หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 106 ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร (5)
บนหลังคาของตรอกแห่งหนึ่งในเมืองหลวง หรงจิ่นนั่งอยู่ที่ด้านข้างของมู่ชิงอีด้วยรอยยิ้มและมองไปยังนางที่กำลังรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งเคยนั่งบนหลังคาเป็นครั้งแรกในชีวิต
ปกติแล้วชิงชิงจะดูจริงจังเกินไป ท่าทางตอนนี้ของนางนั้นดูน่ารักน่าชังขึ้นเป็นอย่างมาก
มู่ชิงอีเหลือบมองชายไร้ยางอายที่นอนหัวเราะอยู่บนหลังคาอย่างเคืองๆ ไม่กลัวที่จะถูกค้นพบว่าวรยุทธขององค์ชายเก้านั้นล้ำเลิศหรือเพคะ ยังจะหัวเราะอีก
เขาคิดว่าตอนกลางวันปีนขึ้นมาอยู่บนหลังคาจะปิดบังได้? ผู้ใดก็ตามที่มีวรยุทธที่ผ่านทางมาอาจจะพบเห็นเอาได้ แต่มู่ชิงอีไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก เรื่องใหญ่คืออาจถูกค้นพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์ แต่องค์ชายเก้าที่ป่วยอยู่นั้นจะอธิบายว่าเขาปีนขึ้นไปบนหลังคาสูงพร้อมกับคนที่ไม่มีวรยุทธได้อย่างไรเล่า
ชิงชิงช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย หรงจิ่นเอ่ยขึ้นอย่างยอมแพ้ เอื้อมมือออกไปดึงมู่ชิงอีเข้ามาหาตัวใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวบาง ตบปลายเท้าเบาๆ ทั้งสองก็ลงมายังพื้นอย่างเงียบเชียบ ในที่สุดเมื่อยืนอยู่บนพื้นราบร่างกายที่ค่อนข้างแข็งทื่อของมู่ชิงอีก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางผลักหรงจิ่นออกไปด้วยฝ่ามือแล้วเดินไปทันที องค์ชายเก้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ รีบเดินตามนางไป
ชิงชิงอย่าเพิ่งไปสิ ข้ามาเพื่อพบเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ คนหนึ่งเดินรุดไปข้างหน้า ส่วนอีกคนก็เดินไล่ตาม
มู่ชิงอีพ่นลมหายใจและเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา มาหาหม่อมฉันเพราะเหตุใด เพื่อยุยงให้หม่อมฉันจัดการกับคุณชายเว่ยต่อไป? องค์ชายเก้า ท่านไม่คิดว่าท่านประเมินหม่อมฉันสูงเกินไปหรอกหรือ องค์ชายเก้าไม่ได้มีท่าทางที่เกรงอกเกรงใจอะไร เอ่ยอย่างยิ้มๆ ว่า ประเมินสูงไปอะไรกันเล่า ชิงชิงเลือกมู่หรงเสีย ในไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องเผชิญหน้ากับเว่ยอู๋จี้ไม่ใช่หรือ ข้าเพียงแค่ให้ข้อมูลแก่ชิงชิงก่อนหน้านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ชิงชิงจะถูกเขาปิดบัง
มู่ชิงอียิ้มเย็น ก่อนที่หม่อมฉันจะถูกเขาปิดบัง หม่อมฉันเกรงว่าเขาจะถูกองค์ชายเก้าฝังก่อนกระมัง
ชิงชิง…เจ้าต้องเข้าใจข้าผิดเป็นแน่ องค์ชายเก้าพูดขึ้นอย่างไร้เดียงสา
มู่ชิงอีหันไปมองเขาและถามขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า เว่ยอู๋จี้มีความแค้นใดกับท่านหรือเพคะ องค์ชายเก้าเปิดปากเพื่อต้องการแก้ตัวแต่เมื่อมองไปยังริมฝีปากบนใบหน้าที่งดงามของนางที่เอ่ยคำว่า เด็กน้อย ต่อหน้าเขา คำพูดทั้งหมดก็ถูกกลืนกลับไป เขาถอนหายใจเล็กน้อย กะพริบตามองมู่ชิงอีอย่างน่าสงสารด้วยแววตาที่อบอุ่นและใสซื่อ เอ่ยเสียงเบาว่า ก็มีไม่มากเท่าไร
มู่ชิงอียิ้มเยาะและหันหลังเดินจากไป
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ความโกรธของนาง องค์ชายเก้าก็ถอนหายใจด้วยความเศร้าเล็กน้อย เหตุใดชิงชิงถึงได้หลอกยากนักนะ หลอกยากก็ช่างเถิด แต่หลอกไม่ได้ก็ยังจะมาโกรธอีก ทำอย่างไรดีเล่า ครั้งหน้า…ต้องลงรายละเอียดให้มากขึ้น มิฉะนั้น ชิงชิงอาจจะโกรธขึ้นมาอีก
เช่นนั้น ท่านไม่เคยคิดที่จะไม่หลอกลวงเลยอย่างนั้นหรือ
อู๋ซิน เจ้าว่า…ชิงชิงจะโกรธหรือไม่
ไม่ไกลนัก ชายผู้หนึ่งในอาภรณ์สีอ่อนก็ปรากฏตัวขึ้น จ้องมององค์ชายเก้าอย่างเงียบงัน สีหน้าอึกอัก
นี่ยังจะต้องถามอีกหรือ แม้แต่คนตาบอดยังดูออกเลยว่าคุณหนูตระกูลมู่นั้นโกรธหรือไม่
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอู๋ซินที่โง่เกินไป อืม…ข้าคงต้องทำบางอย่างเพื่อให้ชิงชิงดีใจ หลังจากนั้นองค์ชายเก้าก็โบกมือและเดินเข้าไปในซอกตรอก
องค์ชาย กระหม่อมเกรงว่าท่านยิ่งทำก็จะยิ่งทำให้คุณหนูตระกูลมู่โกรธขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม ท่านก็แก่…ข้อดีที่สุดของท่านก็คือคนส่วนใหญ่เมื่อเห็นท่านต่างก็เคารพยำเกรง
ณ เรือนหลังของจวนกงอ๋อง
จูหมิงเยียนนั่งเงียบๆ ในห้องด้วยความงุนงง ยังคงเป็นห้องที่หรูหราโอ่อ่าแต่กลับเย็นยะเยือกไร้ชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย นางนั่งอยู่หน้ากระจกจ้องมองดูหญิงสาวสง่างามที่สะท้อนอยู่ในกระจก เมื่อเทียบกับความเย้ายวนใจก่อนหน้านี้ สีหน้าของนางค่อนข้างซีดเซียวและอิดโรยกว่าเล็กน้อย ร่องรอยบนร่างกายได้หายไปแล้วหลังจากทายารักษา แต่จูหมิงเยียนไม่เคยลืมเลือนสายตาจับจ้องของผู้คนที่ผ่านไปมาตามริมน้ำ เหล่าองค์ชายและพระชายาที่มองมายังตน อีกทั้งยัง…พระสวามีของนาง…
เจ็ดวันผ่านไปแล้วหลังจากเริ่มวันงานฉลอง มู่หรงอวี้ก็ไม่เคยเข้ามาในห้องของนางอีกเลยตั้งแต่กลับมาในวันนั้น ภายในห้องสิ่งของเดิมทั้งหมดที่เป็นของพระชายาเอกถูกนำออกไป เปลี่ยนเป็นของประดับตกแต่งบางส่วนที่ยังคงงดงามแต่ไม่ขัดกับข้อกำหนดต่างๆ จูหมิงเยียนเข้าใจมู่หรงอวี้ดี นี่เป็นสิ่งที่เขากำชับมา มู่หรงอวี้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่เสมอ นางได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้ดำรงตำแหน่งพระชายารอง และนางไม่สามารถใช้สิ่งของที่เป็นของพระชายาเอกได้อีกต่อไป
นั่งอยู่คนเดียวในห้อง จูหมิงเยียนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าในความคิดของมู่หรงอวี้นั้นจะลอบพอใจหรือไม่ที่นางถูกลงโทษ
จวนผิงหนานจวิ้นอ๋องได้รับการทำเครื่องหมายว่าเป็นหนึ่งในจวนกงอ๋องแล้ว หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ท่านพ่อคงจะทุ่มเทให้กับมู่หรงอวี้มากขึ้นและมู่หรงอวี้…ยังสามารถแต่งพระชายาอีกคนหนึ่งจากตระกูลที่มีชื่อเสียงได้ แม้ว่าจะไม่มีอำนาจเทียบเท่ากับจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องก็ตาม แต่ก็จะได้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่ม
ถึงแม้ว่านางจะซ่อนตัวอยู่ในเรือนและไม่ได้ออกไปที่ใด แต่จูหมิงเยียนก็รู้ว่าหลายคนในเมืองหลวงกำลังวางแผนที่จะแต่งบุตรสาวของพวกตนเข้ามาในจวนกงอ๋องและเรื่องราวเหล่านี้มู่หรงอวี้นั้นก็ไม่ได้แสดงการคัดค้านใดๆ
พระชายา พระชายา…ไม่ดีแล้วเพคะ ด้านนอกประตู มีเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกจากหญิงสาว จูหมิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น ตั้งแต่กลับมาจากนอกเมืองนางไม่เต็มใจที่จะพบกับบุคคลภายนอก ซึ่งแม้แต่บ่าวรับใช้ที่อยู่เคียงข้างนางก็ยังถูกขับไล่ออกไป
มีเรื่องอันใด จูหมิงเยียนเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
สาวใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ฮ่องเต้…ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งประทานสมรสพระราชทานแก่กงอ๋องเพคะ
อะไรนะ! ปิ่นหยกในมือของนางกระแทกลงกับพื้นและแตกออกเป็นสองส่วนในทันที จูหมิงเยียนมองไปยังปิ่นหยกที่อยู่บนพื้น งงงวยอยู่ครู่หนึ่ง ใช้เวลานานในการตอบสนอง
ฮ่องเต้…ฮ่องเต้ทรงประทานสมรสพระราชทานแก่กงอ๋อง?
พระชายาองค์ก่อนเพิ่งจะถูกลงโทษได้ไม่ถึงห้าวัน ฮ่องเต้ก็ทรงมีรับสั่งมอบพระชายาองค์ใหม่ให้แก่กงอ๋องเสียแล้ว ในแง่หนึ่งสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นความรักของฮ่องเต้ที่มีต่อพระโอรสของตน กังวลว่าพระชายาองค์ก่อนจะทำให้มีผลกระทบที่ไม่ดีต่อบุตรชาย ในทางกลับกันเป็นฮ่องเต้ที่เกลียดชังจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องและจูหมิงเยียนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยและเลือกพระชายาองค์ใหม่ในเวลาอันสั้น
จูหมิงเยียนรีบลุกขึ้นยืนทันที แววตาพลันเปลี่ยนเป็นมืดดำ มือยันโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อพยุงตัวและหันหลังเดินออกไปหลังจากยืนได้อย่างมั่นคง เปิดประตูและจ้องมองไปยังเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่หน้าประตู ฮ่องเต้ทรงเลือกผู้ใด
สาวใช้ตัวเล็กที่นำข่าวมารายงานถึงกับผงะและรีบพูดตอบอย่างรวดเร็ว เป็น…เป็นคุณหนูจากตระกูลหลี่เพคะ
ตระกูลหลี่? จูหมิงเยียนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า ตระกูลหลี่ไม่ได้หมั้นหมายกับจวนซู่เฉิงโหวแล้วหรอกหรือ ถึงแม้ว่าตระกูลหลี่จะถอนหมั้นกับจวนซู่เฉิงโหวแต่ฮ่องเต้ก็ไม่ถึงกับว่าจะต้องนำหญิงที่ถอนหมั้นแล้วมามอบให้กับกงอ๋อง
สีหน้าของจูหมิงเยียนน่ากลัวเป็นอย่างมาก จากนั้น สาวใช้ก็เอ่ยขึ้นอย่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่คุณหนูตระกูลหลี่ท่านนั้นเพคะ เป็นบุตรีจากภรรยาเอกของบุตรชายคนโตของตระกูลหลี่ คุณหนูสาม คุณหนูท่านนี้นางเคยได้รับการยกย่องจากไทเฮาว่ามีความจริงใจ กตัญญูและเป็นแบบอย่างที่ดีเพคะ แม้ว่าคุณหนูตระกูลหลี่ที่หมั้นหมายกับมู่หลิงจะเป็นบุตรีของภรรยาเอกของตระกูลหลี่ แต่นางก็เป็นสายรองซึ่งไม่เหมือนกับบุตรีจากบุตรชายคนโตที่เป็นสายหลัก ที่สำคัญกว่านั้นสตรีที่ได้รับการยกย่องจากไทเฮาในลักษณะนี้ย่อมมีเกียรติกว่าเป็นร้อยเท่า นางจะถูกหมั้นหมายกับคนอย่างเช่นมู่หลิงได้อย่างไร