หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 64 ทำตัวเป็นบุตรกตัญญู
ตอนที่ 64 ทำตัวเป็นบุตรกตัญญู
ซาลาเปาที่ไส้เติมน้ำมันพริกลงไปและแป้งซาลาเปาที่นุ่มเป็นพิเศษ กลิ่นหอมเผ็ดของไส้อร่อยถูกปาก แม้ว่าจะเป็นซาลาเปาไส้ผักป่าธรรมดาทั่วไป แต่เจียงโม่หานก็หยุดทานไม่ได้ เขาทานซาลาเปาใหญ่เท่าขอบชามใบนี้ลงไปถึงสามลูกในไม่กี่อึดใจ หลินเว่ยเว่ยที่แอบลดน้ำหนักอยู่ยังทานมากกว่าเขาไปหนึ่งลูก !
นางเฝิงเห็นแล้วก็ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า ทานลงไปมากเพียงนี้ อาหารที่ตุนไว้ในครัวคงทานได้อีกมากสุดก็สองสามวัน ไม่แปลกเลยที่พูดกันว่าเด็ก ๆ กัดกินคนแก่ที่น่าสงสาร หากทานเช่นนี้ทุกวัน ผู้ใดจะไปเลี้ยงไหว !
น้าเฝิง รอให้ผลชิงป่าอบแห้งของเราทำเสร็จแล้ว เงินที่หามาได้ก็เอาไปซื้ออาหาร ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีกินหรอก ! หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าสองชราข้างบ้านไม่ได้มาทานซาลาเปา นางจึงยกซาลาเปาห้าลูกใหญ่ไปให้
ย่าเถียนกำลังโกรธสามีกับบุตรชายอยู่ นางจึงไม่ยอมทานข้าวเย็นสักคำ แต่พอเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยเอาซาลาเปามาให้ สีหน้าของนางก็กลับมาสดใสทันที ยังคงเป็นต้านเอ๋อร์ของเราที่รู้ใจ รู้ว่าแม่กำลังหิว ไม่เหมือนพี่ใหญ่ของเจ้า รู้แต่ทำให้แม่โกรธ !
หลินเว่ยเว่ยใช้ผ้าเช็ดหน้าเปียกเช็ดมือให้อีกฝ่ายพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า ลองชิมซาลาเปาไส้ผักป่าที่ข้าทำสิ ข้างในใส่กากหมูด้วย หอมมากเลย !
ย่าเถียนหยิบซาลาเปาขึ้นมาแล้ววางกลับอีกครั้ง เจ้าเอาซาลาเปาลูกใหญ่ขนาดนี้มาให้มากมาย สามีกับบ้านสามีของเจ้าไม่ว่าหรือ ?
ข้าหาเงินซื้อแป้งเอง ผักป่าข้าก็เป็นคนขึ้นเขาไปเก็บมาเอง ไม่มีผู้ใดกล้าว่าข้าหรอก ท่านวางใจแล้วทานเถิด ! หลินเว่ยเว่ยหยิบซาลาเปาอุ่นกำลังดีขึ้นมาหนึ่งลูกแล้ววางลงในมือของอีกฝ่าย
ย่าเถียนยิ้มแล้วกล่าวว่า ต้านเอ๋อร์ของเราเก่งจริง ! แต่ว่าแม่จะให้เจ้าเสียเปรียบไม่ได้ ในครัวมีแป้งอยู่เยอะ อีกประเดี๋ยวเจ้าก็เอากลับไปด้วย !
หลินเว่ยเว่ยยิ้มพร้อมส่ายหน้า ไม่ต้องหรอก ที่บ้านเรายังเหลือข้าวกับเสบียงอีกมากเลย !
เมื่อสนทนากับย่าเถียนได้อีกสักพัก หลินเว่ยเว่ยก็บอกลา เถียนฟู่กุยจึงถือโอกาสกล่าวว่า ท่านแม่ขอรับ ท่านอยู่ที่นี่น้องหญิงต้องเลี้ยงดูท่าน ตอนนี้ข้าวยากหมากแพง นานไปทางบ้านสามีของนางคงไม่ยอม ด้วยเหตุนี้อาจมีความขัดแย้งตามมาหรือไม่ ? ท่านไปอยู่กับข้าในเมืองดีกว่า หากคิดถึงก็รับนางกลับมาอยู่ด้วยสักวันสองวัน ท่านว่าอย่างไร ?
ย่าเถียนไม่แสดงสีหน้าใดออกมา นางได้แต่ฟังคำพูดของบุตรชาย เช่นนั้น…ก็ได้ ! พวกเราตกลงกันแล้วว่าต่อไปต้องรับน้องหญิงมาอยู่ในเมืองด้วยบ่อย ๆ นะ !
บัดนี้หินก้อนใหญ่ในใจของเถียนฟู่กุยได้ร่วงหล่น เขาจึงกล่าวออกมาอย่างสบายใจว่า ได้สิขอรับ ! ต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่าน ท่านให้ข้าทำอันใด ข้าก็จะไม่หลบเลี่ยงอย่างแน่นอน
พอถึงในเมือง ไม่แน่ว่าสักสองวันท่านแม่ก็คงลืมทุกอย่างไปหมด ! อีกอย่างถ้าเขามารับจริง หลินเว่ยเว่ยก็อาจจะไม่ไป !
ย่าเถียนตัดสินใจย้ายเข้าไปในเมือง นางรีบเก็บข้าวของโดยเอาของที่ใช้ได้กับใช้ไม่ได้ทั้งหมดส่งมาไว้ที่บ้านของหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยไหนเลยจะกล้ารับไว้ นางปฏิเสธไม่รับของ คนหนึ่งยืนยันจะให้ อีกคนก็ยืนยันว่าจะไม่รับ ทั้งสองยืนกรานไม่ยอมกันอยู่นาน สุดท้ายเถียนฟู่กุยเห็นว่ามารดาเริ่มเช็ดน้ำตาจึงรีบกล่าวว่า เก็บไว้เถิด ! เจ้ามีบุญคุณต่อครอบครัวของเรา หรือว่ามันไม่คุ้มกับธัญพืชไม่กี่ชั่งนี้หรือ ?
ย่าเถียนถลึงตามองเจียงโม่หานที่อยู่ในลานบ้านแล้วกล่าวกับหลินเว่ยเว่ยว่า เสื้อผ้าของเจ้าขาดหลุดลุ่ยไม่เข้ารูป แม้สีของเสื้อผ้าเหล่านี้ไม่เหมาะกับสตรีเช่นเจ้า แต่ทั้งหมดก็เป็นของใหม่ เจ้าลองเอาไปแก้ทรงและเอาไว้ใส่เวลาออกนอกบ้าน
เจียงโม่หานงุนงงที่โดนถลึงตาใส่ ‘เด็กอ้วนจะใส่อันใดแล้วมันเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร ? ’
หลินเว่ยเว่ยหอบเสื้อผ้าแล้วอธิบายว่า ข้าต้องขึ้นเขาทุกวัน สวมเสื้อผ้าเก่าถ้าขาดเป็นรอยก็ไม่เสียดาย
เอาล่ะ แม่เข้าใจดี ! ต้านเอ๋อร์ เจ้าอย่าเสียดายที่จะทานหรือสวมใส่อะไร อย่าได้อุทิศตนเป็นวัวเป็นม้าให้ผู้ใดจนทำร้ายร่างกายตนเอง แล้วผู้ใดจะเป็นทุกข์กับเจ้า ? ต้านเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าเมืองหาแม่บ่อย ๆ แม่จะเก็บของดีไว้ให้เจ้า พูดไปพูดมาย่าเถียนก็สะอึกสะอื้น ทันใดนั้นนางก็กอดหลินเว่ยเว่ยแล้วร้องไห้ ต้านเอ๋อร์ แม่ทำใจจากเจ้าไม่ได้…
หลินเว่ยเว่ยและเถียนฟู่กุยชักแม่น้ำทั้งห้ามาโน้มน้าวจึงสามารถโน้มน้าวนางได้ เช้าวันต่อมา หลินเว่ยเว่ยมอบเค้กที่ทั้งหอมและกรอบเหมาะสำหรับคนแก่ให้ย่าเถียนไป 2 ก้อน จากนั้นก็ส่งนางออกจากหมู่บ้าน รอจนลับตาจึงกลับเข้ามา
เจียงโม่หานที่ทานข้าวเช้าเสร็จแล้วตั้งใจว่าจะขึ้นเขา พอเห็นนางจึงหัวเราะเยาะใส่หนึ่งที ทำตัวเป็นบุตรกตัญญูมีคุณธรรมจริงหรือนี่ ?
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เขาแล้วกล่าวว่า หากสามารถทำให้สภาพจิตใจของมารดาที่เจ็บปวดจากการคิดถึงลูกสาวมีที่พึ่งพิงและช่วยปลอบใจนางได้ ให้ข้าเป็นบุตรกตัญญูมีคุณธรรมแค่ไม่กี่วันจะเป็นไรไป ? การมอบดอกไม้ให้ใครสักคน มือย่อมมีเหตุผลที่ความหอมยังติดอยู่ หากเจ้าไม่เข้าใจ ตำราที่อ่านคงลงท้องสุนัขไปหมดแล้ว !
เจ้ากล้าว่าข้าเป็นสุนัขหรือ ? เจียงโม่หานมองนางอย่างเอาเรื่องราวกับพร้อมที่จะฆ่านางได้ทุกเมื่อ
หลินเว่ยเว่ยแลบลิ้นออกมาแล้วทำหน้าผี ข้าบอกไปแล้ว เจ้าจะหยอดข้าเช่นไรก็อย่าทำท่าทางวางอำนาจชี้เป็นชี้ตายคนทั้งโลก คนอื่นใจกว้างดั่งมหาสมุทร ส่วนเจ้ายังสอบซิ่วไฉไม่ติด ไม่ทันไรก็อยากทำเหมือนว่าจะฆ่านั่นฆ่านี่แล้ว บัณฑิตน้อย หากเจ้าไม่เปลี่ยนความคิดสักหน่อยแล้วไปเป็นขุนนางขั้นสูง เช่นนั้นคงไม่ดีต่อราษฎร !
เจียงโม่หานสะอึกเล็กน้อย หลินเว่ยเว่ยพูดตรงประเด็น ชี้ถึงจุดอ่อนในจิตวิญญาณของเขาออกมา ชาติก่อนเขาไม่แยแสต่อชีวิตผู้คน มองสรรพชีวิตเป็นเหมือนมดแมลงและมองตนเองเป็นเทพเจ้าที่อยู่เบื้องบน หากเขาต้องการชีวิตผู้ใดก็แค่กระดิกนิ้วเท่านั้น เมื่อกายและจิตวิญญาณแยกจากกัน สุดท้ายจึงกลายเป็นจุดจบอันน่าอนาถ
เด็กสาวพูดอีกครั้งว่า บัณฑิตน้อย เบื้องบนส่งข้ามาก็เพื่อขัดเกลานิสัยของเจ้า เจ้าเตรียมรับมือต่อข้าได้เลย ! ฮ่าฮ่าฮ่า…
เจียงโม่หานเพ่งสายตาคมกริบดุจเหยี่ยวไปทางนางอีกครั้ง เจ้าบอกว่า…เจ้าคือคนที่สวรรค์ส่งมาหรือ ? หรือว่าเจ้าไม่ใช่คนโลกนี้ ?
เจ้าไม่รู้หรือ ? เด็กหญิงทุกคนล้วนเป็นนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ ข้าน่ะเป็นนางฟ้าที่ทั้งงามและใจดีที่สุดองค์หนึ่ง ฮิฮิฮิฮิ… หลินเว่ยเว่ยใช้สองมือประคองใบหน้าที่ขาวละเอียดเอาไว้อย่างหลงตัวเอง
เจียงโม่หานจ้องนางอยู่นาน สุดท้ายจึงหัวเราะเยาะ ข้าคิดว่าควรจะเป็นนางฟ้าที่อ้วนและล่ำที่สุดมากกว่า !
เจียง ! โม่ ! หาน ! หลินเว่ยเว่ยโกรธจนถลึงตาใส่ เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถจับเจ้าแก้ผ้าแล้วนำไปแขวนต้นไม้ให้สาวแก่แม่หม้ายในหมู่บ้านมาเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเจ้าได้ ?
หน้าไม่อาย ! เจียงโม่หานสะบัดแขนเสื้อเบา ๆ แล้วเดินดุ่มขึ้นเขาไป ตอนนี้ได้มีโอกาสเดินขึ้นเขาหลายรอบทุกวันเพื่อออกกำลังกาย นับแต่วันนี้ไปเขาต้องเพิ่มการเดินอีกหลายรอบ ! นางเด็กอ้วน คอยดูเถิด เจ้าต้องตกอยู่ในเงื้อมมือข้าแน่ !
สามวันต่อมา ผลชิงอบแห้งชุดแรกก็พร้อมจำหน่าย นางเฝิงไร้พรสวรรค์ในการทำอาหารแต่เชี่ยวชาญในการทำผลไม้อบแห้ง ทำให้ผลชิงอบแห้งมีสีใส ส่องประกายแวววาวดึงดูดผู้คน ทั้งมีกลิ่นหอมหวาน เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว อร่อยและสดชื่นมาก