หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 634 โดนรังแกมาหรือ? ข้าช่วยอัดเขาแทนเจ้า
ตอนที่ 634 โดนรังแกมาหรือ? ข้าช่วยอัดเขาแทนเจ้า
ผู้ตรวจการซุ่นเทียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ใต้เท้าเจียงเป็นคนหนุ่มมากความสามารถ องค์หญิงไม่ต้องถ่อมตนหรอกพ่ะย่ะค่ะ…กล่าวถึงโจโฉ โจโฉก็มา ใต้เท้าเจียง นี่ท่าน…ไปคลุกเตาถ่านมาหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยก็เห็นผมเผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเจียงโม่หานจึงพูดด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป ? โดนคนรังแกมาหรือ ? ผู้ใด ? บอกข้ามา ประเดี๋ยวข้าช่วยอัดเขาแทนเจ้า ! ” หลังจากพูดจบ นางก็กวาดสายตาไม่สบอารมณ์ไปยังเจ้าหน้าที่ของเขตปกครองซุ่นเทียนที่ออกมาดูเรื่องสนุกกันที่ลาน
เจียงโม่หานใช้ผ้าขนหนูในมือปัดผมสองสามครั้ง ก่อนจะหันไปมองภรรยาด้วยรอยยิ้ม “สหายในที่ทำการซุ่นเทียนใจดีกับข้าทั้งนั้น ไม่มีใครรังแกข้าเลย ข้าเพิ่งไปหาพวกเอกสารเก่ามา ! เหตุใดเจ้าจึงมาด้วยตัวเอง ? คราวหน้าให้บ่าวในเรือนมาส่งก็ได้แล้ว”
“ข้าว่างจึงมาอยู่เป็นเพื่อนกินข้าวเที่ยงกับเจ้า วันนี้ข้าทำซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานกับผัดหมูทอดกรอบที่เจ้าชอบมาให้ หิวแล้วกระมัง ? รีบไปล้างมือ…” ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ถือกล่องอาหารไปที่ห้องทำงานของเจียงโม่หาน
ในเวลานี้ พวกบ่าวรับใช้ของขุนนางคนอื่นก็นำอาหารมาส่งเช่นกัน เจียงโม่หานพยักหน้าให้ผู้ตรวจการซุ่นเทียน ก่อนจะเดินตามภรรยาไปยังห้องทำงาน…ทำงานมาทั้งเช้า เริ่มหิวแล้วจริง ๆ นั่นแหละ !
ทางจวนของผู้ตรวจการซุ่นเทียนก็นำอาหารกลางวันมาส่งเช่นกัน…อาหารแบบนั้น เขากินจนเบื่อแล้ว พ่อครัวทำอาหารไม่ค่อยได้เรื่อง หลังปรับเปลี่ยนให้หลากหลายแต่ก็ยังเป็นอาหารไม่กี่อย่างนั้นอยู่ดี แม้อาหารจะอร่อยขนาดไหน แต่ถ้ากินมาหลายสิบปีแล้วก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง ! เขาอยากกินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานเรียกน้ำย่อยและอยากกินผัดหมูทอดกรอบที่กรอบนอกนุ่มใน…อยู่ห่างกันขนาดนี้ เขายังได้กลิ่นอาหารที่องค์หญิงเว่ยเว่ยนำมาเลย !
หลินเว่ยเว่ยมองเอกสารที่กองเต็มโต๊ะทำงาน หลังวางกล่องอาหารยังมุมหนึ่งอย่างระมัดระวังแล้วก็เริ่มเก็บเอกสารพร้อมชุนซิ่งให้เหลือที่ว่าง ก่อนจะนำอาหารออกมาวางทีละจาน “รองผู้ตรวจการเจียง เป็นอย่างไรบ้าง ? ทำงานในเขตปกครองซุ่นเทียนวันแรก รู้สึกอย่างไร ? ”
“เช้าวันนี้ก็มัวแต่หาเอกสารพวกนี้ เจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร ? ” เจียงโม่หานตักข้าวใส่ชาม หลังวางชามไว้ตรงเบื้องหน้าหลินเว่ยเว่ยแล้วเขาก็ตักให้ตัวเอง
หลินเว่ยเว่ยล้างมือ จากนั้นคีบซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานให้บัณฑิตน้อยพลางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ของพวกนี้เป็นเอกสารอะไรกัน เหตุใดต้องรีบหาขนาดนี้ ? ถ้าอย่างไร…ตอนบ่ายให้เฉินหยุนมาช่วยดีหรือไม่ ? ”
บรรพบุรุษของเฉินหยุนเป็นขุนนางขั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมหรือศาสตร์ตัวเลขก็ไม่เลวทั้งนั้น ตอนอยู่ที่อำเภอหนิงซียังได้เรียนเลขอารบิกและการเขียนสถิติแบบตารางกับเจียงโม่หาน เวลาเรียกใช้งานจึงสะดวกยิ่งกว่าซัวถัว ก่อนกลับมาเจียงโม่หานได้ถามความเห็นจากเขาถึงได้พามาด้วย
“ไม่ต้องหรอก รอให้ข้าจดบันทึกข้อมูลเสร็จแล้วค่อยกลับไปทำเป็นตารางสถิติอีกที” ในที่ทำการซุ่นเทียนมีคนว่างงานไม่น้อย อย่างไรเขาก็ไม่ควรพาคนนอกมาทำงาน…คนที่ไม่รู้คงได้เข้าใจผิดว่าเขาอยากให้ท้ายเฉินหยุนมาแย่งงานของพวกเจ้าหน้าที่ในซุ่นเทียน !
หลินเว่ยเว่ยใช้ช้อนตักยำเต้าหู้ขาวไข่เยี่ยวม้าให้เขา จากนั้นค่อยคีบผักกวางตุ้งที่ผัดใส่เห็ดเข้าปากตัวเอง หลังกลืนลงไปแล้วนางก็พูดกับเจียงโม่หานต่อ “เช้าวันนี้ฮองเฮาเรียกข้าเข้าวัง ถามว่าอยากสร้างศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์อะไรที่เมืองหลวงหรือเปล่า และยังตรัสถึงไร่ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้พระนางว่ามีเนื้อที่หลายพันหมู่ ด้านหลังยังมีภูเขารกร้างและยังเน้นว่าภูเขาลูกนี้อยู่ติดกับไร่ที่หมู่เฟยยกให้เป็นสินเดิมแก่ข้า…บัณฑิตน้อย เจ้าคิดว่าฮองเฮาหมายความเช่นไร ? คิดอยากทำการค้าเมล็ดพันธุ์กับข้าหรือ ? ”
เจียงโม่หานเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เจ้าไม่ได้ขนเมล็ดพันธุ์พวกนั้นมาจากตะวันตกเฉียงเหนือด้วยหรือ ? เช่นนั้นก็ขายให้เกษตรกรผู้ดูแลไร่ ส่วนเรื่องปลูกกับเรื่องดูแล เจ้าหาคนไปดูหน่อย นอกนั้นไม่ต้องไปยุ่งอะไร”
ถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่ดินเหล่านั้นน่าจะเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ฮองเฮาหมายจะยกให้รัชทายาท ต้าเซี่ยอยู่ในช่วงต้นรัชสมัย มีปัญหานับพันนับหมื่นให้แก้ไข ไม่เพียงคลังหลวงว่างเปล่า แต่เงินในกระเป๋าขององค์ชายเหล่านั้นก็ยังไม่มี ! ฮองเฮากำลังทำเพื่อองค์รัชทายาท !
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “น่าเสียดาย ! หากที่ดินผืนนั้นไม่ใช่ของฮองเฮา พวกเราจะได้ซื้อไว้แล้วสร้างศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์ให้เหมือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ! แต่ไม่เป็นไร ข้าวต้องกินทีละคำ ที่ดินก็ค่อย ๆ ซื้อทีละหมู่ ! ข้าคิดว่าจะปลูกข้าวสาลีที่ปรับปรุงพันธุ์ใหม่แล้ว แม้ข้าวโพดจะให้ผลผลิตสูง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแค่ธัญพืชหยาบ ในเมืองหลวงมีคนรวยมากมาย หากปลูกข้าวสาลีก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีช่องทางขาย ! ”
เจียงโม่หานยกยิ้มมุมปาก แต่ไม่ได้ทำลายความฝันอันงดงามของนาง…ถ้านางสร้างเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีให้ผลผลิตสูงขึ้นมาได้จริง ฮ่องเต้จะปล่อยให้นางเอาไปขายแบบเมล็ดพันธุ์ทั่วไปได้อย่างไร ? แต่ก็ดีเหมือนกัน ราคาเมล็ดพันธุ์แพงกว่าราคาข้าวสารนับ 10 เท่า หัวใจของเด็กหน้าเงินตัวน้อยจะได้พองโตอีกครั้ง !
เขามองเด็กน้อยด้วยความรักใคร่ พร้อมกันนั้นยังเผยรอยยิ้มที่ทำให้หลินเว่ยเว่ยลุ่มหลงอีกด้วย “เว่ยเอ๋อร์ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเลย ข้าจะคอยเป็นโล่กำบังให้เจ้าเอง ! ”
“บัณฑิตน้อย เจ้าดีเหลือเกิน ! เจ้าเองก็ทำงานได้อย่างสบายใจ เพราะข้าจะพยายามเป็นสตรีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบุรุษ ทำให้เจ้าประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องกังวลเรื่องใด !…ชน ! ” หลินเว่ยเว่ยคีบซี่โครงหมูขึ้นมาชนกับชิ้นที่อยู่ในตะเกียบของเขา
เจียงโม่หานกินซี่โครงหมูชิ้นนั้นด้วยรอยยิ้ม อาหารสี่แกงหนึ่งอย่างที่หลินเว่ยเว่ยเอามา ไม่ถือว่ามีปริมาณมากสักเท่าไร สองสามีภรรยาคุยไปพลางกินไปด้วย ไม่นานก็กินจนหมด หลินเว่ยเว่ยนำจานอาหารใส่กล่องอีกครั้ง ก่อนจะกลับออกไปก็ยังพูดว่า
“เมื่อวานข้าเจอกุ้งมังกรน้อยแถวลำธารข้างที่ดินตั้งมากมายเชียวล่ะ ตอนบ่ายไม่มีอะไรแล้วข้าว่าจะไปจับกลับมา…จริงสิ กุ้งมังกรน้อยก็คือกุ้งก้ามแดงที่เรากินในภาคเหนือ สามารถเอาไปทำเป็นรสหม่าล่า รสห้าเครื่องเทศและรสกระเทียมได้ด้วย ประเดี๋ยวเย็นนี้จะทำให้เจ้ากิน เจ้าอยากกินแบบไหน ? ”
“แบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่เจ้าเป็นคนทำ ข้าชอบทั้งหมด ! ” ตอนอยู่ที่ฉือหลี่โกว เจียงโม่หานเคยกินกุ้งก้ามแดงผัดไฟแดงครั้งหนึ่ง รสชาติสุดยอดไปเลย
หลังจากหลินเว่ยเว่ยออกไปแล้ว เจียงโม่หานก็เริ่มก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองเอกสารพวกนั้น พู่กันขนห่านในมือขยับตลอดทั้งบ่าย แค่ข้อมูลต่าง ๆ ก็จดไปหลายหน้ากระดาษแล้ว ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าการจดบันทึกสถิติในสมัยก่อนยุ่งยากเกินไป ไม่เพียงอ่านแล้วเนื้อหาไม่ค่อยชัดเจน แต่คนที่มาตรวจสอบยังต้องเปลืองแรงมากด้วย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงนึกถึงแรงบันดาลใจที่ได้จากภรรยา วิธีสรุปออกมาเป็นสถิติ แม้ว่าเขาเคยเสนอมันในราชสำนักแต่ไม่ได้รับความสำคัญ ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นเขาจะเป็นคนผลักดันให้แพร่หลายเอง !
หลินเว่ยเว่ยพาชุนซิ่งและชิงหลิ่วขี่ม้าไปที่ไร่ซึ่งหมินหวางเฟยยกให้นางเป็นสินเดิม มันตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลนัก พูดกันว่าไร่นี้กับไร่ของฮองเฮาที่อยู่ติดกันเป็นของขุนนางโฉดในราชวงศ์ก่อนคนหนึ่ง เมื่อฮ่องเต้ยกทัพมายึดเมืองหลวงแล้วก็สั่งประหารขุนนางคนนั้นแล้วริบทรัพย์สินทั้งหมด ที่ดินผืนนี้จึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกพระราชทานให้หมินหวางเฟย ส่วนที่สองถูกเก็บไว้ให้ฮองเฮา…
เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง หลินเว่ยเว่ยก็ออกคำสั่งให้คนดูแลไร่ไถพรวนที่ดินนับพันหมู่ นางวางแผนว่าจะใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งปลูกข้าวโพด อีกส่วนแบ่งปลูกข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิ ! จากนั้นก็ลำเลียงน้ำลงจากบนเขาแล้วทดลองปลูกข้าวขาวสักสองสามหมู่…ข้าวอันหอมกรุ่นในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณของนางต้องถูกนำออกมาให้เพลิดเพลินบ้างแล้ว !