หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 26 ชิงอีโดนทำโทษ
มู่ชิงอีจะยอมให้มู่อวิ๋นหรงทำร้ายได้อย่างไร ก้าวถอยหลังหลบไปสองก้าว มู่อวิ๋นหรงคว้าได้เพียงอากาศ จูเอ๋อร์ที่อยู๋ห่างออกไป เมื่อมองเห็นมู่อวิ๋นหรงพุ่งเข้าหามู่ชิงอีจึงรีบวิ่งเข้ามาขวางตรงหน้ามู่ชิงอีไว้ “คุณหนูสาม ท่านกล้าลงมือกับคุณหนูของเราได้อย่างไร”
มู่อวิ๋นหรงถูกความโกรธครอบงำจนไร้สติ เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “นังบ่าวชั่ว หลบไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะฉีกปากหญิงผู้นี้ให้ขาดสะบั้น”
จูเอ๋อร์ไม่ยอมหลบ เอ่ยเสียงดัง “คุณหนูสาม อย่าคิดว่าคุณหนูของเราไม่มีอำนาจใด นางเป็นถึงเชื้อสายหลัก ส่วนท่านเป็นเชื้อสายรอง ท่านกล้าทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไรเจ้าคะ”
ใบหน้ามู่อวิ๋นหรงเดี๋ยวขาวเดี๋ยวคล้ำ หญิงอื่นที่มามุงดูต่างซุบซิบนินทา แม้แต่คนที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับมู่อวิ๋นหรงยังมีสีหน้าแปลกใจ เป็นเพราะความสัมพันธ์ของมู่เฟยหลวนและจวนหนิงอ๋อง ในเมืองหลวงจึงมีหญิงสาวมากมายเข้ามาเชื่อมสัมพันธ์กับมู่อวิ๋นหรง ทว่าตอนนี้กลับมีบ่าวรับใช้มาเอ่ยถึงสถานะเชื้อสายรองของนางต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก สตรีเหล่านี้พลันรู้สึกขายหน้าขึ้นมา เรื่องศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้
มองท่าทางขุ่นเคืองของจูเอ๋อร์ มู่ชิงอีจึงยิ้มบางๆ สาวใช้ผู้นี้แม้จะทำอะไรบุ่มบ่ามไปบ้าง แต่ก็ยังจริงใจกับน้องสาว หลายปีมานี้หากไม่มีนางอยู่เคียงข้าง น้องสาวคงต้องลำบากไม่น้อย
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” ในขณะที่มู่อวิ๋นหรงกำลังเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงของมู่หรงอวี้ก็ดังขึ้น มู่ชิงอียิ้มหยันส่งให้มู่อวิ๋นหรง หันกลับไป มองเห็นมู่หรงอวี้และจูหมิงเยียนเดินเคียงข้างกันเข้ามา ด้านหลังของพวกเขายังมีหรงเหยี่ยนและเกอซูฮั่น รวมไปถึงมู่ฮูหยินผู้เฒ่าที่มีสีหน้าน่ากลัวเดินตามมาด้วย
“ท่านอ๋อง พระชายา” ทุกคนทำความเคารพโดยพร้อมเพรียง
มู่อวิ๋นหรงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจูหมิงเยียน ดวงตาแดงก่ำ “พี่หญิง…”
จูหมิงเยียนขมวดคิ้ว ทว่ายังคงยิ้มแล้วคว้ามือมู่อวิ๋นหรงมากอบกุมเอาไว้ “อวิ๋นหรงเป็นอะไรไปหรือ เสียใจเรื่องใดบอกพี่หญิงมาเถิด พี่หญิงจะช่วยเจ้าจัดการเอง”
มู่อวิ๋นหรงมองไปยังมู่ชิงอี เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ใช่เพคะ เพราะอวิ๋นหรงต้อยต่ำ ไม่เหมาะสม…ไม่เหมาะสมเป็นพระชายาของหนิงอ๋อง น้องหญิงสี่พูดถูกต้องแล้ว…”
“ชิงอี เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน” มู่ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าที่เปลี่ยนไป จ้องมู่ชิงอีเขม็งสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้าเตรียมตบนาง มู่ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนไร้สติ ตอนนี้คนที่จะแต่งกับหนิงอ๋องได้คงมีแต่มู่อวิ๋นหรง หากการแต่งงานนี้ล่มไป ผู้ที่ได้รับความเสียหายไม่ใช่เพียงแค่ตระกูลมู่และมู่อวิ๋นหรงเพียงเท่านั้น ยังมีตำแหน่งฐานะของจวนซู่เฉิงโหวอีกด้วย เดิมคิดว่ามู่ชิงอีนั้นรู้ความ ไม่คิดว่านางจะยังโกรธที่งานแต่งงานของนางและหนิงอ๋องถูกยกเลิก
ในตอนที่มู่ฮูหยินผู้เฒ่าก้าวมาด้านหน้า มู่ชิงอีก็ก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว คล้ายเป็นครึ่งก้าวที่ไม่ตั้งใจ ฝ่ามือที่ปัดผ่านหน้ามู่ชิงอีไปนั้น จึงพุ่งเลยเข้าหาคนที่อยู่ด้านข้าง
มือเรียวใหญ่ยกมือคว้ามือของมู่ฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ น้ำเสียงของเกอซูฮั่นเคล้าเสียงหัวเราะ “ฮูหยินผู้เฒ่าท่านนี้มีสิ่งใดไม่พอใจข้าหรือไม่”
มู่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาเยือกเย็นของเกอซูฮั่น ใบหน้าของนางพลันขาวซีดขึ้นมา
มู่ชิงอีก้มหน้า ดวงตาสว่างวูบ นางยืนอยู่ข้างเกอซูฮั่น จึงสัมผัสได้ เดิมทีฝ่ามือที่เหวี่ยงเข้ามาของฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่โดนเกอซูฮั่น แต่ในตอนที่นางก้าวถอยหลัง เกอซูฮั่นได้ขยับก้าวขึ้นมาด้านหน้าครึ่งก้าว จึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าเกอซูฮั่นมีแผนอะไร ก็นับว่าได้ช่วยนางเอาไว้ ท่าทางของมู่ฮูหยินผู้เฒ่าในตอนนี้ทำให้นางรู้สึกชอบใจที่ได้เห็น
ท่าทางของมู่ชิงอีและเกอซูฮั่นหากไม่สังเกตคนทั่วไปจะไม่สามารถรับรู้ได้ แต่สีหน้าของมู่หรงอวี้และหรงเหยี่ยนเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสองคู่นั้นพุ่งไปที่มู่ชิงอี มู่หรงอวี้ขมวดคิ้ว เจอกันครั้งแรกก็สามารถทำให้เกอซูฮั่นออกตัวปกป้อง มู่ชิงอีผู้นี้ดูจะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่แสดงออกมาให้เห็น
“เลี่ย…เลี่ยอ๋อง…” ชื่อเสียงของเลี่ยอ๋องแห่งเป่ยฮั่นไม่เพียงทำให้เด็กและสตรีหวาดกลัว กระทั่งมู่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ยังเกรงกลัวเช่นกัน ความจริงเมื่อลงมือแล้วมู่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็รู้สึกเสียใจที่ตนใจร้อนเกินไป แม้มู่ชิงอีทำไม่ถูกก็ไม่ควรลงโทษนางต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทว่าเรื่องการแต่งงานระหว่างจวนหนิงอ๋องและจวนซู่เฉิงโหวนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง จึงทำให้นางพลาดพลั้งขาดสติ ยามนี้ นางได้ล่วงเกินเทพแห่งการสังหารอย่างเกอซูฮั่นแล้ว
แม้ว่าใบหน้าของเกอซูฮั่นจะยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ว่ามีเพียงมู่ฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงสายตาเยือกเย็นและแฝงไปด้วยไอสังหาร
สถานการณ์ตรงหน้าทำให้ทุกคนนิ่งอึ้ง มู่หรงอวี้ขมวดคิ้วกำลังจะเอ่ยปาก มู่สุ่ยเหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นเร็วกว่า เอ่ยเสียงหวาน “เลี่ยอ๋องเพคะ ท่านย่าไม่มีเจตนาเช่นนั้น เลี่ยอ๋องโปรดเมตตา อย่าถือโทษท่านย่าเลยนะเพคะ”
คนอื่นๆ หันมามองมู่สุ่ยเหลียน เห็นเพียงหญิงสาวในชุดสีชมพูอ่อนยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าสวยก้มต่ำ ดวงหน้างดงามนั้นแดงขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายกับดอกบัวที่พึ่งโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ สายตาของเหล่าหญิงสาวที่ยืนดูสถานการณ์อยู่รอบข้างต่างก็มองมาที่มู่สุ่ยเหลียนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มู่อวิ๋นหรงส่งเสียงไม่พอใจออกมา
“เจ้าคิดเช่นไร” เกอซูฮั่นไม่ได้หันไปมองมู่สุ่ยเหลียนเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับหันมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายอย่างมู่ชิงอี เมื่อถูกเมินอย่างชัดเจนเช่นนี้ มู่สุ่ยเหลียนจึงหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอาย กัดริมฝีปากก้าวถอยกลับไปด้วยความเสียใจ
มู่ชิงอีก้มหน้า ถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดขึ้น “ความโกรธเพียงชั่ววูบของท่านย่า ไม่ได้มีเจตนาทำร้าย เลี่ยอ๋องแห่งเป่ยฮั่นโปรดเมตตาด้วยเพคะ”
เกอซูฮั่นเลิกคิ้ว แน่นอนว่าเขารู้ว่าจวนซู่เฉิงโหวและมู่หรงอวี้มีความสัมพันธ์เช่นไร เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้อยากจัดการกับมู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็คงทำไม่ได้ หากรอให้มู่หรงอวี้เอ่ยปากเองก็คงน่าเบื่อ จึงปล่อยมือมู่ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อคุณหนูสี่กล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น มู่ฮูหยินผู้เฒ่ามีหลานสาวที่กตัญญูเยี่ยงคุณหนูสี่เช่นนี้ ช่างโชคดีเหลือเกิน”
ทุกคนนิ่งเงียบ เมื่อสักครู่มู่สุ่ยเหลียนเอ่ยยืดยาวเขากลับไม่เหลียวแลเลยสักนิด มู่ชิงอีเอ่ยเรียบๆ เพียงไม่กี่ประโยคกลับบอกว่ากตัญญู ลำเอียงถึงเพียงนี้…หรือว่า เลี่ยอ๋องแห่งเป่ยฮั่นผู้นี้จะชื่นชอบคุณหนูสี่ตระกูลมู่เข้าแล้ว?
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ล้วนมีชื่อเสียงทั้งสิ้น ข่าวสารกระจายรวดเร็วแน่นอน เลี่ยอ๋องมาเยือนแคว้นหวาหลายคงได้ยินมาบ้างว่าเพราะเหตุใด ชั่วครู่ สายตาที่มองไปยังมู่ชิงอีพลันสับสนขึ้นมา มีทั้งอิจฉาและเห็นใจ
มู่ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจไม่น้อย ยามนี้ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ ถูกมู่อวี่เฟยและมู่สุ่ยเหลียนประคองไว้สีหน้าจึงกลับมาเป็นปกติ เกอซูฮั่นโบกมือและเอ่ยกับมู่หรงอวี้ “กงอ๋อง ข้ายังมีธุระ ต้องทูลลาแล้ว”
มู่หรงอวี้เองแน่นอนว่าไม่กล้ายื้อ หันไปมองมู่ชิงอีอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยบอก “ข้าขอตัวไปส่งเลี่ยอ๋อง เลี่ยอ๋องเชิญทางนี้”