หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 104 ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร (3)
ดังนั้นคำตอบของอู๋ซินจึงค่อนข้างจริงจัง เรียนคุณ…ชาย เมื่อสิบปีก่อนหลังจากที่คุณชายเว่ยปรากฏตัวออกมาด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาล จากนั้นเขาก็กลายเป็นที่รู้จักกันในฐานะชายผู้ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า เขาถือเป็นผู้ที่มีแต้มต่อในทุกๆ ด้าน ทั้งมีพรสวรรค์ด้านค้าขายที่ไม่มีผู้ใดกล้าแข่งขันกับเขา แต่เขาเป็นใครกันแน่และในช่วงก่อนอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี ภูมิหลังของเขาเป็นมาอย่างไรล้วนไม่มีผู้ใดทราบขอรับ
ไม่มีผู้ใดกล้าแข่งขันด้วย? แม้แต่ตระกูลเหมยก็ยังสู้ไม่ได้? มู่ชิงอีเลิกคิ้ว อำนาจและอิทธิพลของตระกูลเหมยในตอนนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคุณชายเว่ยในตอนนี้เลย อีกไปกว่านั้น ตระกูลเหมยก็ยังเป็นตระกูลที่ประกอบกิจการค้าขายมากว่าหลายร้อยปี แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับคุณชายเว่ยที่อยู่ๆ ก็พุ่งทะยานขึ้นมา?
อู๋ซินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า องค์ชายนั้นเคยพูดว่า ตระกูลเหมยในรุ่นนี้ไม่มีผู้ใดสู้ได้ องค์ชายผู้นี้แน่นอนว่าหมายถึงหรงจิ่น คนที่แม้แต่หรงจิ่นยังต้องยกย่อง ดูแล้วคนผู้นี้แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาจริงๆ มู่ชิงอียิ้มจางๆ แต่อย่างไรก็ไม่มีอะไรเสียหายเพราะนางกับคุณชายเว่ยก็ไม่มีทางมาเกี่ยวข้องกันได้
คุณชายเว่ยดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกแม่ทัพนะขอรับ อู๋ซินกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
มู่ชิงอีหยุดชะงัก พลางหันกลับไปมองอู๋ซินและยิ้มขึ้น โอ้? มีสัมพันธ์ที่ดี…ความรอบรู้ขององค์ชายเก้าทำเอาข้าประหลาดใจเสียจริง มิตรภาพระหว่างเว่ยอู๋จี้และแม่ทัพเว่ยดูเหมือนจะเป็นเรื่องลับๆ ไม่อย่างนั้นความมั่งคั่งที่น่าอัศจรรย์ของเว่ยอู๋จี้คงได้ปลุกเร้าความริษยาของเหล่าองค์ชายแคว้นหวาไปนานแล้ว แต่ถ้าหรงจิ่นสามารถค้นพบสิ่งต่าง ๆ ที่แม้แต่เหล่าองค์ชายและผู้คนในเมืองหลวงก็ยังไม่ทราบอย่างชัดเจนก็ดูเหมือนว่านางควรจะประเมินความสามารถและพลังของหรงจิ่นให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก
อู๋ซินก้มศีรษะลงเพื่อทำให้ตัวเองมองไม่เห็นสีหน้าของมู่ชิงอี หญิงสาวผู้นี้หลายครั้งที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับองค์ชายเก้าอย่างมาก นางมักทำให้ผู้อื่นรู้สึกกดดันได้อย่างอธิบายไม่ถูก ดังนั้นอู๋ซินจึงไม่อยากเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดูสีหน้าของนาง เขาทำเพียงแค่กล่าวเรื่องที่ตนรู้ออกมาอย่างสงบเท่านั้น
มู่ชิงอีขมวดคิ้ว
คุณชายเว่ย…เว่ยอู๋จี้…
แม่ทัพใหญ่เว่ยหลี เว่ย…เว่ย…
องค์ชายของพวกเจ้ามีความเป็นปฏิปักษ์กับเว่ยอู๋จี้อย่างนั้นหรือ มู่ชิงอีถามขึ้นทันที
อู๋ซินประหลาดใจจนเงยหน้าขึ้นมามองที่มู่ชิงอี แม้มู่ชิงอีจะพูดอย่างแผ่วเบาดูไม่แยแสก็ตาม หากต้องการรับมือกับเว่ยอู๋จี้ก็ให้เขาไปทำเองเถิด ข้าไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับเว่ยอู๋จี้ ถึงแม้จะมีแต่มันก็ไม่มีความจำเป็นอยู่ดี
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดขาวหันหลังและเดินจากไป ใบหน้าที่เคร่งขรึมของอู๋ซินในที่สุดก็เผยความประหลาดใจและงุนงงเล็กน้อยออกมา
มู่ชิงอีไม่มีความรีบร้อนที่จะกลับไปที่จวน ในตอนนี้ในจวนซู่เฉิงโหวไม่มีใครมองหานางอยู่แล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่กลับไปหนึ่งหรือสองวัน ก็ไม่มีใครล่วงรู้อยู่ดี แม้ว่าอยู่ๆ จะมีใครมาขอพบนางแต่ด้วยไหวพริบระดับอิ๋งเอ๋อร์แล้วก็น่าจะสามารถรับมือได้จนกว่านางจะกลับไป เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาแล้วมู่ชิงอีจึงหันหลังกลับไปที่โรงเตี๊ยมทางทิศใต้แห่งหนึ่งภายในเมือง โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีชื่อว่าเรือนกุ้ยหลินเป็นกิจการในนามของจื้ออ๋อง และบุคคลที่มู่ชิงอีนัดหมายไว้ก็กำลังจ้องมองมาที่นางอยู่พอดี
เมื่อก้าวเข้าไปในเรือนกุ้ยหลินก็มีคนเข้ามาทักทายนางทันที ก่อนที่เสี่ยวเอ้อร์จะได้พูดอะไร มู่ชิงอีก็ยิ้มบางๆ พลางกล่าวว่า ข้านัดหมายกับองค์ชายสี่ไว้ เสี่ยวเอ้อร์อดไม่ได้ที่จะชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าโดยปกติแล้วองค์ชายสี่มักจะนัดหมายกับคนอื่นๆ ให้มาที่เรือนกุ้ยหลินแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น
โอ้…คุณชายเชิญทางนี้ขอรับ หลังจากที่เรียกสติกลับคืนมาแล้ว เสี่ยวเอ้อร์จึงกล่าวอย่างเร่งรีบ
ที่สวนด้านหลังของเรือนกุ้ยหลิน มู่หรงเสียนั่งอยู่ที่ห้องด้านข้างกำลังเหม่อลอยกับกระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้า หากแค่มองดูท่าทางที่จดจ่อของเขาไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าจิตใจของเขาไม่ได้อยู่ที่กระดานหมากรุกเลย มู่หรงเสียกำลังรอใครบางคนอยู่ อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเองในระหว่างรอว่า
การที่เพียงได้รับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่ชื่อระบุไว้ก็ตกลงที่จะมาพบอีกฝ่ายนั้น จะเป็นการประมาทเกินไปหรือไม่ แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้องกับวันคืนแห่งความโชคร้ายของน้องหกจริงๆ ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็คงจะต้องเป็นผู้มีความสามารถที่หายากเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเรือนกุ้ยหลินยังเป็นสถานที่ภายใต้การปกครองจื้ออ๋อง อีกฝ่ายก็ยังกล้าที่จะมาหาอย่างเปิดเผย หรือว่าเขาจะไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย?
ท่านอ๋อง ที่นอกประตู เสี่ยวเอ้อร์รายงานด้วยเสียงกระซิบ แขกมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ
เข้ามา
เมื่อมู่ชิงอีก้าวเข้าไปในห้อง มู่หรงเสียก็ถึงกับต้องตกตะลึง จากนั้นก็พลันโกรธขึ้นมาเพราะรู้สึกราวถูกหลอก ใบหน้าอันสง่างามที่เต็มไปด้วยความโกรธที่ต้องการจะสังหารอีกฝ่ายให้ตายแต่มู่ชิงอีนั้นกลับไม่ได้สนใจเลย นางหันไปและมองมู่หรงเสียด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนท่านอ๋องจะไม่มีความสุขเลยนะพ่ะย่ะค่ะ? เป็นเพราะเหตุใดกัน กระหม่อมล่วงเกินพระองค์อย่างนั้นหรือ
มู่หรงเสียจ้องไปที่มู่ชิงอี กล่าวอย่างเย็นชา เจ้าคือผู้ที่ขอพบข้าอย่างนั้นหรือ
มู่ชิงอีพยักหน้าอย่างเฉยเมยแล้วกล่าวว่า ถูกต้อง ท่านอ๋อง…ท่านจะไม่เชิญให้กระหม่อมนั่งสักหน่อยหรือ
ดูๆ ไปก็ถือว่าไม่เลว มู่หรงเสียจึงลดความโกรธลงได้นิดหน่อย ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณแก่มู่ชิงอีว่าให้ทำตัวตามสบาย มู่ชิงอีจึงไม่เกรงใจเดินไปหย่อนตัวนั่งลงยังตำแหน่งที่ไม่ไกลจากมู่หรงเสีย ในเวลานี้ มู่หรงเสียได้สงบลงและกล่าวอย่างสงบนิ่ง คุณชายท่านนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอันใดหรือ
มู่ชิงอียิ้มพลางกล่าวว่า กระหม่อม…แซ่จัง มีนามว่าชิง จังชิงฟังดูราวกับชื่อปลอมแต่มู่หรงเสียก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะในเมื่อมู่ชิงอีพูดชื่อจริงของนางไปมู่หรงเสียก็ไม่เชื่ออยู่ดี เหล่าองค์ชายผู้โตมากับการแย่งชิง นอกจากหลักฐานที่พวกเขาเห็นด้วยตาตัวเองไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถทำให้เขาเชื่อได้
โอ้ ถ้าอย่างนั้นคุณชายจังมาพบข้ามีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ มู่หรงเสียถามพลางใช้สายตาตรวจสอบมู่ชิงอีไปด้วย
มู่ชิงอีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เรื่องอันใดน่ะหรือ…แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องการช่วยความช่วยเหลือจากท่านอ๋องและแน่นอนว่าท่านอ๋องสามารถเรียกค่าตอบแทนจากกระหม่อมได้เช่นกัน มู่หรงเสียหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ข้าไม่รู้ว่าคุณชายจังต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่า…จะสามารถช่วยเหลืออะไรคุณชายจังได้
มู่ชิงอียิ้มบางๆ เหตุใดเราไม่เข้าประเด็นเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเวลาไม่มาก เชื่อว่าท่านอ๋องเองก็เช่นกัน กระหม่อมสามารถช่วยให้ท่านอ๋อง…ได้สิ่งที่ท่านต้องการและเมื่อถึงตอนนั้นพระองค์ก็ช่วยกระหม่อมในเรื่องเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
มู่หรงเสียหัวเราะอย่างเย็นชา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามีความสามารถนี้ นอกจากนี้แล้วสิ่งที่เจ้าเรียกว่าช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยนั้น หากข้าทำไม่ได้เล่า
มู่ชิงอียิ้มอย่างแจ่มใส กระหม่อมมีความสามารถหรือไม่นั้น เรื่องของพระชายากงและหนิงอ๋องนั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้หรือ สำหรับสิ่งที่กระหม่อมต้องการนั้น เพียงแค่จื้ออ๋องได้สิ่งที่พระองค์ต้องการแล้ว ที่เหลือก็แค่ส่งมู่หรงอวี้และมู่หรงอานให้กระหม่อมจัดการก็เพียงพอแล้ว
เจ้านี่มันช่างโอหัง มู่หรงเสียจ้องไปที่มู่ชิงอีพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะจับเจ้าเลยหรือ
มู่ชิงอียกมือขึ้นโบกอย่างสบายๆ แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า หากทำเช่นนั้นมีผลดีอย่างไรกับท่านอ๋องเล่า หรือว่ากระหม่อมเข้าใจผิดไป? หรืออันที่จริงแล้วท่านอ๋องกับกงอ๋องนั้นมีความสัมพันธ์พี่น้องอันแน่นแฟ้น? เดิมทีท่านไม่ได้คิดถึงตำแหน่งรัชทายาทเลยอย่างนั้นหรือ
บังอาจ! มู่หรงเสียกล่าวอย่างเคร่งขรึม เจ้ามันช่างโอหังยิ่งนัก การแย่งชิงกันภายในราชวงศ์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแต่มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าแสดงมันออกมาอย่างเปิดเผย
มู่ชิงอียักไหล่เป็นสัญญาณว่าตนจะหุบปาก
มู่หรงเสียจ้องไปที่มู่ชิงอีอย่างเย็นชาอยู่นาน ถามอย่างเยือกเย็น เหตุใดเจ้าถึงอยากจัดการกับกงอ๋อง
กระหม่อมเพียงรู้สึกว่าเขานั้นรกหูรกตา มู่ชิงอียิ้ม
เจ้าจะใช้เหตุผลนี้เพื่อโน้มน้าวข้าอย่างนั้นหรือ มู่หรงเสียยิ้มอย่างเย็นชา
มู่ชิงอีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดอย่างเรียบเฉย กระหม่อมมีความบาดหมางอย่างลึกซึ้งกับมู่หรงอาน หากท่านต้องการกำจัดมู่หรงอาน พระองค์ก็จะกลายเป็นศัตรูกับมู่หรงอวี้โดยทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียดายก็เพียงแต่…การที่มู่หรงอานรอดพ้นจากภัยพิบัติชีวิตครั้งนี้