หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 83 อายอันใดเล่า?
ตอนที่ 83 อายอันใดเล่า?
หากท่านรู้ว่าทำให้ข้าลำบาก แล้วเหตุใดไม่ยอมฟังข้าเจ้าคะ แอบหนีไปรดน้ำในแปลงนาทำไม ? ต่อให้แปลงนาของพวกเรามีค่ามากเพียงใด หรือต่อให้มันทำมาจากทองคำทั้งผืนก็ไม่อาจเทียบกับสุขภาพของท่านได้ หลินเว่ยเว่ยเทน้ำอุ่นให้นางหวงแล้วช่วยป้อน
หมอเหลียงบอกแล้วว่าช่วงสองสามวันหลังจากนี้มารดาต้องกินยาทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้นต้องกินของดีบำรุงร่างกายอยู่เสมอ หากวันนี้นางไปเจอมารดาช้าอีกเพียงก้าวเดียว มารดาก็อาจสิ้นใจก่อนก็ได้
หลินเว่ยเว่ยกำลังรู้สึกว่าอาจเป็นเพราะนางใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณมาดื่มกินและทำอาหารอยู่เป็นประจำ แม้ว่ายังไม่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนว่าช่วยในเรื่องอันใด แต่ก็มั่นใจว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแน่นอน
ตอนนี้นางหวงเป็นเหมือนเด็กน้อยกระทำผิด นางก้มหน้าลงแล้วเอ่ยเสียงแผ่วว่า เพราะแม่เห็นเจ้าเหนื่อยเกินไป อีกทั้งเท้าของเจ้ายังเป็นแผลพุพอง…ในฐานะแม่คนหนึ่งคิดว่าจะไม่สงสารลูกจับใจหรือ ? แม่ก็แค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้า แต่คาดไม่ถึงเลยว่าร่างกายของแม่…ร่างกายของแม่จะไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้ !
ท่านแม่เจ้าคะ ท่านดูแลสุขภาพของตนให้ดีเถิด เพียงเท่านี้ก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระข้าได้แล้ว ! ท่านดูสิ เดิมทีท่านต้องกินยาแค่สองสามเดือนเท่านั้นและอีกไม่นานร่างกายก็จะกลับมาสุขภาพดีดังเดิม แต่ตอนนี้เล่า ? ท่านต้องกินยาต่อไปอีกเป็นปี ตอนนี้พวกเราต้องตกลงกันก่อนว่าท่านจะยอมกินยาบำรุุงอีกหนึ่งปี ท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดี ห้ามทำสิ่งที่หักโหมเป็นอันขาด ตกลงหรือไม่เจ้าคะ ? หลินเว่ยเว่ยทอดถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่า
นางหวงที่ได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนี้ก็ก้มหน้าปาดน้ำตา รู้สึกว่าตนช่างเป็นภาระของบุตรสาวเหลือเกิน
หลินเว่ยเว่ยเห็นท่าทีของมารดาก็รู้สึกจนปัญญา ต้องใช้เวลาปลอบอยู่นานกว่าจะทำให้มารดาหายเศร้าได้ ‘เฮ้อ แม่ของข้าช่างมีจิตใจเปราะบางเหลือเกิน ข้าต้องคอยปกป้องอย่างระมัดระวังแล้ว’
หลังออกมาจากห้องของนางหวงก็เห็นบัณฑิตหนุ่มยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง เขาเปรียบเสมือนต้นไม้หยกที่งดงามและสง่าผ่าเผย
ในตอนนี้มือของเจียงโม่หานมีขวดยาขนาดเท่าไข่ไก่ เขากำลังซ่อนมันเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ ท่านป้า…อาการดีขึ้นหรือยัง ?
เจ้ากลับมาแล้วหรือ ? ราบรื่นดีหรือไม่ ? ใบหน้ากลมเล็กของหลินเว่ยเว่ยอ่อนโยนเมื่อถูกอาบด้วยแสงจันทร์ ทำให้ผิวของนางดูขาวนวลเป็นพิเศษ
เจียงโม่หานลังเลไปครู่หนึ่งจึงพูดปลอบ อืม !…หมอเหลียงเก่งมาก เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก
ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ท่านแม่คงต้องใช้เวลาบำรุงสุขภาพไปสักระยะ ในตอนที่หลินเว่ยเว่ยกำลังจะเดินไปยังห้องของตน นางก็เห็นว่าบัณฑิตหนุ่มยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน นางจึงถามออกไปว่า เจ้ายังมีธุระอันใดอีกหรือไม่ ?
นี่คือยาขี้ผึ้งที่ข้าซื้อมาจากในเมือง มันใช้รักษาบาดแผลได้ดี เจ้าเอาไปใช้สิ ! เจียงโม่หานเอ่ยอย่างไม่ชิน
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงถามด้วยความสงสัย ยารักษาบาดแผลหรือ ? แต่ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บนี่
แค่ก ! เจียงโม่หานกระแอมไอครั้งหนึ่งแล้วอ้างถึงนางเฝิงทันที แม่ของข้าบอกว่าเท้าเจ้ามีแผลจากอาการพุพอง นางจึงให้ข้าซื้อยากลับมาจากในเมืองด้วย รับไปสิ ใช้ทาเช้าเย็นวันละสองครั้ง
หลังกล่าวจบเขาก็ยัดขวดยาใส่มือของหลินเว่ยเว่ยจากนั้นก็เร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
อยากเอายามาให้ก็บอกกันตามตรงสิ จะอายอันใดเล่า ? ยอมรับว่าเป็นห่วงข้าแล้วจะตายหรือ ? หลินเว่ยเว่ยมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายในขณะที่บ่นพึมพำกับตนเอง
เจียงโม่หานกำลังจะก้าวพ้นธรณีประตูบ้านตระกูลหลิน ทันใดนั้นเขาก็ชะงักไปเล็กน้อยเพราะเกลียดตัวเองเหลือเกินที่หูดีเช่นนี้…
หลังจากนี้ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องของนางมากเกินไปอีก ข้าจะ…
เจียงโม่หานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ
วันต่อมา ยังไม่ทันที่ฟ้าจะสว่างหลินเว่ยเว่ยก็ขึ้นเขาไปแล้ว เมื่อหนึ่งเดือนก่อนนางมักขึ้นไปวิ่งออกกำลังกายบนภูเขา ดังนั้นนางจึงรู้ว่าที่ใดมีฝูงกวาง
นางซุ่มอยู่บริเวณที่มีฝูงกวางเดินผ่านเป็นประจำอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยกำลังลูบเจ้าเทาที่นอนหมอบอยู่ข้างกาย อีกประเดี๋ยวข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว !
แม้ว่านางมีพละกำลังมหาศาล แต่การไล่ตามฝูงกวางที่ทั้งปราดเปรียวและว่องไวนั้นอาศัยแค่พละกำลังไม่ได้ เพิ่งสิ้นเสียงของนางได้ไม่นาน ทันใดนั้นก็มีฝูงกวางฝูงหนึ่งเดินผ่านมา หลินเว่ยเว่ยซุ่มอยู่บริเวณที่ฝูงกวางต้องผ่านไปกินน้ำ
หลินเว่ยเว่ยใช้สายตาประเมินฝูงกวางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปยังกวางตัวผู้ที่มีลักษณะงดงามพร้อมกล่าวกับเจ้าเทาว่า เจ้าเห็นกวางตัวนั้นหรือไม่ ? บททดสอบของเจ้ามาถึงแล้ว ข้าต้องการจับเป็นมัน ! ไปเถิด !
เจ้าเทาแค่กวาดตามองอย่างไม่ใส่ใจและมันยังไม่ขยับตัวไปที่ใด !
จนกระทั่งฝูงกวางเดินเข้ามาใกล้แล้ว พวกมันเข้ามาใกล้จนหลินเว่ยเว่ยเห็นลวดลายบนตัวกวางได้อย่างชัดเจน และในตอนนี้เองที่กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวของเจ้าเทาหดเกร็งขึ้นมา ดวงตาคมคู่หนึ่งกวาดมองฝูงกวางจนทั่ว หลังจากที่มันล็อคเป้าหมายแล้วก็เลือกเวลาและระยะห่างดีที่สุด ขาหลังอันทรงพลังของเจ้าเทายันตัวให้ทะยานออกไปยังโฉบเฉี่ยว มันพุ่งไปยังกวางที่หลินเว่ยเว่ยต้องการ
บัดนี้กวางในฝูงวิ่งกระจัดกระจายไปตัวละทิศละทางด้วยความตกใจกลัว ส่วนกวางตัวที่โชคร้ายถูกหลินเว่ยเว่ยหมายตาไว้ได้ถูกเจ้าเทากัดเข้าที่คอพลางกดลงกับพื้น หลินเว่ยเว่ยเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปช่วยเจ้าเทาจับกวาง
นางมัดขากวางเอาไว้แล้วกำลังจะลูบศีรษะเพื่อชื่นชมเจ้าเทา ทว่ามันสะบัดศีรษะหนีทำให้นางลูบได้เพียงอากาศ
ตอนนี้ได้เขากวางมาแล้ว ! ส่วนโสมน่ะหรือ ในมิติน้ำพุวิญญาณของนางมีโสมอายุนับร้อยปีปลูกไว้ต้นหนึ่ง โดยปกติโสมอายุเท่านี้จะถูกครอบครองอยู่ในตระกูลใหญ่เท่านั้น ซึ่งพวกเขาจะเอาไว้ช่วยชีวิตบุคคลสำคัญในตระกูล ภูเขาแห่งนี้ต้องมีโสมอยู่แน่นอน ดังนั้นนางจึงตั้งใจว่าจะเข้าไปค้นหาดู
หลังเดินข้ามภูเขาไปหลายลูกนางก็ยังไม่พบโสมเลยสักต้น หลินเว่ยเว่ยจึงนั่งพักเหนื่อยบนก้อนหินใหญ่พร้อมกินขนมปังไส้ไข่ที่เพิ่งทำเมื่อเช้า หลังจากดื่มน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณแล้วนางก็หันไปคุยกับเจ้าเทาที่นั่งชูคออย่างสง่างามอยู่ด้านข้าง เจ้าเทา หมาป่าและสุนัขเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกัน ดังนั้นจมูกของเจ้าน่าจะมีสัมผัสที่ไวใช่หรือไม่ ?
เจ้าเทาเหลือบมองนางด้วยความหงุดหงิดระคนดูแคลน เหมือนว่าการที่นางเปรียบเทียบมันกับสุนัขเป็นการดูถูกอย่างยิ่ง
หลินเว่ยเว่ยจึงเอาโสมอายุกว่าร้อยปีไปวางไว้ที่ใต้จมูกของเจ้าเทา ในเมื่อเจ้าคิดว่าตนเก่งกาจกว่าสุนัข เช่นนั้นก็ได้เวลาพิสูจน์แล้ว ! ลองดมและจำกลิ่นของเจ้าสิ่งนี้ไว้ ไปได้แล้ว ไปตามหามัน หากเจ้าหาเจอก็ต้องเห่าเรียกข้าด้วย !
เจ้าเทาเหลือบมองนางพร้อมใบหน้าตึง ‘เจ้ามนุษย์ได้คืบจะเอาศอก นี่เจ้าคิดว่ามันเป็นสุนัขจริงหรือ ? แต่เห็นแก่ที่นางช่วยชีวิตมันไว้ จะฝืนใจช่วยนางสักหน่อยแล้วกัน ! ’
เจ้าเทาดมกลิ่นของโสมอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็วิ่งหายไปในป่าที่อยู่โดยรอบ ตอนนี้ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของมันได้ฟื้นฟูอยู่ในมิติน้ำพุวิญญาณมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ทำให้มันเกือบหายดีและด้วยความที่กินดื่มอยู่ในมิติน้ำพุวิญญาณจึงทำให้ร่างกายของมันใหญ่โตแข็งแรง ทั้งยังเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไวอีกด้วย
ในตอนที่หลินเว่ยเว่ยกินอิ่มและเตรียมเหยียดขานอนหลับบนก้อนหิน เจ้าเทาก็เดินกลับมา มันใช้อุ้งเท้าดึงเด็กสาวขณะที่ดวงตาสีอำพันของมันจับจ้องมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉยคล้ายว่าต้องการให้นางตามไป
โอ้ ! เจ้าหาเจอจริงหรือ ? หลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากก้อนหินแล้วบิดขี้เกียจ จากนั้นก็เดินตามหลังเจ้าเทาเข้าไปยังป่าลึก
ยิ่งเดินเข้าป่าก็ยิ่งลึกและวังเวงมากขึ้นทุกที บริเวณนี้มีต้นไม้ใหญ่ตั้งสูงตระหง่านเสียดฟ้าเป็นจำนวนมาก ยอดไม้หนาทึบปกคลุมท้องฟ้าบดบังแสงของดวงอาทิตย์ ทำให้ในป่าค่อนข้างมืดครึ้ม ตอนนี้ดวงอาทิตย์ที่อยู่ภายนอกกำลังร้อนระอุเสมือนไฟก็จริง แต่ภายในป่าให้ความรู้สึกเย็นสบายมาก
เจ้าเทา เจ้าจำทางได้หรือไม่ ? เหตุใดข้าจึงรู้สึกราวกับว่าหลงทิศเลยล่ะ ! หลินเว่ยเว่ยเดินตามเจ้าเทาเข้าไปในป่าลึก นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแต่ไม่สามารถแยกทิศทางได้
เจ้าเทาหันมามองซึ่งหลินเว่ยเว่ยเห็นถึงสายตาดูแคลนของมันได้ เจ้าก็แค่พึ่งพาสัญชาตญาณสุนัขมิใช่หรือ ? เหตุใดจึงหยิ่งผยองปานนี้ ?