวาง เหตุใดพระองค์ถึงไม่กำราบพวกมันในคราเดียวเลยล่ะเพคะ ? ”
หมินอ๋องเบิกดวงเนตรกว้างในทันที “หากทำพวกมันขลาดกลัวภายในสนามเดียว แล้วจะใช้พวกมันมาฝึกทหารของเราได้อย่างไร ? พวกหุยเหอก็มีประโยชน์ที่ตรงนี้ ! จริงสิ พ่อได้ยินว่าเจ้าทำการเกษตรได้ร้ายกาจมาก พื้นที่หนึ่งหมู่ได้ผลผลิตถึง 500 ชั่ง เป็นเรื่องจริงหรือ ? จำนวนนี้คงไม่ได้คุยโวขึ้นมาหรอกกระมัง ? ”
หลินเว่ยเว่ยแยกเขี้ยวใส่ “ฟู่หวาง ในสายพระเนตรเห็นลูกเป็นคนชอบคุยโวโอ้อวดหรือเพคะ ? ปลอมแปลงตัวเลขไม่ไหวหรอก มันคือความจริงสุด ๆ ไปเลยเพคะ ! ปีนี้ฝนตกน้อย จำนวนนี้ยังถือว่าต่ำ ! พระองค์รอดูเถิด ปีหน้าลูกจะต้องทำให้ได้เกิน 600 ชั่งเลยเพคะ ! ! ”
หมินอ๋องยกนิ้วหัวแม่มือให้นาง “มีความทะเยอทะยาน ! จริงสิ เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นของเจ้าไม่ต้องขายแล้ว เก็บไว้ให้กองทัพดีกว่า พ่อเขียนฎีกาถึงฮ่องเต้แล้ว ขอพระองค์อนุญาตให้ค่ายทหารและครอบครัวทหารมาตั้งถิ่นฐานกันที่นี่ พอปัญหาปากท้องของคนในกองทัพคลี่คลายแล้ว มันก็จะช่วยบรรเทาแรงกดดันให้คลังหลวงไม่ใช่หรือ ? ”
หมินหวางเฟยทอดพระเนตรนางเฝิงที่กำลังปักชุดกระโปรงให้ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม หลังได้ยินแบบนั้นแล้ว นางก็เงยดวงพักตร์เพื่อทอดพระเนตรสวามี “กองทัพตั้งรกรากที่นี่ ? พระองค์ไม่กลัวฮ่องเต้หวาดระแวงหรือเพคะ ? ”
หมินอ๋องแย้มพระสรวล “คราวนี้ข้ามาเพื่อคุมทหาร แต่จุดประสงค์หลักคือมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้ากับบุตรสาว และยังถือโอกาสฝึกทหารให้ฮ่องเต้ด้วย หลังรอให้บุตรเขยได้กลับเมืองหลวงแล้ว ข้าก็ค่อยคืนตราอาญาสิทธิ์เคลื่อนทัพแล้วกลับไปมีชีวิตรุ่งเรืองที่เมืองหลวง ! ส่วนเรื่องให้ทหารมาตั้งรกรากและทำนา ก็แค่ทำแทนฮ่องเต้เท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองสักหน่อย ขุนนางดี ๆ ที่ยอมทำงานหนักและไม่ยึดติดกับอำนาจอย่างข้า แม้พระองค์จะจุดตะเกียงตามหาก็ยังหาคนที่สองได้ยากยิ่ง ! ระแวงก็ระแวงไปสิ อย่างมากสุดก็วางอาวุธแล้วไปทำนา ชีวิตที่มีภรรยาและลูก ๆ อยู่ด้วยก็ดีจะตายไป ! ”
หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม “รอให้ลูกปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ให้ผลผลิต 1,000 ชั่งต่อหมู่ขึ้นมาได้เมื่อใด ลูกจะใช้มันแลกกับป้ายทองอาญาสิทธิ์เว้นโทษตาย ! พอถึงเวลานั้นขอแค่ตระกูลเราไม่คิดกบฏ ก็รักษาความปลอดภัยให้วงศ์ตระกูลได้แล้วเพคะ ! ”
หมินอ๋องแย้มพระสรวลดังลั่น “เจ้าคุยโวไปเถิด ! 1,000 ชั่งต่อหมู่ มีแต่เจ้าเท่านั้นที่กล้าคิด ! ”
“ความฝันจำเป็นต้องมี ถ้ามันสำเร็จขึ้นมาล่ะเพคะ ? ” ชาติก่อน ข้าวโพดมีผลผลิต 1,000 ชั่งได้อย่างไร ? พอนึกถึงปุ๋ยและเทคโนโลยีที่เวลานี้เทียบไม่ติดแล้ว นางต้องคิดทำให้ได้ ! นางไม่เพียงจะปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเท่านั้น แต่ข้าวสาลีและข้าวขาวก็ยังจะปรับปรุงด้วยเช่นกัน ด้วยความเชี่ยวชาญของนางและตัวโกงอย่างน้ำพุวิญญาณแล้ว ความฝันของนางจะต้องเป็นจริงแน่นอน !
ทางฝั่งที่ว่าการอำเภอ หย่งโจวจือโจว (ขุนนางขั้นห้า) มากดดันเจียงโม่หาน “นายอำเภอเจียง เจ้าได้เมล็ดพันธุ์ดี ๆ มา แต่กลับซ่อนเอาไว้ใช้เอง มันจะดูผิดธรรมเนียมเกินไปหน่อยกระมัง ! ”
อำเภอหนิงซีขึ้นตรงกับเมืองหย่งโจว เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านายแล้ว เจียงโม่หานก็ไม่ทำตัวต้อยต่ำหรือสูงศักดิ์แต่อย่างใด เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบาย “ข้าน้อยไม่เข้าใจเรื่องที่หยางจือโจวกำลังพูดถึงขอรับ ! ”
หยางจือโจววางถ้วยชาในมือลงแล้วมองเขาพร้อมรอยยิ้มคลุมเครือ “นายอำเภอเจียงคงไม่ได้จะบอกว่าไม่ทราบเรื่องที่ภรรยาของเจ้าบุกเบิกที่ดินปลูกข้าวโพดแล้วได้ผลผลิตมาเท่าไรหรอกกระมัง ? ”