หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 44 พิษปากเลี่ยอ๋อง
แต่มู่ฉังหมิงสนใจในตัวอนุซุนได้เพียงไม่นาน เพราะคำพูดของเกอซูฮั่นทำให้เขาตกใจกว่ามาก เผลอตะโกนออกมาเสียงดังทันทีว่า ไม่ได้!
ไม่ได้? เกอซูฮั่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ จวนซู่เฉิงโหวคิดว่าข้าผู้นี้ไม่คู่ควรกับคุณหนูสี่ตระกูลมู่เช่นนั้นหรือ ข้ามาขอสมรสอย่างใจจริง คุณหนูตระกูลมู่จะได้รับการปฏิบัติดั่งพระชายา นับว่าเขานั้นได้แสดงความจริงใจอย่างยิ่ง เกอซูฮั่นมีตำแหน่งสูงส่งในเป่ยฮั่น อยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น แต่แท้จริงแล้วหากทั้งสองแคว้นต้องการสร้างสัมพันธ์ไมตรีอย่างสันติภาพก็จะต้องอภิเษกกับองค์หญิงที่เกิดจากเหล่าพระสนมขององค์ฮ่องเต้แคว้นหวา องค์หญิงที่เกิดจากพระสนมนั้นได้เป็นถึงพระชายาก็นับว่ามีบุญแล้ว
มู่ฉังหมิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ตนไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน หากฮ่องเต้แคว้นหวาทรงหวาดระแวงเหมือนเรื่องที่ตระกูลกู้สมคบคิดร่วมมือกับศัตรูในครั้งนั้น…ศัตรูที่กำลังกล่าวถึงก็คือเป่ยฮั่น ถึงแม้ว่ายามนี้ทั้งสองแคว้นจะกำลังตระเตรียมยุติความขัดแย้งเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี แต่สตรีที่ได้รับเลือกจากอ๋องของเป่ยฮั่นกลับเป็นสตรีที่เขามาสู่ขอเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเอง ซึ่งนี่แตกต่างจากที่ผู้คนคิดตอนแรกอย่างสิ้นเชิง เขาเกรงว่าจะโดนคนอื่นยุยงใส่ร้ายได้ เช่นนั้น ตนและจวนซู่เฉิงโหวก็จะกลายเป็นดั่งตระกูลกู้ที่สอง นอกจากนี้แม้จะนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่บุตรีได้สมรส แต่แท้จริงแล้วหลังจากสมรสสาบานต่อฟ้าดินแล้วก็จะไร้ซึ่งความช่วยเหลือใดๆ จากตระกูลของฝ่ายหญิงที่ออกเรือนไปแล้ว นอกจากนี้น้ำหนักของบุตรีที่เกิดจากอนุภรรยากับบุตรีที่เกิดจากฮูหยินของจวนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น มู่ฉังหมิงจึงไม่เต็มใจที่จะให้มีความสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างจวนซู่เฉิงโหวกับเกอซูฮั่น
สำหรับเกอซูฮั่น เกรงว่าการถูกปฏิเสธอย่างทันทีเช่นนี้จะเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ไอสังหารราวกับกระบี่คอยทิ่มแทงได้ถูกแผ่ออกมา มองไปที่มู่ฉังหมิงแล้วกล่าวว่า เหตุใดซู่เฉิงโหวถึงไม่พูดบอกเหตุผลออกมาเล่า
มู่ฉังหมิงนั่งลง พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า เลี่ยอ๋องให้ความสำคัญกับจวนซู่เฉิงโหวเช่นนี้ถือเป็นเกียรติยิ่งนัก แต่..เกรงว่าฮ่องเต้แคว้นหวาทรงเป็นผู้จัดการเรื่องการอภิเษกสมรสของท่าน หากเลี่ยอ๋องไม่ได้ทูลบอกกับฮ่องเต้ก่อนที่จะมาเอ่ยสู่ขอคนของจวนซู่เฉิงโหว กระหม่อมเกรงว่าจะไม่สะดวกพ่ะย่ะค่ะ
เกอซูฮั่นขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า ไม่ใช่ว่า การกระทำเช่นนี้นั้นเป็นการให้ความเคารพต่อสตรีก่อนที่จะออกเรือนเช่นนั้นหรือ
ดูเหมือนว่าเกอซูฮั่นผู้นี้จะความสำคัญกับมู่ชิงอีอย่างมาก มู่ฉังหมิงครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ก่อนที่จะพูดว่า เป็นอย่างที่ท่านอ๋องกล่าวมา แต่กระนั้นแล้ว จวนซู่เฉิงโหวนั้นเป็นขุนนางของฮ่องเต้ การขอสมรสของท่านอ๋องจึงไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกจากนี้…ยามนี้บุตรีของกระหม่อมไม่ได้อยู่ที่จวน เกรงว่าท่านอ๋องควรจะซักถามความคิดเห็นของนางก่อน
นางจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน เกอซูฮั่นพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
มู่ฉังหมิงขมวดคิ้ว เหตุใดเกอซูฮั่นผู้นี้ถึงมั่นใจนัก เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ทั้งสองคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว
มู่เชินที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังมาโดยตลอด ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงโน้มน้าวว่า ท่านพ่อ ไม่สู้ให้ข้าไปรับน้องหญิงสี่กลับมาตอนนี้ เพื่อถามนางโดยตรงว่ามีความคิดเห็นเช่นไรเล่าขอรับ
มู่ฉังหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่มู่เชินอย่างชื่นชมแล้วกล่าวว่า ก็ดี เช่นนั้นเจ้ารีบไปรีบกลับเถิด! ในเวลาเดียวกันเกอซูฮั่นก็ขยิบตาให้มู่เชิน มู่เชินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหมุนตัวออกไปทันที เมื่อท่าทีของบุตรชายคนโตของตัวเอง มู่ฉังหมิงก็พยักหน้าในใจ
ช่วงนี้มู่เชินนั้นจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดียิ่งนัก
ท่านโหว เนื่องจากท่านมีเรื่องสำคัญ เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลาก่อนขอรับ หลี่ซู่ที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาอย่างปริปากเงียบมาโดยตลอด จึงถือโอกาสนี้ลุกขึ้นกล่าวลา เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในยามนี้ไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องถอนหมั้น เพราะอย่างไรก็ตาม ความต้องการของตระกูลหลี่ก็ได้ถูกนำมาบอกกล่าวแล้วและมู่ฉังหมิงก็รับทราบแล้ว อีกทั้ง มู่ฉังหมิงก็ไม่ต้องการให้เขาอยู่รู้เห็นมากจนเกินไป จึงให้พ่อบ้านส่งหลี่ซู่ออกไป
ภายในเรือนพำนักบนเขาหลังวัดเป้ากั๋ว มู่ชิงอีและหรงจิ่นนั่งอยู่ตรงข้ามเล่นหมากรุกกัน หรงจิ่นถูตัวหมากในมือ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ทุกวันนี้จวนซู่เฉิงโหวมีชีวิตชีวายิ่งนัก น่าเสียดายที่ชิงชิงพลาดละครดีๆ ไปเสียแล้ว
มู่ชิงอีนิ่งสงบ กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า เสียดายอะไรกัน องค์ชายเก้ากลัวว่าโลกนี้จะไม่วุ่นวาย แม้แต่จวนซู่เฉิงโหวก็ไม่ละเว้นเช่นนั้นหรือ หรงจิ่นกะพริบตามองดูนางอย่างไร้เดียงสา ไม่ใช่ว่าต้องการเห็นคนของจวนซู่เฉิงโหวไม่อยู่ขัดหูขัดตาหรอกหรือ นี่ข้าเข้าใจผิดหรืออย่างไร
มู่ชิงอีเพียงยิ้มไม่ตอบคำถาม แต่กลับพูดว่า ชิงอีได้เตรียมสิ่งที่องค์ชายต้องการไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ชิงอีต้องการนั้น องค์ชายได้เตรียมไว้แล้วหรือไม่
หรงจิ่นชะงักงัน มู่ชิงอีสังเกตเห็นร่องรอยของความเศร้าโศกจากชายตรงหน้า หลังจากนั้นไม่ นานหรงจิ่นก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า ข้าผู้นี้ไม่ได้มองคนผิดจริงๆ ชิงชิงวางใจได้ ไม่ต้องกังวล ข้าได้เตรียมสิ่งที่เจ้าต้องการไว้ที่นี่แล้ว
องค์ชายเก้าหยิบสาส์นออกมาแล้วยื่นให้มู่ชิงอีพร้อมกล่าวว่า เพื่อเรื่องนี้แล้ว ข้าต้องใช้ความพยายามไม่น้อย ชิงชิงคงต้องตอบแทนข้าให้ดีแล้ว
มู่ชิงอีหยิบกล่องไม้แกะสลักออกมาจากข้างหลัง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คงไม่ใช่ว่าให้ตอบแทนด้วยเงินหรอกกระมัง ใช้เวลาปรุงนานกว่าครึ่งเดือน หม่อมฉันรับรองได้ว่าเป็นเครื่องหอมโยวหันที่บริสุทธิ์ที่สุดเพคะ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงชิงปรุงเครื่องหอมโยวหันจริงๆ ด้วย หรงจิ่นมองมู่ชิงอีด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาได้ค้นพบความลับอันน่าเหลือเชื่อของของนางเข้าแล้ว
มู่ชิงอีเมินเฉยไม่สนใจท่าทีของเขา เพียงแค่ลบตัวหมากบนกระดานหมากที่อยู่บนโต๊ะแล้วโยนมันลงในกล่องเก็บตัวหมากที่อยู่ติดกัน ท่าทีของการส่งแขกนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก หรงจิ่นเข้าใจแต่โดยดีจึงยิ้มพลางลุกขึ้นยืนถือกล่องที่บรรจุเครื่องหอมโยวหันแล้วจากไป
มู่ชิงอีก้มลงมองสาส์นในมือของนาง ขนตาที่งอนงามสั่นไหวเล็กน้อย
ครึ่งชั่วยามต่อมา มู่เชินก็มาถึงหน้าทางเข้าวัดเป้ากั๋ว รีบตรงเข้ามาหาน้องหญิงสี่ผู้สง่างามของตน
ในห้องที่เงียบสงบและมืดมิด มู่ชิงอีนั่งอยู่เพียงลำพัง สาส์นที่ถูกกางออกวางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ตัวนาง ในสาส์นนั้นมีตัวหนังสือปรากฏอยู่เพียงไม่กี่คำ แต่ทุกคำล้วนเป็นดั่งใบมีดที่กรีดแทงทะลุหัวใจของนาง
‘ปีจิ้งอานที่ยี่สิบสาม วันที่สามเดือนเก้า ฮ่องเต้จิ่งอานเรียกตัวฮูหยินของจวนซู่เฉิงโหวเข้าเฝ้า’
‘ในวันที่ห้า ซู่เฉิงโหวฮูหยินกลับจวน หลังจากกลับไปก็ถูกกักขังอยู่ในเรือนโดยฮูหยินผู้เฒ่าของเรือนเต๋ออาน’
‘ในวันที่เจ็ดเดือนสิบ มู่เฟยหลวนลอบกลับไปที่จวนอย่างลับๆ เพื่อเข้าพบซู่เฉิงโหวฮูหยิน’
‘ในวันที่แปดเดือนสิบ ซู่เฉิงโหวฮูหยินผูกคอตาย’
ในบรรทัดสุดท้ายของสาส์นปรากฏข้อความ ‘ซู่เฉิงโหวฮูหยินถูกตั้งข้อสงสัยว่าตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนก่อนจะผูกคอตาย’
พอสิ้นบรรทัดสุดท้ายก็ไม่ได้มีตัวหนังสืออื่นอีก แต่สำหรับมู่ชิงอี เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
มู่ ฉัง หมิง!
ข้าจะต้องทำลายจวนซู่เฉิงโหวของเจ้าให้สิ้นซาก!
น้องหญิงสี่ เจ้าอยู่หรือไม่ เสียงของมู่เชินดังขึ้นด้านนอกประตู ปลุกมู่ชิงอีที่กำลังจมดิ่งอยู่ในความเกลียดชังให้มีสติขึ้นมา นัยน์ตาของมู่ชิงอีกะพริบสั่นไหวเล็กน้อย แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ค่อยๆ จางหายไป ทางด้านนอกประตู มู่เชินผลักประตูให้เปิดออก ทันใดนั้นก็พบกับมู่ชิงอีที่ท่าทีเยือกเย็นราวกับเกล็ดหิมะก็ไม่ปาน พลันขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า น้องหญิงสี่ ผู้คนที่อยู่รอบกายของเจ้ามีน้อยเกินไปแล้ว ข้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้วยังไม่พบผู้ใดเลย จูเอ๋อร์ผู้นั้นไปไหนเสียล่ะ
มู่ชิงอีวางสาส์นลงบนโต๊ะอย่างงุนงง พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ข้าให้นางไปที่โรงครัวเจ้าค่ะ เหตุใดพี่ใหญ่ถึงมาอย่างกะทันหันเช่นนี้
มู่เชินพูดอย่างกังวลว่า น้องหญิงสี่ เลี่ยอ๋องมาที่จวนเพื่อสู่ขอเจ้า ท่านพ่อจึงต้องการให้เจ้ากลับจวนโดยเร็ว ในใจของเจ้าก็คงรู้ดี ความหมายของท่านพ่อ…คือไม่อยากให้เจ้าออกเรือนไปกับเป่ยฮั่น
มู่ชิงอีตกตะลึง คิดไม่ถึงว่า เกอซูฮั่นผู้นี้จะมาสู่ขอด้วยตัวเอง ราวกับว่ามีเคยมีเรื่องราวเบื้องหลัง…เป็นไปได้หรือไม่ว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงของตนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ