หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 627 เลือกปฏิบัติเกินไปหน่อยกระมัง
ตอนที่ 627 เลือกปฏิบัติเกินไปหน่อยกระมัง
เอาเถิด ! ฆ่าไม่ได้ก็ไม่ฆ่า ถ้าวัวเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่อยขายให้พวกชาวบ้านในราคายุติธรรม สมัยก่อนต้องใช้เงินเกือบ 20 ตำลึงถึงจะซื้อวัวได้หนึ่งตัว แต่ทางฝั่งฝูเหรินนายอำเภอ แค่ 10 ตำลึงก็ซื้อได้หนึ่งตัวแล้ว…ประหยัดเงินไปตั้งครึ่งหนึ่ง ! ถ้าซื้อลูกวัวก็จะยิ่งถูกลงอีก
พวกแกะตัวอวบอ้วนได้รับความนิยมจากชนชั้นสูง คนที่มีปัญญาหน่อยก็จะซื้อแกะจากฟาร์มฝูเหรินนายอำเภอแล้วนำไปขายที่ตัวเมืองหรือตัวอำเภอ กำไรต่อรอบได้เยอะใช่เล่น !
สำหรับผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้ในโถกระเบื้อง ล่าฉาง เนื้อแผ่นและสินค้าอื่น ๆ ของอำเภอหนิงซีจะมีรสชาติดีแถมเก็บรักษาได้นาน ชื่อเสียงจึงค่อย ๆ โด่งดัง มีพ่อค้าต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยมาสั่งจอง
อำเภอหนิงซีที่เคยล้าหลังจึงได้กลับมามี ‘ชีวิต’ อย่างสมบูรณ์
ณ ตัวอำเภอ พ่อค้าแห่แหนมาจากทั่วทุกสารทิศ คนเดินกันขวักไขว่ รถม้าก็ต่อขบวนกันเข้ามาไม่ขาดสาย เมื่อมีพ่อค้าแม่ขายมาเยือนมากมาย กิจการโรงเตี๊ยมและร้านอาหารก็เริ่มเปิดตัว เมื่อกิจการร้านอาหารเริ่มต้นขึ้น ผู้คนก็กระตือรือร้นที่จะเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดและปลูกผักไปขาย…ชีวิตของชาวบ้านในอำเภอหนิงซีจึงเปลี่ยนไปจากสามปีก่อนโดยสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกัน ที่ดินศักดินาเมืองหนิงโจวของหลินเว่ยเว่ยก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเพราะนาง…เมืองหนิงโจวกลายเป็นศูนย์กลางการค้าเมล็ดพันธุ์ของภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าวโพด 600 ชั่งต่อหมู่ ข้าวสาลีมีผลผลิตถึง 300 ชั่ง ข้าวขาวที่สามารถปลูกในแดนเหนือ…ก็สามารถหาซื้อได้ในเมืองหนิงโจว !
ขันทีฝูหรงกลายเป็นคนฝีมือดีในการทำการเกษตร ไม่ว่าจะพูดถึงการเพาะปลูกอะไร เขาก็พูดได้อย่างคล่องแคล่ว นับตั้งแต่ไถพรวนที่ดินไปจนถึงหว่านเมล็ด ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช…เขาก็อธิบายได้หมด
เดิมที ตอนถูกส่งมาจากวังหลวง เขายังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แต่ตอนนี้ขณะมองท้องทุ่งอันเต็มไปด้วยผลผลิตและท้องฟ้าสีครามเหนือศีรษะ…เมื่อเทียบกับวังหลวงที่มีเพียงท้องฟ้าสี่มุมภายใต้กำแพงและยังต้องคอยเอาใจเจ้านายทั้งหลาย เพียงเดินผิดแค่ก้าวเดียวก็ถลำลึกจนยากจะแก้ไขแล้ว ชีวิตอันตรายกว่ากันเยอะ !
น่าเสียดายที่สุดท้ายชีวิตแบบนี้มาถึงจุดสิ้นสุด…องค์หญิงเว่ยเว่ยตรัสว่าจะคืนเมืองหนิงโจวให้ฮ่องเต้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว สิ่งที่นางทำมาทั้งหมดในเมืองหนิงโจวจะไม่เท่ากับสร้างผลงานแทนคนอื่นหรอกหรือ ?
“เมียจ๋า ลูกจ๋า ! เก็บของกันถึงไหนแล้ว ? รถม้าพร้อมแล้ว ! ” หมินอ๋องยืนตะโกนอยู่หน้าประตูใหญ่ คนยังไม่ทันเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เสียงก็มาก่อนแล้ว
หมินหวางเฟยกลอกดวงเนตรใส่ “รอเดี๋ยวเพคะ ขอคิดก่อนว่ายังมีอะไรไม่ได้เอาไปด้วย ? อย่าเร่ง เพราะยิ่งรีบยิ่งลืม ! ”
“ขอแค่ครอบครัวอยู่ครบ ของอะไรจะลืมก็ลืมไปเถิด ! ” หมินอ๋องทอดพระเนตรสัมภาระคันแล้วคันเล่าจึงรู้สึกเริ่มปวดหัวและบ่นในหทัยว่า ‘ผู้หญิงนี่ยุ่งยากกันจริง ๆ ไม่เหมือนพวกผู้ชาย เสื้อผ้าสองชุดและพกเงินอีกเล็กน้อยก็ออกเดินทางได้แล้ว’
“ดอกไม้สองสามต้นนั้น เว่ยเว่ยขุดมาให้หม่อมฉันจากป่าลึก…ไม่ได้ จะต้องเอาพวกมันไปด้วย ! ” หมินหวางเฟยชอบกล้วยไม้ป่าเหล่านี้มาก นางไม่อยากให้ฝูเหรินนายอำเภอหรือนายอำเภอคนถัดไปได้ครอบครองง่าย ๆ
หมินอ๋องปวดหัวทันที ‘ว่าอย่างไรนะ ? แม้แต่ดอกไม้ก็ยังจะเอาไปด้วย ? เรือนหลังที่ว่าการอำเภอก็จะขุดไปด้วยหรือเปล่า ? ’ พระองค์รีบตรัส “ก็แค่ดอกกล้วยไม้ธรรมดาไม่กี่ต้น พอไปถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าจะซื้อดอกไม้ล้ำค่าให้เจ้า ปลูกให้ตำหนักเราเต็มไปด้วยดอกไม้เลย ! ”
“พระองค์ซื้อ จะเหมือนของที่เว่ยเว่ยให้พวกเราหรือเพคะ ? หลีกไป อย่ามาขวางทางคนอื่น ! ” หมินหวางเฟยพำนักอยู่ในเรือนหลังที่ว่าการอำเภอเกือบ 3 ปี จากตอนแรกที่ไม่เคยชิน บัดนี้กลายเป็นเหมือนปลาได้น้ำไปแล้ว…ตอนนี้ต้องย้ายออกไป นางยังรู้สึกทำใจไม่ค่อยได้อยู่ดี !
หมินอ๋องสั่งให้คนย้ายดอกไม้พวกนั้นใส่กระถาง ก่อนจะอดเตือนไม่ได้ “ดอกไม้พวกนี้เพิ่งย้ายใส่กระถาง กอปรกับการเดินทางอีก มันอาจจะไม่รอด เจ้ายืนยันจะทำแบบนี้จริงหรือ ? ”
“หมู่เฟย ฟู่หวาง เรียบร้อยกันหรือยังเพคะ ? ” หลินเว่ยเว่ยรับกระถางดอกไม้มาจากหมินหวางเฟย ก่อนจะนำไปวางไว้ที่หลังรถม้า “ออกเดินทางกันได้หรือยัง ? ถ้ายังไม่ไปอีก ฟ้ามืดแล้วเราก็ยังไม่ถึงท่าเรือเมืองหนิงโจวนะเพคะ”
“ได้ ไปกันเถิด ! ” หมินหวางเฟยถูกหลินเว่ยเว่ยประคองขึ้นรถม้า หมินอ๋องปวดหทัยทันที ‘ข้าพูดอยู่ค่อนวัน นางไม่ฟัง บุตรสาวมาถามแค่ประโยคเดียว ภรรยาก็ยอมออกเดินทางแล้ว…พระชายา เจ้าเลือกปฏิบัติเกินไปหน่อยกระมัง ! ’
เมื่อรถม้าของเจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยมาถึงท่าเรือ พวกนางก็ต้องตกใจเพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนจากหมู่บ้านคนบาป…ไม่สิ ตอนนี้เรียกว่าหมู่บ้านอันหนิง (สุขสงบ) แล้ว ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ก็คือ…ผู้อาวุโสเฉิน “นายอำเภอเจียง พวกเรามาส่งท่านขอรับ ! ” ขณะพูด เขาก็เดินเข้ามาจะคุกเข่าคารวะเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานเดินเข้าไปประคองตัวเขาไว้แล้วทำมือคารวะราษฎรที่อยู่โดยรอบ “น้ำใจของทุกท่าน ข้ารับไว้แล้ว ตรงท่าเรือลมแรง พวกท่านรีบกลับไปเถิด ! ”
ผู้อาวุโสเฉินเป็นผู้นำ ‘ปวงชนล้นหลาม’ มาส่งเขา “ท่านนายอำเภอเจียง ท่านเป็นดาวนำโชคของหมู่บ้านอันหนิงของพวกเรา เป็นนายเหนือหัวของพวกเราชาวตะวันตกเฉียงเหนือทั้งปวง ท่านส่งเสริมให้แผ้วถางที่ดิน ขุดคลองสร้างระบบชลประทาน ปรับปรุงเครื่องมือการเกษตร…ทำให้คนที่เคยอดมื้อกินมื้อได้มีที่นาเป็นของตัวเอง มีอาหารไว้ประทังชีวิตและไม่ต้องทนหิวโหยอีกต่อไป…พวกเราชาวตะวันตกเฉียงเหนือไม่มีอะไรจะตอบแทน มีเพียงหัวใจที่บริสุทธิ์ ขอน้อมส่งท่านนายอำเภอเดินทางไกลหลายพันลี้และขอให้ท่านได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปขอรับ ! ”
ภายใต้แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิยังมีลมหนาวอยู่พอสมควร เจียงโม่หานจึงบอกให้พวกชาวบ้านกลับไปอีกครั้ง แต่ยังไม่มีใครขยับตัวเลยสักคน ไม่เพียงแค่ราษฎรของอำเภอหนิงซีเท่านั้น แม้แต่ชาวบ้านจากอำเภออื่นก็เดินทางมาส่งด้วยเช่นกัน เนื่องจากในใจของพวกราษฎรคือขุนนางตงฉินและมีใจทำเพื่อราษฎรอย่างนายอำเภอเจียงมีอยู่ไม่มากนัก เขาและภรรยานำความมีชีวิตชีวาและความหวังมาให้ชาวตะวันตกเฉียงเหนือ !
“ท่านฝูเหรินนายอำเภอ ท่านไปแล้ว ฟาร์มปศุสัตว์และศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์ในอำเภอหนิงซีจะยังเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่ขอรับ ? ” สิ่งที่ชาวบ้านเหล่านี้คิดเห็นตรงกันคือภรรยานายอำเภอทำการเกษตรได้เก่งจริง ๆ เมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมาจากทางการก็ให้ผลผลิตสูงกว่าเมล็ดพันธุ์ที่พวกชาวบ้านเก็บไว้เองมาก และยังไม่โดนแมลงกินหรือเป็นโรคง่ายอีกด้วย นอกจากนี้ราคายังใกล้เคียงกับท้องตลาด…พวกเขาจึงกังวลว่าถ้านายอำเภอคนใหม่มาเข้ารับตำแหน่งแล้ว ศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์จะกลายเป็นช่องทางหากำไรอย่างหนึ่ง
หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังองค์ชายเจ็ดที่รั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือนานกว่าครึ่งปีแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจได้ ! ศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์เป็นของต้าเซี่ยและของราษฎรเช่นกัน ! ต่อไปราชสำนักจะส่งคนมาดูแลโดยเฉพาะ หลังจากข้าและนายอำเภอกลับไปแล้ว องค์ชายเจ็ดจะยังอยู่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือต่อ ไม่มีใครกล้าทำตัววางอำนาจในอำเภอหนิงซีแน่นอน ! ”
พอชาวบ้านได้ยินกันแบบนั้นแล้ว หัวใจก็เหมือนหลุดพ้นจากพันธนาการของหินก้อนโต พวกเขาต่างแสดงความเคารพต่อหลินเว่ยเว่ยและองค์ชายเจ็ดอย่างสูงสุด
“ศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์ที่อำเภอหนิงซีและเมืองหนิงโจวเป็นเลือดเนื้อของข้ากับนายอำเภอ ต่อไปนี้ ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ขอแค่มีเมล็ดพันธุ์ชนิดใหม่ก็จะถูกส่งมาจัดจำหน่ายที่ศูนย์หนิงซีและหนิงโจว ราคายังเหมือนเดิม ! ” คำพูดของหลินเว่ยเว่ยสร้างเสียงปรบมือแห่งความอุ่นใจและมีความสุขของราษฎรไปอีกนานแสนนาน…
แม้เรือที่เจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยเคลื่อนออกจากฝั่งจนแล่นไปไกลและไม่เห็นเงาแล้ว ราษฎรที่อยู่บนท่าเรือก็ยังไม่ยอมจากไป…
องค์ชายเจ็ดทอดถอนหทัย “หากต้าเซี่ยมีขุนนางที่เก่งเหมือนเจียงโม่หานเพิ่มอีกหลายคน ไฉนเลยจะต้องกังวลว่าต้าเซี่ยไม่เจริญรุ่งเรืองอีก ? แต่ถึงแม้ขุนนางคนอื่นจะเก่งกาจเพียงใดก็เป็นเหมือนเขาไม่ได้ เนื่องจากเขามีภรรยามากความสามารถคอยช่วยเหลือ ทั้งสองช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า ! ”