หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 99 อิจฉาตาร้อน
อ้อ ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ใช่ผีซิวแต่เป็นหาวจูหยี ! แถมยังเป็นปลาปักเป้าที่โมโหแล้วชอบพองลม ! อย่าเพิ่งไป ! ข้าจะสอนเจ้าทำเนื้อแผ่น !
ต้องให้เจ้าสอนอีกหรือ ? ของง่าย ๆ เช่นนี้ แม้แต่คนโง่ก็ยังทำได้ ! พี่สาวคนโตพยายามเน้นคำว่า ‘คนโง่’
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงใช้ทัพพีกวักเรียกอีกฝ่าย มา เจ้าคนโง่ มาทำให้พี่สาวดูหน่อย !
บอกตั้งกี่คราแล้วว่าข้าต่างหากที่เป็นพี่สาว ! พี่สาวคนโตเริ่มทำตัวเป็นปลาปักเป้าพองลมอีกแล้ว
คนจะเป็นพี่สาวต้องมีมาดของพี่สาว ต้องรู้จักห่วง เป็นกังวลต่อพ่อแม่ ต้องคอยรักและดูแลน้อง ๆ ตัวเจ้า…ทำได้หรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังงานที่อยู่ในมือคล้ายต้องการบอกว่า ‘เจ้าอยากเป็นพี่สาวไม่ใช่หรือ ? มาพิสูจน์ให้ข้าดูสิ ! ’
พี่สาวผลักนางออกไปด้วยมือเดียวแล้วใช้ทัพพีตักเนื้อบดขึ้นมา จากนั้นเกลี่ยให้แบนบนกระดาษน้ำมัน วางบนกระทะตั้งไฟให้ร้อนจัดแล้วทาด้วยน้ำเชื่อมอีกชั้นหนึ่ง
ไม่เลวเลยนี่ ! ระดับความฉลาดของเจ้าใกล้จะไล่ตามทันข้าแล้ว ทาน้ำเชื่อมให้บางกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นเนื้อบดจะไม่เชื่อมติดกัน พลิกกลับเร็วเข้า ! ประเดี๋ยวก็ไหม้หรอก ! หลินเว่ยเว่ยชี้นิ้วสั่งอยู่ด้านข้าง
หลังผ่านช่วงเวลาวุ่นวายเล็ก ๆ ไปแล้ว พี่สาวคนโตก็สามารถจับจุดได้ หลินเว่ยเว่ยจึงตบบ่าของนางพลางถอดปิ่นดอกไม้บนศีรษะออกแล้วเสียบบนมวยผมให้อีกฝ่าย ไม่เลว ! ทำได้ดีมาก !
พี่สาวเห็นว่านางกำลังจะหมุนตัวเดินจากไปก็อดขมวดคิ้วแล้วพูดท้วงไม่ได้ ที่เจ้าบอกจะสอนข้าทำเนื้อแผ่นเพราะคิดโยนงานเหล่านี้ให้ข้าทำ ส่วนเจ้าก็แอบอู้งานใช่หรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยเดินถือกระบุงไม้ไผ่ออกมาแล้วหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม เจ้าคิดว่าข้าชอบอู้งานเหมือนเจ้าหรือ ? ถ้าข้าไม่ขึ้นไปบนภูเขาก็มีหวังว่าผลไม้ที่น้าเฝิงทำคงไม่พอแน่ ไหนจะค่าเรียนทอผ้าของเจ้าอีก เฮ้อ ข้าช่างมีชะตาชีวิตที่ยากลำบากยิ่งนัก !
พี่สาวตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำโดยไม่มีเวลาพักผ่อน ทั้งยังทำเพื่อให้นางได้เรียนทอผ้า ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวยังได้ใช้ชีวิตสุขสบายขึ้น แม้จะไม่อยากยอมรับทว่านับตั้งแต่ที่น้องสาวหายโง่ เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องดีสำหรับครอบครัว !
นางคลำปิ่นประดับลูกปัดรูปดอกไม้บนศีรษะแล้วภายในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ปิ่นลูกปัดสีฟ้านี้เป็นของที่เจ้าเด็กโง่ซื้อมาให้นางใช่หรือไม่ ? ปกติเจ้าเด็กโง่มักแต่งกายเป็นบุรุษ จะมีโอกาสใช้ของพวกนี้ได้อย่างไร ? เจ้าเด็กโง่จะมีน้ำใจยอมจ่ายเงินหลายอีแปะเพื่อซื้อปิ่นให้นางหรือ ?
เมื่อนึกถึงวันนั้น วันที่นางรู้ว่าน้องรองเดินตามขึ้นภูเขาไป แต่นางกลับจงใจเดินอ้อมภูเขาจนสามารถสลัดน้องรองให้พ้นตัวได้ เดิมทีนางแค่อยากขู่ให้น้องสาวกลัว ผ่านไปสักพักนางจึงกลับไปตามหา แต่ผู้ใดจะคิดว่าน้องรองวิ่งขึ้นไปบนภูเขาแล้วกลิ้งตกไปในสระน้ำได้ ? โชคดีที่ตกไปในสระน้ำเพราะถ้าตกไปกระแทกก้อนหินขึ้นมา…
นางพยายามสะบัดศีรษะคล้ายต้องการสลัดความคิดไม่เป็นมงคลออกไป ทำให้ปิ่นปักผมส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ในเวลานี้นางออกแรงคลึงเนื้อแผ่นอย่างแรงคล้ายมีความแค้นต่อเนื้อมาอย่างยาวนาน เจ้าเด็กโง่ต้องคิดว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้น่าเกลียดแน่นอนจึงโยนมาให้นาง มันต้องเป็นเช่นนั้น !
หลินเว่ยเว่ยหยิบกระบุงลูกท้อออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณ จากนั้นนางก็ไปยังบริเวณหุบเขาที่เคยเจอหมูป่า ในหุบเขาแห่งนี้เป็นสถานที่มีผักป่าเป็นจำนวนมาก เช่นนั้นคงไม่สามารถดึงดูดหมูป่าให้มารวมฝูงกันในที่แห่งนี้ได้หรอก
นางไปดูหลุมกับดักที่วางไว้เมื่อวาน เวลานี้หมูป่าเอาแต่กิน ไม่สนใจเรื่องตีกันแล้ว แม้ภายในหลุมกับดักจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหมูป่าที่ตายไปก่อนหน้านี้ ทว่าตราบใดที่นางกระจายชั้นของดินแล้วใส่ผลไม้ป่าที่ถูกล้างด้วยน้ำพุวิญญาณลงไป หมูป่าย่อมมาติดกับได้ตลอดเวลา
เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ หลุมพรางของนางถูกทำลายลง ภายในนั้นมีหมูป่าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปกำลังตะกุยตะกายด้วยความหิวโหยอยู่ แม้ว่ามันไม่ตัวใหญ่มากแต่น้ำหนักก็น่าจะเกือบสองร้อยชั่ง หลินเว่ยเว่ยกระโดดลงไปในหลุมแล้วใช้ก้อนหินทุบมันจนตาย จากนั้นก็โยนหมูป่าขึ้นมาด้านบนแล้วทำกับดักใหม่อีกครา
อีกตั้งสองวันกว่ากระทะที่สั่งทำเอาไว้จะแล้วเสร็จ ตอนนี้มีเนื้อหมูป่าในบ้านรวมถึงเจ้าหมูป่าตัวนี้ก็เพียงพอให้ทำเนื้อหมูป่าแผ่นได้สองสามวันโดยไม่ต้องกังวลอันใด ดังนั้นครานี้นางจึงไม่ได้วางเหยื่อไว้บนหลุมกับดัก
เมื่ออาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า หลินเว่ยเว่ยก็แบกหมูป่าน้ำหนักกว่าสองร้อยชั่งเดินเข้ามาจากประตูหลังบ้าน ตอนที่ป้ากุ้ยฮวาเห็นภาพนี้ก็ถึงขั้นตกตะลึงตาค้าง ในใจอุทานว่า โอ้ สวรรค์ ! บุตรสาวคนรองของตระกูลหลินล่าหมูป่าได้จริงด้วย มันไม่ใช่แค่ข่าวลือ ! ในอดีตนางแค่เคยได้ยินผู้อื่นกล่าวถึงเท่านั้น อีกทั้งยังมีหลายคนในหมู่บ้านที่ไม่เชื่อ ! วันนี้ได้มาเห็นกับตาแล้ว นางจะไม่เชื่อได้อย่างไร !
ท่านป้า นี่คือเงิน 30 อีแปะ ค่าแรงของวันนี้ ! หลินเว่ยเว่ยมองสีท้องฟ้าแล้วเอาเงินออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ใช้เชือกร้อยให้เป็นพวงเดียวกันแล้วยัดใส่มือของป้ากุ้ยฮวา
ป้ากุ้ยฮวาดันพวงเงินคืนไปตามสัญชาตญาณแล้วกล่าวว่า ตอนนี้คงอีกหลายชั่วยามกว่าฟ้าจะมืด ข้ายังพอสับเนื้อได้อีกสิบกว่าชั่ง…
หลินเว่ยเว่ยเห็นว่ามือของป้ากุ้ยฮวาเริ่มสั่นเทาเล็กน้อยแล้วจึงยัดพวงเงินกลับไปอีกครา ท่านป้า วันนี้ลำบากท่านมากแล้ว ! เพราะข้าไม่ได้พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เอาเป็นว่าต่อไปนี้ให้ท่านมาทำงานในต้นยามเฉิน ( 8.00 น. ) แล้วกลับในต้นยามโหยว่ ( 17.00 น. ) ส่วนช่วงกลางวันท่านมีเวลาพักผ่อนครึ่งชั่วยาม
บรรดาเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นชนชั้นสูงทั้งหลายมักเร่งแรงงานของตนให้ไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง พอฟ้ามืดสนิทแล้วถึงจะยอมปล่อยแรงงานกลับบ้าน ทว่าตระกูลหลินช่างใจดีเหลือเกิน เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการรักษาหน้าของตระกูลทั้งสองตระกูลเอาไว้
ป้ากุ้ยฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ออกแรงส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ! ควรเข้างานและเลิกงานเวลาใดก็ทำตามนั้นเถิด ไม่เช่นนั้นข้าจะกล้ารับเงิน 30 อีแปะนี้ได้อย่างไร ?
การสับเนื้อเป็นงานที่ออกแรงเยอะมาก หากใช้เวลาทำนานเกินไป ท่านจะเหนื่อยจนได้รับบาดเจ็บ แล้วพรุ่งนี้ผู้ใดจะมาช่วยพวกข้า ? ไม่ใช่แค่ท่านเท่านั้น หากต่อไปนี้บ้านของข้าจ้างผู้ใดมาเพิ่ม ข้าก็จะใช้กฎนี้เช่นเดียวกัน วันนี้ท่านทำงานเกินมา 2 ชั่วยามแล้ว เช่นนั้นเนื้อหมูป่าชิ้นนี้ถือว่าเป็นค่าทำงานล่วงเวลาของท่านแล้วกัน ! หลินเว่ยเว่ยไปที่ห้องใต้ดินแล้วหั่นเนื้อหมูป่าชิ้นใหญ่มายื่นให้ป้ากุ้ยฮวา
ว่าอย่างไรนะ ? ให้ค่าแรงวันละ 30 อีแปะ หากทำงานล่วงเวลาก็ยังมีเนื้อหมูให้เป็นค่าล่วงเวลาอีกด้วย ? ทันใดนั้นป้ากุ้ยฮวาก็รู้สึกแขนขาหายเมื่อยล้าทันที ราวกับทั้งตัวเต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาล นางมีท่าทีคล้ายอยากพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด เมื่อเห็นหมูป่าตัวที่หลินเว่ยเว่ยเพิ่งจะแบกกลับมา นางก็ถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า ข้าขอเปลี่ยนเนื้อหมูป่าเป็นขาหมูป่าแทนได้หรือไม่…
ตอนนี้ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงถึงชั่งละ 60 อีแปะแล้ว แต่พวกเท้าหมูหรือขาหมูยังมีราคาถูกกว่านั้น หากนำเนื้อหมูครึ่งชั่งไปทำอาหารแล้วแบ่งให้ทุกคนในบ้านได้กินก็คงได้กินเนื้อเพียงหนึ่งถึงสองชิ้นเท่านั้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเท้าหมูหรือขาหมูก็ยังเพียงพอให้บุตรได้แบ่งกันกินเป็นมื้อใหญ่
หลินเว่ยเว่ยยัดเนื้อหมูใส่มือของอีกฝ่าย จากนั้นก็นำหัวใจ ตับและปอดของหมูทั้งหมดออกจากห้องใต้ดินแล้วยัดใส่มือของป้ากุ้ยฮวา ท่านเอาไปทำอาหารให้น้อง ๆ กินเถิด
เยอะเกินไปแล้ว มันเยอะเหลือเกิน… ป้ากุ้ยฮวาหน้าแดงด้วยความเกรงใจ นางไม่น่าเอ่ยเช่นนั้นตั้งแต่แรกเพราะไม่ต่างอันใดจากการบังคับขอสิ่งของจากผู้อื่น บุตรสาวคนรองของตระกูลหลินเป็นคนมีน้ำใจ นอกจากให้ค่าแรงรายวันสูงแล้วถ้าทำงานได้ดียังมีรางวัลให้อีก ขณะที่ตัวนางละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ…ป้ากุ้ยฮวารู้สึกว่าหมูในมือเหมือนมันเผาร้อน ๆ นางจะถือเอาไว้ก็ไม่ดี จะโยนทิ้งก็ไม่ได้ !
หลินเว่ยเว่ยดันมืออีกฝ่ายกลับไป จากนั้นก็พาไปส่งที่หน้าประตูบ้านแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ท่านก็เห็นแล้วว่าวันนี้ข้าล่าหมูป่ากลับมาได้อีกตัว ของพวกนี้ถ้ามีมากไปก็กินไม่หมด เก็บไว้ก็มีแต่จะเสีย เช่นนั้นไม่น่าเสียดายแย่หรือ ? ครานี้ถือว่าข้าแบ่งให้ท่านกินก็แล้วกัน ต่อไปเราจะยึดตามกฎนี้ ตกลงหรือไม่ ?
ในบ้านตระกูลหลินมักมีกลิ่นหอมของเนื้อลอยออกมาเป็นประจำ บรรดาชาวบ้านก็มักมารวมตัวกันที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลินอย่างสงสัยใคร่รู้ เมื่อพวกเขาเห็นป้ากุ้ยฮวาเดินออกมาจากบ้านตระกูลหลินอีกทั้งในมือยังมีเนื้อและเครื่องในหมู ทันใดนั้นพวกเขาก็พากันอิจฉาตาร้อนขึ้นมา