หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 78 คุณชายบ้านนายอำเภอ
ตอนที่ 78 คุณชายบ้านนายอำเภอ
แล้วแต่เจ้าเถิด ! หลินเว่ยเว่ยเหมือนไม่คิดไว้หน้าเขาเลยสักนิด ไปที่เขตเริ่นอันระยะทางแค่สามสิบกว่าลี้เจ้ายังต้องนั่งเกวียนไปกลับ เจ้าเดินไม่กี่ก้าวก็ดูราวกับว่าถูกงมขึ้นมาจากน้ำ…เจ้าควรทำตัวดี ๆ แล้วอ่านตำราอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องตามไปสร้างปัญหาจะได้หรือไม่ ?
รถลากขนเสบียงหนึ่งคันกับระยะทางร้อยกว่าลี้ที่ให้นางต้องเข็นกลับมา หากไม่เหนื่อยตายคงแปลก ทว่านางมีอุปกรณ์สำหรับโกงเวลาอย่างมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ นางจึงไม่กลัว ! แต่หากบัณฑิตหนุ่มติดตามไปด้วย นางจะใช้มิติน้ำพุวิญญาณได้เช่นไร ?
เจ้า ! ไม่รู้จักถนอมน้ำใจคน ! เจียงโม่หานถูกทำให้โกรธเข้าแล้ว
หลินเว่ยเว่ยไม่มีท่าทีจะยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว หากเจ้าตามไปด้วย เช่นนั้นข้าก็ไม่ไปแล้ว ! ดูสิว่าผู้ใดจะดื้อรั้นกว่ากัน !
นางหวงไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า เช่นนั้น…เหตุใดไม่ลองไปถามลุงต้าซวนว่าจะไปด้วยกันหรือไม่ ?
ท่านแม่เจ้าคะ ลูกอินทรีย่อมมีวันต้องกางปีกบิน ท่านอย่าเอาแต่มองว่าข้าเป็นตุ๊กตาได้หรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยเขย่าแขนมารดา
คำว่า ‘ไม่วางใจ’ สามคำนี้ได้ถูกเขียนไว้ทั่วทั้งตัวของนางหวง
ข้าจะไปเอง ! หลินเว่ยเว่ยตัดสินใจเองโดยไม่ลังเล
เช้าตรู่วันต่อมา เจียงโม่หานรีบตื่นขึ้นมา เขาคิดดีแล้วไม่ว่าเด็กอ้วนจะพูดอย่างไรก็จะไปด้วย ไม่เชื่อหรอกว่าเด็กอ้วนจะสามารถมัดมือมัดเท้าเขาได้
เจียงโม่หานยืนอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลหลินสักพัก เขาลองเงี่ยหูฟังจนกระทั่งได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านใน เขาจึงเคาะประตูแต่ก็พบว่าประตูเปิดอยู่ ในใจของเขามีลางสังหรณ์ไม่ดีจึงผลักประตูเข้าไปก็พบว่าคนที่กำลังล้างหน้าอยู่ตรงลานบ้านคือบุตรสาวคนโตนั่นเอง
เขามองไปในลานบ้านก็เห็นว่ามีกระบุงเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ใบ แต่ละใบได้บรรจุด้วยผลชิงที่เพิ่งเก็บรวบรวมมาได้ เขากำพัดในมือแน่น เด็กคนนี้ไม่ได้นอนทั้งคืนหรือ ? ฟ้าเพิ่งจะสว่างก็เก็บผลชิงกลับมาเรียบร้อยแล้ว
เขาใช้บันไดพิงกับกำแพงแล้วชะโงกหน้ามองไปยังลานบ้านตระกูลเถียน เป็นไปตามคาด รถลากไม้กระดานที่ซ่อมเสร็จกลางลานบ้านไม่อยู่แล้ว ! แม้ว่าตระกูลเถียนจะย้ายไปในเมืองแล้ว พวกเขาก็มอบกุญแจให้หลินเว่ยเว่ยจัดการ ซึ่งของมีค่าข้างในนั้นพวกเขาได้นำไปด้วยจนหมด เหลือไว้เพียงของใช้ในบ้านที่หนักและเก่าผุพัง
เจียงโม่หานกัดฟันพลางบ่นในใจว่า ‘บุตรสาวคนรองผู้กล้าหาญแอบหนีไปเองอย่างลับ ๆ คิดว่าแรงเยอะจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดหรือ ? นางคงยังไม่รู้ว่าคนร้ายมีกลอุบายที่ใช้ทำร้ายคนมากมายไม่รู้จบ การที่นางมีแรงมากแล้วจะป้องกันตัวได้ตลอดรอดฝั่งหรืออย่างไร ? ’
เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าไปได้นานเพียงใดแล้ว ตอนนี้หากจะตามไปก็คงไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงภาวนาให้นางเดินทางราบรื่นปลอดภัย
บัดนี้หลินเว่ยเว่ยกำลังโดยสารเกวียนเพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอจิงหยุนอย่างสบายใจ ถือว่านางค่อนข้างโชคดีเพราะเอารถลากกระดานเก็บไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณ จากนั้นนางเดินมาได้ไม่ไกลก็เจอเข้ากับเกวียนที่ขนฟืนไปยังเขตฝูไหลซึ่งเส้นทางที่ไปยังเขตฝูไหลเป็นเส้นเดียวกับทางไปอำเภอจิงหยุนพอดี ชายชราบังคับเกวียนใจดีจึงให้นางติดไปด้วย
เจ้าหนุ่ม เจ้าจะไปทำอันใดที่อำเภอจิงหยุนหรือ ? เสียงที่เปล่งออกจากปากของชายชราเต็มไปด้วยสำเนียงของคนต่างถิ่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยมาจากข้างนอก
หลินเว่ยเว่ยเขินอายพลางก้มหน้าดึงเสื้อผ้าเก่าที่ขาดรุ่ยแล้วตอบไปอย่างระมัดระวังว่า ที่บ้านข้าขาดเสบียงอาหาร ข้าได้ยินว่าอำเภอจิงหยุนไม่มีภัยพิบัติจึงจะไปบ้านญาติเพื่อยืมเสบียงว่าจะพอเก็บจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงหรือไม่ ?
ชายชราส่ายหน้า เขาแสดงสีหน้าทุกข์ยากออกมาผ่านใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น เขาถอนหายใจแล้วกล่าวว่า เก็บเสบียงไปถึงช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้วอย่างไร? ธัญพืชในพื้นดินต่างพากันแห้งตายจนหมด ทางการก็มาเก็บภาษีแล้วจะเอาสิ่งใดส่งให้ ? เฮ้อ ! โลกใบนี้สงบสุขได้ไม่ถึงสองปีก็จะวุ่นวายอีกแล้ว…
หลินเว่ยเว่ยสนทนากับชายชราถึงสถานการณ์ในหมู่บ้านของอีกฝ่ายที่ไม่ดีเท่าหมู่บ้านฉือหลี่โกว หมู่บ้านฉือหลี่โกวตั้งอยู่ตรงตีนเขา ตอนนี้สามารถเก็บผักป่าได้ พอถึงฤดูใบไม้ร่วงยังสามารถนำของบนภูเขาไปแลกอาหารกลับมา ได้ข่าวว่าตอนนี้ราชสำนักโยกย้ายเสบียงมายังพื้นที่ภัยพิบัติร้ายแรงทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว หวังว่ามันจะเป็นคราวของพวกตนในไม่ช้า
พอถึงทางแยกนางจึงบอกลาชายชรา ระยะทางที่เหลือต่อไปอีกเจ็บสิบกว่าลี้ หลินเว่ยเว่ยใช้เวลากว่าครึ่งวันเดินเอ้อระเหยไปเรื่อย ๆ
เฮ้อ ! อาศัยการเดินเพื่อเดินทาง อาศัยการตะโกนเพื่อสื่อสาร อาศัยสุนัขเพื่อความสงบเรียบร้อย อาศัยการเคลื่อนไหวเพื่ออบอุ่นร่างกาย อาศัยมือเพื่อขุด อาศัยวัวเพื่อทำการเกษตร อาศัยน้ำมันเพื่อจุดไฟให้แสงสว่าง ไม่มีความบันเทิง ไร้สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ! เหตุใดนางจึงถูกบีบบังคับให้มาอยู่ในโลกที่ยากลำบากเช่นนี้ ?
ด้วยพละกำลังที่มากพอของนางจึงทำให้ไม่ต้องเดินจนขาหลุด หลินเว่ยเว่ยมองไปยังประตูเมืองที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นนางก็มองหาที่ซ่อนตัว เมื่อคิดไปคิดมาแล้วจึงเอากวางที่ถูกมัดขาออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณหนึ่งตัวพร้อมด้วยผลชิงสุกหนึ่งตะกร้า จากนั้นก็วางทั้งหมดไว้บนรถลากแล้วลากเข้าไปในตัวเมืองจิงหยุน
ทันทีที่นางถึงประตูเมืองก็ถูกคุณชายผู้สวมชุดผ้าไหมสีสวยสดขวางทางเอาไว้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการเข้าเมืองจิงหยุนต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วย ? ไม่สิ การเก็บค่าผ่านทางต้องเป็นเรื่องของทางราชการไม่ใช่หรือ ?
เจ้าหนุ่ม ! กวางของเจ้าตัวนี้ ข้าต้องการมัน ! คุณชายในชุดผ้าไหมโยนเงินตำลึงลงมาแล้วส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามมาเคลื่อนย้ายสัตว์ที่ถูกล่าไป
วันนี้ก่อนที่เขาจะออกไปล่าสัตว์ได้คุยโวกับเหล่าสหายไว้ว่าจะเชิญพวกเขามากินของป่า แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเบื้องหลังเขาล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว คาดไม่ถึงว่าตอนกลับเข้าเมืองจะพบเข้ากับคนขายกวางแถมยังเป็นกวางที่มีชีวิตอยู่ด้วย ถือว่าได้ลาภลอยเสียจริง !
หลินเว่ยเว่ยรับเงินตำลึงมาแล้วร้องเรียกคุณชายในชุดผ้าไหมให้หยุดด้วยสีหน้าลำบากใจว่า ช้าก่อนคุณชาย…
อีกฝ่ายหันมาอย่างไม่พอใจแล้วกล่าวว่า ทำไม ? น้อยไปหรือ ? เจ้าไม่ลองถามล่ะ ข้าไม่ใช่คนที่จะมาหาเรื่องได้ง่าย ! คิดจะขู่กรรโชกข้า ไม่มีทางหรอก !
ไม่ใช่ ! ทว่ากวางของข้าตัวนี้เอามาใช้แลกกับอาหาร ข้าไม่ขาย ! หลินเว่ยเว่ยแสร้งทำโง่เขลา
คุณชายในชุดผ้าไหมขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า ข้าก็ให้เงินเจ้าไปแล้วมิใช่หรือ ? เจ้าโง่หรือไร เอาไปซื้ออาหารไม่ได้หรือ ?
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าแล้วตอบว่า ไม่ได้ ! บิดาของข้าบอกเอาไว้แล้วว่ากวางตัวนี้ใช้แลกอาหาร หากแลกไม่ได้แล้ว กลับไปข้าคงโดนทุบตีแน่ ท่านเอาเงินคืนไปแล้วคืนกวางข้ามา !
นางกล่าวพร้อมแย่งกวางคืนมาจากผู้ติดตามของคุณชายท่านนั้น
เขาคนนั้นสูงกว่านางครึ่งศีรษะ สีหน้าดูมีพลัง แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกนางแย่งกวางในมือมาได้สำเร็จ ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งและแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
ผู้ติดตามไม่เชื่อและคิดว่าเมื่อครู่นี้ตนไม่ทันได้ระวังจึงถูกนางแย่งเอาเหยื่อไปได้ เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปดึงไหล่ของนางไว้ แต่คาดไม่ถึงว่าแค่นางขยับตัวเล็กน้อยก็สามารถเป็นอิสระได้แล้ว
หืม ? ผู้ติดตามผลักหลินเว่ยเว่ยในขณะที่นางใช้แขนสกัดเอาไว้จึงทำให้เขารู้สึกถึงแรงมหาศาลที่ผลักเขากลับ ทำให้เขาถอยเซไปหลายก้าว
เจ้าอย่าเข้ามา ! ข้าไม่อยากมีเรื่องกับเจ้า ข้าแรงเยอะ หากทำเจ้าบาดเจ็บขึ้นมา ข้าไม่มีเงินชดใช้หรอกนะ หลินเว่ยเว่ยเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
หือ คุณชายผู้สง่างามมองหลินเว่ยเว่ยทันที เขาใช้น้ำเสียงราวกับให้ทานว่า เจ้าหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่ ! มาเป็นบ่าวของข้าหรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยมองเขาอย่างระมัดระวัง นางส่ายหน้ารัวแล้วกล่าวว่า บิดาข้าบอกว่าคนที่อยากเกลี้ยกล่อมให้ข้าไปกับเขาล้วนเป็นคนเลว ข้าไม่ขายหรอก !
ชาวบ้านที่ยืนดูความบันเทิงอยู่ หลังจากได้ยินถ้อยคำของนางก็หัวเราะขึ้นมา เจ้าเด็กโง่ รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร ? เขาคือคุณชายบ้านนายอำเภอเชียว อยู่กับเขาก็รับรองว่าเจ้าจะกินดีอยู่ดีแน่นอน !
เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลจางผู้มั่งคั่ง ทั้งยังเป็นคนที่หว่านเสน่ห์ใส่สตรีเก่งมากด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินเว่ยเว่ยจึงมีความระวังมากกว่าเดิม