หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 66 เสียโฉม? แผนซ้อนแผน! (3)
ภายในใจของสะใภ้ซุนเต้นระรัว นางยังคงรู้จักมู่ฉังหมิงเป็นอย่างดี ที่บอกว่าเอนเอียงไปทางมู่ชิงอีนั้นนางเชื่อแต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าเขาจะละทิ้งอวิ๋นหรงที่กำลังจะเป็นพระชายาหนิง ตราบใดที่เรื่องนั้นสำเร็จแม้จะถูกพบเข้าโทษก็จะไม่หนักจนเกินไป
อวิ๋นหรง…
หากท่านแม่กลัวล่ะก็ ลูกจะทำเอง มู่อวิ๋นหรงเอ่ยอย่างไม่คิดที่จะอดทน เพียงแค่คิดว่านางทำลายใบหน้าของนังเด็กน่าเกลียดนั่นได้ ก็รู้สึกปิติอยู่ภายในใจแล้ว
สะใภ้ซุนมองดูบุตรสาวด้วยความรักพร้อมเอ่ยเบาๆ ว่า ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องระวังไม่ให้ท่านพ่อกับท่านย่าของเจ้าพบเข้าล่ะ เมื่อเห็นว่าท่านแม่ของนางตอบตกลง มู่อวิ๋นหรงก็มีความสุขขึ้นทันที กอดแขนมารดาแล้วเอ่ยยิ้มๆ ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกรับรองว่าในอนาคตจะไม่ให้นังเด็กน่าเกลียดคนนั้นมีหน้าออกมาเจอผู้คนได้อีกเจ้าค่ะ!
น้องหญิงสาม ลำบากเจ้าแล้ว เช่นนั้นก็ระมัดระวังให้ดี เจ้าไม่ใช่ว่าชอบชุดเครื่องประดับหยกในห้องของพี่รองหรอกหรือ ประเดี๋ยวกลับไปพี่รองจะให้ใครสักคนนำมันมาให้เจ้า มู่หลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น มู่อวิ๋นหรงที่ออดอ้อนพิงแขนของสะใภ้ซุนอยู่นั้นไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้าของมู่หลิง
เช้าวันรุ่งขึ้นมู่ชิงอีตื่นขึ้นและไปคำนับมู่ฮูหยินผู้เฒ่าตามปกติ เมื่อนางกลับมาถึงเรือนหลานจื่อ จูเอ๋อร์ก็ได้วางอาหารเช้าของนางไว้บนโต๊ะแล้ว เมื่อเห็นมู่ชิงอีกลับมาก็รีบทักทายนางด้วยรอยยิ้ม คุณหนูกลับมาแล้ว ข้าวเช้าวันนี้เป็นโจ๊กเมล็ดบัวที่คุณหนูชอบด้วยนะเจ้าคะ
แน่นอนว่ามีถ้วยที่ส่งกลิ่นหอมสดชื่นของโจ๊กเมล็ดบัวที่ต้มอย่างพิถีพิถันวางอยู่บนโต๊ะ ยังมีเกี๊ยวที่ทำขึ้นอย่างประณีตงดงามและเครื่องเคียงที่ชุ่มคออีกสองจาน ถึงแม้จะไม่ใช่อาหารที่หลากหลายและหรูหราแต่ก็ทำให้คนที่เห็นเกิดความอยากอาหาร
ตั้งแต่มู่ชิงอีย้ายไปที่เรือนหลานจื่อ มู่อวิ๋นหรงและมู่หลิงก็โชคไม่ดีติดต่อกัน พฤติกรรมของมู่ชิงอีก็แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก แต่ว่าฐานะของบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกนี้กลับสูงขึ้น ในปัจจุบันจวนซู่เฉิงโหวแห่งนี้แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าทุกคนล้วนประจบสอพลอ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าละเลยคุณหนูสี่ผู้นี้
มู่ชิงอีทำความสะอาดมือของตน นั่งลงหยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กเพื่อลิ้มรส
พรึ่บ!
เกิดลมรุนแรงสายหนึ่งพัดออกมาจากที่ซ่อน มู่ชิงอีรู้สึกชาที่ข้อมือเล็กน้อย ช้อนในมือของนางตกลงไปในชาม อู๋ซินเดินออกจากความมืดและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า คุณหนู โจ๊กนี้ทานไม่ได้ขอรับ
เจ้า? เจ้า… จูเอ๋อร์ตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่รู้สึกตัวอีกครั้งนางก็รีบปิดปากของตนพร้อมมองไปที่มู่ชิงอี
เห็นได้ชัดว่าคุณหนูรู้จักชายผู้นี้
มู่ชิงอีมองไปที่อู๋ซินอย่างไม่แปลกใจ นางเหลือบมองไปที่จูเอ๋อร์อย่างปลอบขวัญพลางเอ่ยถามว่า โจ๊กนี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือ
อู๋ซินเดินไปข้างโต๊ะแล้วใช้สองมือหยิบโจ๊กที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดม มียาอยู่ข้างใน
มีคน…มีคนวางยาพิษ? จูเอ๋อร์หน้าซีดด้วยความตกใจ
อาหารเช้าของคุณหนูนางเป็นคนนำเข้ามาที่ห้องหนังสือเองกับมือ
อู๋ซินส่ายหัวแล้วพูดว่า ก็ไม่นับว่าเป็นยาพิษหรอกแต่เป็นบางส่วนของเกสรดอกไม้ หากคนธรรมดากินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วนั้น ที่ใบหน้าจะมีจุดผื่นขึ้นเหมือนโรคอีสุกอีใส แต่ว่า…ถ้ากินพร้อมกับเนื้อปูล่ะก็จะทำให้เป็นแผลเน่าพุพองได้ เขาก้มลงมองดูเสี่ยวหลงเปาที่น่ากินและขาวราวหิมะบนโต๊ะ และแน่นอนว่าเป็นใส้ปู
จูเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าซีดเผือด บ่าว…เมื่อตอนที่บ่าวไปที่ห้องครัว สะใภ้จ้าวในห้องครัวบอกว่าเสี่ยวหลงเปาเพิ่งจะทำขึ้น…บ่าวคิดว่าปกติคุณหนูชอบทานสิ่งนี้ ดังนั้นจึง…
มู่ชิงอีถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นตบลงไปบนมือของจูเอ๋อร์พร้อมเอ่ยว่า เอาล่ะ ข้ายังไม่ได้กินมันเข้าไปสักหน่อย ไม่เป็นไร นางหันไปหาอู๋ซินพร้อมเอ่ยถามว่า เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าไม่เคยได้สัมผัสกับมื้อเช้าเสียหน่อย
อู๋ซินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า ข้าน้อยพอมีความรู้เกี่ยวกับยาและยาพิษเล็กน้อย ได้กลิ่นหอมผิดปกติ นอกจากนี้…นี่ไม่ใช่ฤดูที่จะทานเนื้อปู ข้าน้อยคงพูดมากไป คุณหนูเองก็น่าจะค้นพบแล้ว มู่ชิงอียิ้มจางๆ แท้ที่จริงนั้นนางก็รู้แล้ว แม้ว่านางจะไม่ค่อยรู้เรื่องยาพิษมากนักแต่นางก็ไวต่อกลิ่นมากกว่าคนทั่วไป ต่อให้โจ๊กเมล็ดบัวตุ๋นดีแค่ไหนหากไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มลงไปก็จะไม่มีกลิ่นดังกล่าว
มีคนต้องการที่จะทำลายใบหน้าของคุณหนูหรือเจ้าคะ อิ๋งเอ๋อร์กล่าวอย่างเคร่งขรึม ปกติที่ข้างกายของมู่ชิงอีมีเพียงจูเอ๋อร์คนเดียวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้นางได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสาวใช้คนสนิทในเรือนซึ่งโดยปกติแล้วย่อมไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น แม้แต่จูเอ๋อร์ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณหนูจะต้องมีสาวใช้มากหน่อย แต่ก่อนคุณหนูนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมมากเกินไปแล้ว
มู่ชิงอียิ้มพลางกลอกตาไปมา นี่น่าสนใจจริงๆ วิธีการทำให้เสียโฉมนี้เมตตากรุณาเกินไป ข้าคิดว่าสามแม่ลูกสะใภ้ซุนควรต้องการชีวิตของข้าสิถึงจะถูก
อิ๋งเอ๋อร์ร้องเสียงต่ำเอ่ยเบาๆ ว่า ถึงแม้พวกเขาจะต้องการแบบนั้นแต่ก็เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่กล้าขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ
แม้ว่าคุณหนูจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานแต่นางก็ยังเป็นบุตรสาวของฉินกั๋วฮูหยิน ถ้าหากบอกว่าป่วยตายกะทันหันเกรงว่าสะใภ้ซุนคงจะรับผิดชอบไม่ไหว ในจวนซู่เฉิงโหวแห่งนี้เว้นแต่มู่ฉังหมิงต้องการวางยาพิษคุณหนูให้ตายเกรงว่าคงจะไม่มีใครกล้าลงมือเป็นแน่
ถึงขนาดนี้แล้วพวกเขาก็ยังมีอารมณ์ที่จะเล่นถึงกับจะทำให้ข้าเสียโฉมอยู่อีก หรือเป็นเพราะบทเรียนที่ข้าให้ไปก่อนหน้านั้นมันไม่เพียงพอกระมัง มู่ชิงอีไตร่ตรองแล้วเหลือบมองไปยังอิ๋งเอ๋อร์พลางเอ่ยถามว่า ในจวนมีข่าวอะไรบ้างหรือไม่
ไม่เหมือนกับจูเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายมู่ชิงอีมาโดยตลอด อิ๋งเอ๋อร์เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามานางมีรูปลักษณ์ที่น่ารักและมีเสน่ห์ สามารถกล่าวได้ว่าเสมือนปลาได้น้ำท่ามกลางข้ารับใช้ในจวน การสืบหาข่าวนั้นจึงง่ายกว่าผู้อื่นมาก
อิ๋งเอ๋อร์กล่าวว่า เมื่อวานนี้หลังจากสะใภ้ซุนกลับจากวังหลวงก็ไปพบนายท่านโหวที่ห้องหนังสือ ได้ยินมาว่าท่าทางไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าใดนัก สาวใช้น้อยที่รับผิดชอบทำความสะอาดอยู่ในเรือนของคุณหนูสามดูเหมือนจะได้ยินมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่าคุณหนูสามจะทำให้คุณหนูไปร่วมงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ไม่ได้เจ้าค่ะ
ไปร่วมงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ไม่ได้ นี่มันช่างน่าสนใจ มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยอย่างยิ้มๆ
อู๋ซินถามขึ้น คุณหนู ต้องการจับคนในครัวมาไต่ถามหรือไม่ขอรับ
มู่ชิงอีส่ายหัวแล้วกล่าวว่า ไม่ต้อง จูเอ๋อร์ ครึ่งชั่วยามหลังจากนี้ไปเชิญท่านหมอมา
เชิญท่านหมอ? จูเอ๋อร์พูดอย่างงงงวย
ที่ริมฝีปากของมู่ชิงอีปรากฏรอยยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา บนใบหน้าของข้ามีตุ่มพุพองเกิดขึ้น
เจ้าค่ะ คุณหนู แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าคุณหนูต้องการทำสิ่งใดแต่จูเอ๋อร์ก็คอยทำตามมู่ชิงอีอยู่เสมอ ไม่ว่านางจะสั่งให้ทำสิ่งใดตนก็จะทำในสิ่งนั้น มู่ชิงอีพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า จัดการเรื่องนี้เสีย จากนั้นไปที่ห้องครัวเพื่อนำของว่างมา หากมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องอาหารเช้าก็แค่บอกไปว่าโจ๊กอร่อยและข้าชอบมันมาก
เจ้าค่ะ คุณหนู จูเอ๋อร์พยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปหยิบของบนโต๊ะ ตนเป็นผู้นำสิ่งนี้มาและเกือบทำให้คุณหนูเสียโฉม แม้จะไม่รู้ว่ามู่ชิงอีต้องการจะทำสิ่งใดแต่จูเอ๋อร์รู้ว่านางนั้นต้องวางแผนคิดคำนวณในใจอยู่แล้ว และตนก็ต้องทำตามที่คุณหนูสั่งเท่านั้น
เมื่อเห็นจูเอ๋อร์ออกไปแล้ว อิ๋งเอ๋อร์ก็เอ่ยถามอย่างไม่พอใจว่า คุณหนู ท่านจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้หรือเจ้าคะ
มู่ชิงอีส่ายหัวพลางยิ้ม คราวนี้นับว่าพวกเขาได้ช่วยข้าแล้ว จัดการเรื่องตรงหน้านี้ให้เสร็จก่อน คิดบัญชีกับพวกเขาทีหลังก็ยังไม่สายเกินไป พอมาคิดดูอีกที อิ๋งเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
สะใภ้ซุนและคนอื่นๆ ไม่ต้องการให้คุณหนูเข้าร่วมในงานฉลอง พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะวางแผนอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้คุณหนูปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนโดยไม่ทำให้เกิดความสงสัย เช่นนี้สะใภ้ซุนไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขาอยู่หรอกหรือ