หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 618 สามีเด็กโมโหแล้วควรทำอย่างไร ? ลองหยั่งเชิงไปก่อน...
- Home
- หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง
- ตอนที่ 618 สามีเด็กโมโหแล้วควรทำอย่างไร ? ลองหยั่งเชิงไปก่อน...
ตอนที่ 618 สามีเด็กโมโหแล้วควรทำอย่างไร ? ลองหยั่งเชิงไปก่อน...
“สูญเสียแม่ทัพใหญ่คราเดียวสองนาย พวกลูกเต่าหุยเหอจะต้องตกใจจนเสียขวัญแน่นอน วันนี้เราได้นอนหลับสนิทแล้ว ! หมิงจิน ถอนทัพ ! ” หมินอ๋องแย่งกระต่ายย่างในมือของรองแม่ทัพมากัดสองสามคำ…เย็นชืดหมดแล้ว ! แม้จะเย็นแค่ไหนก็เป็นน้ำใจจากบุตรสาว ! หมินอ๋องแทะกระต่ายย่างต่อ ส่วนรองแม่ทัพและนายทหารที่อยู่โดยรอบก็ได้กลิ่นแล้วแทบน้ำลายไหล !
เมื่อไปถึงกระโจม แม่ทัพหลินถึงได้รู้ว่าแม่ทัพสองนายของหุยเหอโดนบุตรสาวยิงตกจากหลังม้า จึงอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต…ถ้าพูดว่าบุตรสาวแรงเยอะ ทว่านั่นก็มีมาแต่กำเนิด แต่ทักษะยิงธนูสามารถเรียนได้ภายในชั่วข้ามคืนหรือไร เขาเพิ่งหายไปไม่กี่ปี ? ไม่สิ ถ้าให้พูดตามจริงคือบุตรสาวเพิ่งกลับมาเป็นปกติได้กี่ปีก็ยิงธนูได้ดีขนาดนี้แล้วหรือ ? หรือว่า…บุตรสาวจะมีสายเลือดของหมินอ๋องจริง ? มีสายเลือดนักยิงธนูที่แม่นยำประเภทนั้น ? แม่ทัพหลินจมสู่ภวังค์ความสงสัยของตน…
หลินเว่ยเว่ยวางธนูสุริยันไว้ด้วยความระมัดระวังแล้วบิดหัวไหล่ไปมา “อย่างไรก็ใช้เจ้านี่ไม่ชินอยู่ดี สู้ปาลูกศรด้วยมือยังสบายกว่า…แต่ระยะยิงวันนี้ค่อนข้างไกล ปาลูกศรไปแล้วจะโดนหรือเปล่าไม่รู้ ! ”
หมินอ๋องรีบตรัส “ประเดี๋ยวกลับไปแล้วจะให้คนทำลูกศรที่ใช้สำหรับปาให้เจ้า ธนูสุริยันนี้คันใหญ่เกินไป พกพาไปไหนมาไหนไม่สะดวก ! ”
เจียงโม่หานถามหลินเว่ยเว่ยเบา ๆ “เจ้าออกไปทำเรื่องน่าตกตะลึงมาอีกแล้วหรือ ? ”
“เปล่า ! ก็แค่ยิงทหารหุยเหอไม่กี่นายเท่านั้น ! ” แววตาของหลินเว่ยเว่ยสั่นไหว ขณะแสดงท่าทางสำนึกผิด
หมินอ๋องครุ่นคิดก่อนจะตรัสว่า “เว่ยเอ๋อร์แค่ยืนมองอยู่ด้านข้างเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเลย แม่ทัพกับนายทหารหุยเหอพวกนั้น เปิ่นหวางเป็นคนยิงเอง ! บุตรสาวผู้แสนน่ารักของเปิ่นหวางจะมือเปื้อนเลือดได้อย่างไร ? ”
ทรงกังวลว่าหากเรื่องฝีมือยิงธนูขั้นเทพของบุตรสาวแพร่ออกไปแล้วจะทำให้ชาวหุยเหอมาแก้แค้น เรื่องความแค้นต่าง ๆ อย่างไรก็ให้บิดาอย่างพระองค์แบกรับไว้เอง ส่วนบุตรสาวแค่เป็นฝูเหรินนายอำเภอก็พอแล้ว !
จับแม่ทัพของอีกฝ่ายได้และยังยิงแม่ทัพใหญ่อีกนาย แบบนี้ชาวหุยเหอคงไม่กล้าโอหังแล้วกระมัง ? หมินอ๋องยกทหารให้รองแม่ทัพและแม่ทัพหลินดูแล ก่อนจะพาบุตรสาวและบุตรเขยกลับมาที่อำเภอหนิงซี…แม้จะเลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้ว แต่พระองค์ก็ยังมาทันได้เสวยเกี๊ยวกับพระชายา !
แม่ทัพหลิน “…” เหตุใดโยนทหารมาให้กระหม่อม ? กระหม่อมก็อยากฉลองปีใหม่พร้อมภรรยาและลูก ๆ เหมือนกัน ! หมินอ๋องจะต้องอยากล้างแค้นแน่นอน ! แก้แค้นที่บุตรสาวฉีกน่องกระต่ายมาให้เขาก่อน ! !
หลินเว่ยเว่ยกลับบ้านแสนอบอุ่นในที่ว่าการอำเภออีกครั้ง เวลานี้ฟ้าใกล้สางแล้ว หลังจากอาบน้ำอย่างง่าย ๆ แล้วนางก็ปีนขึ้นไปกอดสามีบนเตียง…
“ทำไม ? ยังโกรธอยู่หรือ ? ” แขนของหลินเว่ยเว่ยถูกเจียงโม่หานผลักออก ขณะมองแผ่นหลังที่ดูมีโทสะของบัณฑิตน้อย นางก็เกาศีรษะ…ทำให้สามีเด็กผู้สูงส่งโมโหแล้วควรทำอย่างไร ? ลองหยั่งเชิงไปก่อนแล้วกัน…
หลินเว่ยเว่ยไตร่ตรองอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งแล้วเอ่ยแก้ตัวว่า “ข้าไม่ได้ไปที่แนวหน้าจริง ๆ ข้ายืนอยู่ข้างฟู่หวางตลอด ข้าแค่ยิงธนูไม่กี่ดอกเท่านั้น…”
“ ‘แค่’ ยิงธนูไม่กี่ดอก ? เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก ? พุ่งออกไปแนวหน้าแล้วสังหารศัตรูอย่าง ‘กล้าหาญ’ กระมัง ? ” เจียงโม่หานพลิกตัวกลับมาอย่างกะทันหัน แต่เขาคาดไม่ถึงว่านางจะอยู่ใกล้ขนาดนี้ ใกล้จนเกือบชนกับส่วนอ่อนไหวในร่างกายของนางแล้ว เขาจึงขยับตัวออกห่างเล็กน้อย แต่พบว่าตนก็อยู่จนสุดขอบเตียงแล้วเช่นกัน จึงได้แต่ลุกขึ้นมานั่งด้วยความโมโห “เจ้ารู้หรือไม่ ถ้าพวกหุยเหอรู้ว่าเจ้าเป็นคนยิงแม่ทัพของพวกเขา แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? ”
อำเภอหนิงซีตั้งอยู่แถบชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ยากที่ในเมืองจะไร้สายลับของอีกฝ่ายแฝงตัวอยู่ แม้เด็กน้อยมีฝีมือไม่เลว แต่พยัคฆ์ก็มีวันหลับใหล ถ้าเกิด…เจียงโม่หานเกลียดที่ตัวเองต่อสู้ไม่เป็นและกลัวว่าจะปกป้องนางได้ไม่ดีพอ
หลินเว่ยเว่ยก็ลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับบัณฑิตน้อยด้วยท่าทางสำนึกผิด “บัณฑิตน้อย ท่านพี่ ท่านสามี…ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษได้หรือไม่ ? ท่านอย่าโมโหเลยนะ ! ”
เจียงโม่หานรู้สึกจนปัญญา…นางมักทำตัวแบบนี้เสมอ เวลายอมรับผิดช่างทำได้ดีจริง ๆ ทว่าคราวหน้าก็ยังทำอีก ! เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วถามว่า “คนที่รู้ว่าเจ้าเป็นคนยิง มีใครบ้าง ? ”
“ตอนนั้นฟ้ามืด…นอกจากรองแม่ทัพของฟู่หวางกับหลีชิงแล้วก็น่าจะไม่มีใครเห็นอีก อ้อ ตอนยิงทหารสองสามนายสุดท้ายมีทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่งเห็น แต่ฟู่หวางบอกกับกุนซือและแม่ทัพนายอื่น ๆ ว่าข้าศึกไม่กี่นายนั้นพระองค์เป็นคนยิงเอง ! ” หลินเว่ยเว่ยตอบคำถามอย่างว่านอนสอนง่าย
พอเจียงโม่หานได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นพอสมควร แต่เขาก็ยังหันไปถลึงตาใส่ภรรยา “ช่วงสองสามวันนี้ เจ้าอยู่แต่ในตัวอำเภอเท่านั้น หากมีธุระจำเป็นให้ออกไปก็ต้องพาหลีชิงและองครักษ์ไปด้วย ! เข้าใจหรือไม่ ? ”
“เข้าใจ แต่ว่า…เจ้ายกหลีชิงกับองครักษ์ให้ข้าแล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า…” หลินเว่ยเว่ยรู้ว่าตำแหน่งนายอำเภอของบัณฑิตน้อยไม่ได้มั่นคง ยังมีการหยั่งเชิงและลอบสังหารทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ช่วงหลายเดือนมานี้ก็เผชิญไม่น้อยเลย
เจียงโม่หานถอนหายใจแล้วจับมือนางไว้ “ทางข้า เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง มีอู๋หยงห่าวจากหมู่บ้านคนบาปอยู่ด้วย วรยุทธของเขาไม่แพ้หลีชิงเลย…”
“หืม ? อู๋หยงห่าวจากหมู่บ้านฝั่งตะวันตกน่ะหรือ ? คนผู้นี้จะเชื่อใจได้หรือไม่ ? คนในหมู่บ้านคนบาปต่างพูดว่าหมู่บ้านตะวันตกมีแต่ชนรุ่นหลังของพวกโทษกระทำความผิดร้ายแรงอยู่ทั้งนั้น…” หลินเว่ยเว่ยไม่วางใจจะยกให้คนพวกนั้นมาดูแลบัณฑิตน้อย
เจียงโม่หานลูบเส้นผมของนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “บรรพบุรุษมีโทษสถานหนักก็จริง แต่คนรุ่นหลังต้องเป็นคนเลวด้วยหรือ ? ถึงแม้อู๋หยงห่าวจะมีความพยศอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีมาก่อน ถ้าเขาอยากทำชั่วขึ้นมาจริง ๆ ด้วยฝีมือและความสามารถของเขา หมู่บ้านคนบาปไม่สามารถกักขังเขาไว้ได้หรอก ! ”
“ถ้าเช่นนั้น…ก็ตามใจเจ้า ! แต่พวกเราแบ่งองครักษ์กันคนละหนึ่งนาย…อย่าเพิ่งพูด ฟังข้าพูดให้จบก่อน…ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วง แต่ข้าก็เป็นห่วงเจ้าเช่นกัน ! ” ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของสามี
เจียงโม่หานกอดเอวนางไว้หลวม ๆ เขาปฏิเสธไม่ออก “ถ้าเช่นนั้น…เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะไม่ออกไปนอกอำเภอหนิงซี โดยเฉพาะห้ามไปที่ค่ายทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด”
“ได้…แต่ข้าต้องไปที่เมืองหนิงโจวสักหน่อย คนที่ฮ่องเต้ส่งมาให้ข้า แค่ดูแลเรื่องสร้างตำหนักองค์หญิงให้เท่านั้น แต่ข้าอยากซื้อที่ดินในอำเภอหนิงซีเพิ่มอีกหน่อยเพื่อใช้เป็นที่เพาะปลูกข้าวโพด สร้างเมล็ดข้าวโพดที่ให้ผลผลิตสูงวางขายไปทั่วภาคตะวันตกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ! ” ต้องทราบก่อนว่าราคาเมล็ดพันธุ์สูงยิ่งกว่าราคาข้าวสาร เมล็ดข้าวโพดสีเหลืองทองจึงกลายเป็นภูเขาเงินภูเขาทองในสายตาของหลินเว่ยเว่ย !
เจียงโม่หานหัวเราะ “ได้ ! เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ให้เพียงพอสำหรับที่ดินศักดินาของเจ้า ส่วนที่เหลือค่อยแบ่งให้ชาวบ้านที่ใช้แรงงานแลกกับเมล็ดพันธุ์ ถ้าไม่พอก็ให้ครอบครัวที่ยากลำบากก่อน…”
หลินเว่ยเว่ยถอนหายใจเบา ๆ “ชาวบ้านในอำเภอหนิงซีมีใครไม่ลำบาก ? โดยเฉพาะชาวบ้านในหมู่บ้านคนบาป…ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเขาใช้ชีวิตกันมาได้อย่างไร…”
เจียงโม่หานลูบเส้นผมของเด็กสาวด้วยจิตใจอันสงบนิ่ง ตอนที่ภาคเหนือเผชิญภัยแล้งเมื่อชาติก่อน ชาวบ้านที่มีชีวิตน่าอนาถกว่าหมู่บ้านคนบาปยังมีอีกมาก หมู่บ้านฉือหลี่โกวต้องเผชิญกับภัยแล้งและโจรบุกปล้น ชาวบ้านเหลือแค่หนึ่งในสิบส่วน…หลังจากเด็กน้อยหายเป็นปกติแล้ว ไม่เพียงช่วยทำให้ชีวิตคนตระกูลหลินดีขึ้น ยังทำให้คนทั้งหมู่บ้านมีกินมีใช้ตามไปด้วย นอกจากนี้ยังบรรเทาภัยพิบัติในภาคเหนือได้อย่างทันท่วงที พอลองคิดแล้วเด็กน้อยจึงยังไม่เคยเห็นสภาพที่น่าอนาถกว่านี้จริง ๆ