หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 170 การสารภาพรักที่ปัญญาอ่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ (5)
“องค์ชายเก้านึกสงสัยตั้งแต่เมื่อไรเพคะ” มู่ชิงอีเอ่ยถามขึ้นซึ่งก็เหมือนยอมรับสถานะของตนกลายๆ แล้ว มู่ชิงอีรู้แก่ใจดีว่าทันทีที่หรงจิ่นเกิดข้อสงสัยจนกระทั่งเอ่ยปากถามเช่นนี้แล้ว ไม่ว่านางจะโยงแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบายเช่นใดหรงจิ่นก็ไม่มีทางฟังแน่นอน เพราะในเมื่อเขาเอ่ยปากถามก็ย่อมมีข้อสรุปในใจอยู่แล้ว
หรงจิ่นยิ้มกล่าว “อืม…บางทีน่าจะตอนที่ชิงชิงทำเครื่องหอมโยวหัน หรือบางที…อาจเป็นตอนที่ชิงชิงคิดวางแผนจัดการมู่หรงอาน หากชิงชิงเป็นชิงชิงจริงๆ คงไม่รอจนป่านนี้ถึงลงมือทำเรื่องพวกนี้หรอกมิใช่หรือ ทั้งหมดนี้…เกิดขึ้นหลังจากกู้อวิ๋นเกอตายแล้ว” หากมู่ชิงอีมีความเฉลียวฉลาดเช่นนี้จริง ไม่ว่านางจะได้รับความช่วยเหลือจากหรงจิ่นหรือไม่ก็คงวางแผนจัดการมู่หรงอานและมู่หรงอวี้ได้โดยไม่ต้องรอจนถึงป่านนี้หรอก เพราะดูจากความสำคัญที่มู่ชิงอีมีต่อกู้ซิ่วถิงแล้วย่อมไม่มีทางปล่อยให้กู้ซิ่วถิงทนลำบากมาได้หลายปีขนาดนี้
“องค์ชายเก้าเก็บท่าทีเก่งมากจริงๆ” มู่ชิงอียิ้มขมขื่นอย่างจนใจ นางเคยคิดว่าคนที่สามารถมองตัวตนของนางออกคนแรกจะเป็นพี่ใหญ่เสียอีก หรืออาจจะเป็นใครสักคนในจวนซู่เฉิงโหว แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยเจอแม้แต่กู้อวิ๋นเกอหรือมู่ชิงอีมาก่อนอย่างเขาได้
หรงจิ่นมองมู่ชิงอีอย่างตั้งใจแล้วเอ่ยถามว่า “ดังนั้น…ชิงชิงก็คือกู้อวิ๋นเกออย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงอีหลุบตาลงแล้วถอนหายใจเสียงเบาโดยไม่ตอบอะไร แต่หรงจิ่นกลับรู้คำตอบแล้ว หากเป็นเช่นนี้เขายังพอเข้าใจความแค้นที่ชิงชิงมีต่อฮ่องเต้แคว้นหวาได้ ความเคียดแค้นที่ฆ่าคนทั้งตระกูล หากฆ่าแค่คู่แค้นไม่กี่คนย่อมไม่มีทางสาแก่ใจแน่นอน หรงจิ่นไม่มีทางรู้ว่าครอบครัวสำคัญกับกู้อวิ๋นเกอมากเพียงใด แต่หรงจิ่นรู้เพียงว่าหากมีคนทำลายสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขา เขาจะทำให้คนๆ นั้นต่อให้ตกนรกตายไปก็ยังอยู่ไม่เป็นสุขอยู่ดี!
“หากมู่ชิงอีเป็นกู้อวิ๋นเกอจริงๆ แล้วมู่ชิงอีตัวจริงไปไหนแล้วล่ะ” หรงจิ่นเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาไม่ได้สนใจว่ามู่ชิงอีตัวจริงจะเป็นเช่นใดเขาเพียงแค่สงสัยเท่านั้น เพราะเขาต้องตาชิงชิงคนที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้ตั้งแต่แรกซึ่งก็คือกู้อวิ๋นเกอที่เคยเป็นสาวงามและมากความสามารถอันดับหนึ่งเหนือใครในแคว้นหวานั่นเอง
มู่ชิงอีเอ่ยเสียงเบา “ข้าคือมู่ชิงอี...และก็คือกู้อวิ๋นเกอด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ชิงอีกล่าวเช่นนี้กับคนอื่น ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นคนที่นางนึกไม่ถึงแต่พอได้พูดออกมาจริงๆ กลับไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนที่จินตนาการเอาไว้เท่าไร
หรงจิ่นชะงักไปเล็กน้อยซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจ แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจในทันที ถึงแม้จะรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้างแต่หรงจิ่นกลับไม่ได้นึกสงสัยในคำพูดของมู่ชิงอีเลยสักนิด เพราะชิงชิงไม่ใช่คนที่พูดปดไร้สาระตามใจชอบอยู่แล้ว อีกอย่างเท่าทีเขารู้มาหลังจากที่กู้อวิ๋นเกอจุดไฟเผาฆ่าตัวตายไม่กี่วันชิงชิงก็บาดเจ็บหนักจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาถึงนิสัยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แน่นอนว่าสำหรับในสายตาของหรงจิ่นนับว่านิสัยเปลี่ยนไปมาก แต่สำหรับคนภายนอกถึงแม้มู่ชิงอีจะเปลี่ยนไปแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปแค่ไหนเท่าหรงจิ่น
“เช่นนี้ก็นับว่า…โลกอันกว้างใหญ่มีเรื่องแปลกๆ อยู่จริงอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น…วันหลังชิงชิงจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่เล่า” หรงจิ่นเอ่ยขึ้น แต่ไม่นานก็มีความกังวลตามมา
“องค์ชายเชื่อหม่อมฉันด้วยหรือ” มู่ชิงอีเลิกคิ้วถาม ความสามารถในการรับความจริงเรื่องนี้ได้ขององค์ชายเก้าจะมากเกินไปแล้ว หรงจิ่นมองนางพลางยิ้มตาหยี “เหตุใดต้องไม่เชื่อด้วยเล่า ตอนนี้พวกเรามีความลับด้วยกันเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่องแล้วนะ แต่…ทางที่ดีชิงชิงเป็นชิงชิงในตอนนี้ดีอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น…” ครั้นนึกถึงว่าหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมผู้นี้จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นหญิงสาวอ่อนแอที่ตนไม่รู้จัก หรงจิ่นก็คิดฟุ้งซ่านขึ้นมาในใจชั่วขณะ เดิมทีเขานึกว่าชิงชิงใช้อาคมปิดซ่อนมู่ชิงอีตัวจริงไว้แล้วสวมตัวเป็นนางแทน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้เลย ทำให้อดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้เข้าไปอีก
มือเย็นๆ ลูบไล้ลำคองามระหงของมู่ชิงอีอย่างเบามือราวกับรักใคร่แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นยะเยือก “ข้าจะฆ่านางเสีย!”
ในเมื่อชิงชิงก็คือชิงชิงแล้ว ในเมื่อทำให้เขาได้พบเจอนางแล้วย่อมไม่มีใครพรากนางไปได้อีก! รวมถึงเจ้าของร่างเดิมนี้ด้วย หากชิงชิงไม่ใช่ชิงชิงอีกต่อไป เช่นนั้นเขายอมทำร้ายนางทิ้งดีกว่า! แต่ไหนแต่ไรมาหรงจิ่นเป็นคนเห็นแก่ตัวและจอมเผด็จการ อีกทั้งยังเอาแต่ใจและหัวรั้นด้วย เดิมทีเขาไม่ใช่คนดีอะไรย่อมไม่มีทางสงสารมู่ชิงอีตัวจริงที่ไม่มีความผิดอะไรอยู่แล้ว สำหรับเขามีเพียงชิงชิงตรงหน้านี้เท่านั้นที่ควรดำรงอยู่ต่อไป
“ชิงชิง เจ้าฟังคำข้าให้ดี ชิงชิงมีเพียงเจ้าเท่านั้น ไม่เช่นนั้น…ก็ให้นางตายไปเสียเถิด” ครั้นเห็นแววตาตกใจของมู่ชิงอี หรงจิ่นก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจังอีกครั้ง
มู่ชิงอีแอบสะท้านเฮือกในใจ และก็ไม่รู้ว่าเพราะความดื้อรั้นและไอสังหารของหรงจิ่นในเวลานี้หรือเพราะหรงจิ่นยอมรับความจริงเรื่องตัวตนของนางได้เร็วขนาดนี้ ผ่านไปสักพักนางถึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หากอีเอ๋อร์กลับมาได้คงกลับมานานแล้วล่ะ”
หรงจิ่นแค่นเสียงเบาเอ่ย “ข้าไม่สนว่าจะเป็นอีเอ๋อร์ไหนอะไรทั้งนั้น ข้าต้องการเพียงชิงชิง นี่เป็นความลับระหว่างเรานะ”
มู่ชิงอียิ้มบางเอ่ยอย่างเอือมระอาว่า “นั่นสิ หากอีเอ๋อร์กลับมา ความลำบากที่ท่านตรากตรำมาหลายวันนี้คงสูญเปล่าสินะเพคะ” หรงจิ่นเอ่ยอย่างดุดันว่า “ไม่มีใครกล้าติดหนี้ข้าแล้วไม่คืนหรอกนะ! ยัยอัปลักษณ์มู่ชิงอีนั่นคืนให้ไม่ไหวหรอก!”
ความลับที่สำคัญที่สุดถูกเขามองออกหมดแล้ว อีกอย่างไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดหรือนางปีศาจแต่อย่างใด ชั่ววินาทีนั้นมู่ชิงอีเองก็รู้สึกสับสนไปหมดเช่นกัน
“เหตุใดองค์ชายถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาหรือ” เรื่องที่หรงจิ่นสงสัยในตัวนางย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันสองวันนี้แน่นอน มู่ชิงอีแปลกใจว่าเหตุใดจู่ๆ วันนี้เขาถึงเอ่ยขึ้นมา
หรงจิ่นจับจ้องนางด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะเมื่อคืนก่อนนอนข้าตัดสินใจแล้วว่าชั่วชีวิตนี้ข้าต้องการเพียงชิงชิงนอนเป็นเพื่อนข้าเท่านั้น ดังนั้นจะปิดบังความลับอะไรอีกไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นคงอึดอัดใจแย่มิใช่หรือ ข้าคงไม่ใช่คนที่ฉลาดอีกต่อไปเพราะแม้แต่คนที่นอนด้วยเป็นใครยังไม่รู้เลย”
นอนเป็นเพื่อน?
คุณหนูสี่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนซู่เฉิงโหวที่ถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงหมิงเจ๋อและเคยเป็นหญิงงามมากความสามารถอันดับหนึ่งของเมืองหลวงในอดีต ท่ามกลางแววตาได้ใจของใครบางคนนางคว้าหนังสือที่ทั้งหนาทั้งหนักเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วตบหน้าเขาไปทีอย่างไม่ปรานีสักนิด
“ชิงชิง…” องค์ชายเก้ากุมบาดแผลจุดที่หนังสือฟาดใส่แล้วคลึงจมูกที่เริ่มบวมแดงพลางมองไปทางมู่ชิงอีด้วยท่าทีน้อยใจ ไม่รู้ว่าฟาดโดนจุดประสาทส่วนใดเพราะเขารู้สึกเพียงว่าน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่รินไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”
“หรงจิ่น” มู่ชิงอีเอ่ยเสียงหวาน “ท่านควรรีบไปตายให้เร็วๆ เสีย”
องค์ชายเก้าที่สารภาพรักล้มเหลวเดินออกห้องหนังสือไปอย่างปวดใจ เขาเหลือบมององครักษ์ที่ทำสีหน้าเหยเกด้านนอกประตูแวบหนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า “เหตุใดชิงชิงต้องโมโหด้วย”
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อู๋ซินรู้สึกว่าตนมีสิทธิ์แสดงความเห็นใจองค์ชายเก้า หากเทียบกับองค์ชายเก้าแล้วจะนับประสาอะไรกับชีวิตลำเค็ญเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นของเขาได้อีก ตอนนี้องค์ชายเก้าใกล้ปัญญาอ่อนลงไปทุกทีแต่อย่างน้อยตนก็ยังเป็นคนปกติทั่วไปอยู่ อู๋ซินแค่นเสียงเบาเอ่ย “องค์ชายเก้า ท่าน…สารภาพรักเช่นนี้…หากเป็นกระหม่อมเองก็คงอยากฟาดท่านสักทีเหมือนกัน”
“สารภาพรักหรือ” องค์ชายเก้าจับจ้องอู๋ซินอย่างแปลกใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยากสารภาพรักอย่างนั้นหรือ”