หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 59 ความจริงใจขององค์ชายเก้า (1)
กู้ซิ่วถิงมองดูเขาอย่างขบขัน กงอ๋องปฏิบัติกับกระหม่อมเหมือนคนโง่เช่นนี้ หากกระหม่อมยังมีชีวิตอยู่…จะยอมบอกที่อยู่ของจิ่วจ่วนหลิงหลงแก่พระองค์ได้เช่นไร ประสบการณ์ของกงอ๋องก็ควรจะได้รับการเรียนรู้มาแล้วกระมัง
ในปีนั้นมู่หรงอวี้เป็นเพียงองค์ชายธรรมดาองค์หนึ่งในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย แม้ว่าเสด็จแม่ของเขาจะมีแซ่จู แต่นางไม่ได้มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับผิงอ๋อง อีกทั้งยังมาจากตระกูลบัณฑิตทั่วไปเพียงเท่านั้น เมื่อให้กำเนิดองค์ชายสองพระองค์แล้วฮ่องเต้ก็ไม่ได้ให้ความโปรดปรานแต่อย่างใดอีก หากไม่ใช่เพราะการหมั้นหมายของมู่หรงอวี้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ หากไม่ใช่เพราะมู่หรงอวี้ที่เริ่มแสดงท่าทีเป็นที่พึ่งพิงของน้องชายก็คงได้แต่แอบสะสมอำนาจ หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วจวนกงอ๋องจะมีอำนาจจวบจนทุกวันนี้ได้เยี่ยงไร แต่ท้ายที่สุดผู้ที่โจมตีตระกูลกู้และองค์รัชทายาทอย่างโหดเหี้ยมกลับเป็นกงอ๋องผู้อ่อนโยนและสง่างามที่อยู่ต่อหน้าตนผู้นี้
ท่าทางของมู่หรงอวี้เดือดดาลขึ้นเล็กน้อย กล่าวอย่างเย็นชาว่า กู้ซิ่วถิง ข้ารู้ว่ากระดูกของเจ้านั้นแข็งมาก แต่ข้าไม่เชื่อว่ากระดูกของเจ้าจะแข็งกว่าเครื่องมือทรมานพวกนี้!
กู้ซิ่วถิงไม่สนใจเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ทนต่ออีกสักเดือน…ก็ยังพอทนไหว แต่…หึๆ กระหม่อมเกรงว่ากงอ๋องจะไม่มีเวลารอถึงหนึ่งเดือนกระมัง อย่างไรก็ตาม เห็นแก่กงอ๋องที่เป็นกังวลอย่างมาก กระหม่อมจะยอมบอกข่าวดีแก่พระองค์ก็ได้
มู่หรงอวี้เหลือบมองไปที่กู้ซิ่วถิงด้วยความสงสัย
กู้ซิ่วถิงไม่สนใจว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เอนพิงเสาข้างหลังแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า องค์ชายทราบหรือไม่ว่าเหตุใด…ข่าวของจิ่วจ่วนหลิงหลงถึงถูกแพร่งพรายออกมายามนี้
เพราะเหตุใดกัน
กู้ซิ่วถิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เพราะ…หลังจากวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ในปีนี้ ในใต้หล้านี้…จะไม่มีสมบัติลับของตระกูลกู้อีกต่อไป
หมายความว่าอย่างไร มู่หรงอวี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
กู้ซิ่วถิงมองดูเขาอย่างนึกสนุกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ท่านทราบหรือไม่ว่าตระกูลกู้ร่ำรวยมั่งคั่งมากเพียงใด ประวัติของตระกูลกู้นั้นยาวนานเป็นสองเท่าของแคว้นหวา แม้จะมีช่วงเวลาที่ตระกูลกู้ประสบความยากลำบาก แต่ก็ยังยืนหยัดอย่างมั่งคงอยู่เสมอ…แน่นอนว่ายามนี้ก็พินาศสิ้นแล้ว แต่ความมั่งคั่งที่สะสมมาตลอดในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา หากกล่าวตามตรงแม้คลังสมบัติของแคว้นหวาก็ไม่อาจเทียบเท่า และแน่นอนว่ายังมี…สมบัติที่หายากอย่าง…จิ่วจ่วนหลิงหลง
มู่หรงอวี้จ้องไปที่กู้ซิ่วถิงด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวดูน่าเกลียด เอ่ยอย่างเย็นชาว่า กล่าวเช่นนี้มันไม่ผิดต่อทั้งตระกูลกู้หรอกหรือ ตระกูลกู้แอบซ่อนทรัพย์สมบัติไว้มากมายขนาดนี้ต้องการจะกระทำสิ่งใดกัน ช่วยองค์รัชทายาทเช่นนั้นหรือ
กู้ซิ่วถิงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าวว่า กบฏที่ร่ำรวย…ช่างเป็นอาชญากรรมที่ชั่วร้ายเสียจริง เช่นนั้น…กงอ๋องปรารถนาสิ่งใดจากทรัพย์สมบัตินี้กัน สร้างทหารกบฏ? ก็คงจะไม่ผิด แม้ว่าจวนซู่เฉิงโหวกำลังอยู่ข้างเดียวกับกงอ๋องและยังมีผิงหนานจวิ้นอ๋องคอยสนับสนุน แต่ทหารในมือของพวกเขานั้นมีเพียงหนึ่งหรือสองในสิบส่วนของแคว้นหวา กองทัพที่อยู่ในมือของอานซีจวิ้นอ๋องก็มักจะขัดแย้งกับกงอ๋องและหนิงอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้นแม่ทัพใหญ่เว่ยก็เป็นท่านตาขององค์ชายเจ็ด กงอ๋องมีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ในเรื่องของจำนวนทหารนั้น…
น้องแปดยอมทำทุกสิ่งที่เจ้าเอ่ยปาก มู่หรงอวี้ท่าทางเย็นชา ไม่สามารถหักล้างสิ่งที่กู้ซิ่วถิงกล่าวได้ เหตุผลที่เขายืนกรานให้มู่หรงอานสมรสกับมู่อวิ๋นหรงผู้โง่งมในฐานะพระชายาก็เป็นเพราะอำนาจทางทหารของซู่เฉิงโหว
โง่เขลา กู้ซิ่วถิงเอ่ยเบาๆ องค์รัชทายาทและตระกูลกู้ต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือคนเช่นเจ้า…
เจ้าพูดว่าอะไร มู่หรงอวี้พูดอย่างเย็นชา
กู้ซิ่วถิงดูราวกับว่าไม่ต้องการสนทนากับเขาอีกต่อไป เอนตัวพิงเสาและหลับตาลง ราวกับว่าเครื่องมือทรมานและผู้คนมากมายไม่ได้อยู่ในห้องนี้
เมื่อโดนเขาเพิกเฉยใส่ มู่หรงอวี้ก็ต้องโกรธจัดเป็นธรรมดา พูดอย่างเดือดดาลว่า ลงมือซะ! เอาให้เหลือแค่ลมหายใจอยู่ก็พอ! เขารู้ดีว่าทรมานกู้ซิ่วถิงไปก็ไร้ประโยขน์ แต่หากเขาปล่อยกู้ซิ่วถิงไปก็ไม่สามารถกลืนลมหายใจนี้ได้อยู่ดี
หยุดมือ! ด้านนอกประตู มู่หรงอานเตะทหารกลุ่มหนึ่งที่ขวางทางเข้าอยู่ เมื่อเห็นกู้ซิ่วถิงที่ตัวโชกโลหิตอยู่ในห้อง ดวงตาก็เบิกกว้างแล้วจ้องไปที่มู่หรงอวี้
มู่หรงอวี้ยิ้มเยาะ กล่าวอย่างลุ่มลึกว่า ทำไม เจ้าต้องการลงมือกับข้าเพื่อเขาเช่นนั้นหรือ
มู่หรงอานตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มศีรษะลง พี่หก…ท่านอย่าทรมานเขาอีกเลย หากเขาไม่ต้องการที่จะบอก เขาก็จะไม่มีทางปริปากพ่ะย่ะค่ะ ไหนเลยมู่หรงอวี้จะไม่รู้ความจริงนี้ แต่ยิ่งเห็นสีหน้าของน้องชายที่เป็นเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งโกรธแล้วลุกขึ้นเตะมู่หรงอาน กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาสั่งสอน ออกไปจากจวนข้าบัดเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่ากู้ซิ่วถิงทิ้งซะ!
พี่หก! มู่หรงอานอุทานด้วยความกังวล
ดูท่าทางที่ไม่ได้เรื่องของเจ้าสิ เจ้าเป็นองค์ชายนะ! มู่หรงอวี้จ้องไปที่มู่หรงอานแล้วกล่าวเสียงเข้ม แต่มู่หรงอานกลับเหลือบมองไปที่กู้ซิ่วถิงซึ่งยังคงปิดตาอยู่ ก็กัดฟันแล้วกล่าวว่า ไว้ชีวิตเขาด้วยเถิดพี่หก ถือว่าข้าขอร้องท่าน
ออกไป! พาเขาออกไปให้พ้นหน้าข้าซะ! มู่หรงอวี้กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
องครักษ์หลายคนรีบวิ่งไปข้างหน้าและลากตัวมู่หรงอานออกไปทันที แม้ว่าเขาจะดิ้นรนขัดขืนเพียงไร แต่เหล่าองครักษ์ก็ไม่ยอมปล่อยมือแล้วรีบรุดออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว มู่หรงอวี้จ้องไปที่มู่หรงอานซึ่งยังคงดิ้นรนให้หลุดพ้นจากองครักษ์ กล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า เจ้าดิ้นรนอีกสิ ข้าจะให้เจ้าเห็นศีรษะของกู้ซิ่วถิงตกลงมาจากบ่าของเขาประเดี๋ยวนี้เลย!
ในจวนหนิงอ๋อง
มู่หรงอานกำลังนั่งอยู่ในเรือนหลังเล็ก เรือนหลังเล็กที่ดูราวกับว่างเปล่า เงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยวขึ้นเพราะเจ้าของได้จากไปแล้ว มู่หรงอานเอนกายลงไปที่ตั่งนั่งนุ่มฟูและกำลังร่ำสุราอย่างเมามาย เมื่อโถสุราว่างเปล่า เขาก็โยนมันไปที่ประตู องครักษ์และบ่าวรับใช้หญิงนอกประตูมองไปยังประตูด้วยความกังวลใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปหาความตายในยามนี้
เนื่องจากชายหนุ่มที่เคยอาศัยอยู่ในเรือนหลังเล็กนี้ได้ถูกชิงตัวออกไปโดยกงอ๋องเมื่อไม่กี่วันก่อน หนิงอ๋องได้ทะเลาะกับกงอ๋อง เขาจึงมานั่งอยู่ในนั้นและร่ำสุรา พ่อบ้านหลายคนในจวนนั้นโดนทุบตี หากไม่ใช่เพราะกงอ๋องทรงงานยุ่งอยู่ในหลายวันมานี้ เกรงว่าในยามนี้เขาคงไปสร้างปัญหาต่อหน้ากงอ๋องและพระสนมอวิ๋นเฟยในวังแล้ว
เรียนท่านอ๋อง…
ไปให้พ้น! ก่อนที่ชายหนุ่มจะทูลรายงานจบ เสียงคำรามอันรุนแรงของมู่หรงอานก็ดังออกมาจากข้างใน สิ่งที่ตามมาคือหยกแกะสลักที่ควรจะอยู่บนโต๊ะก็ลอยออกมา ชายหนุ่มใบหน้าซีดเซียวทันใด หยกแกะสลักลอยผ่านหน้าเขาไปอย่างกระชั้นชิด ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่แก้มอย่างฉับพลัน หลังจากหลีกเลี่ยงหายนะนี้ไปได้ ชายหนุ่มก็รีบกล่าวด้วยความตื่นตระหนกว่า ท่านอ๋อง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณชายกู้…
เข้ามา เงียบไปครู่หนี่ง มู่หรงอานก็กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
ชายหนุ่มแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก กลืนน้ำลายของตนรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไป หนิงอ๋องมีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่อารมณ์ของเขานั้นโหดร้ายและรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนล้วนไม่กล้าเข้าใกล้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนตั้งมากมายสิ้นชีพไปอย่างไร้ความเป็นธรรมในจวนหลังนี้
รีบพูดมา มู่หรงอานจ้องไปที่ชายหนุ่มข้างหน้าตนและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า เรียนท่านอ๋อง ตอนที่กระหม่อมออกไปข้างนอกจวน มีคุณชายท่านหนึ่งฝากมอบสานส์นี้ให้ท่านอ๋อง เขายังกล่าวอีกว่า…ว่าในยามนี้เรื่องนี้สำคัญเป็นอย่างมาก หากท่านอ๋องพลาดเรื่องนี้จะเสียใจพ่ะย่ะค่ะ
ดวงตาของมู่หรงอานหรี่ลง แสงเย็นเยียบส่องออกจากดวงตาที่มืดมนของเขา เมื่อครู่ที่อยู่ข้างนอกประตู เจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้!