หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 171 คุณชายเว่ยมาเยี่ยม (1)
ไม่ใช่หรอกหรือ
องค์ชายเก้าแค่นเสียงเบาทีหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าแค่บอกความจริงเรื่องนี้แก่ชิงชิงอย่างจริงจังก็เท่านั้น ทั้งๆ ที่ชิงชิงเองก็…หรือว่านางไม่ได้เห็นด้วยอย่างนั้นหรือ”
ประตูห้องหนังสือด้านหลังถูกเปิดออกจากด้านใน มู่ชิงอียืนตรงหน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “หรงจิ่น ท่านรีบไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ชิงชิง…”
พลั่ก! ประตูห้องหนังสือถูกปิดกระแทกอย่างแรงต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เกือบโดนจมูกโด่งเป็นสันขององค์ชายเก้าอีกเช่นกัน องค์ชายเก้าถอนหายใจ “ชิงชิงแง่งอนเป็นครั้งคราวบ้างก็ย่อมได้ ข้าต้องใจกว้างสิ” ครั้นพูดจบก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมององครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างกายราวกับเขาเป็นภาพวาดติดผนัง จากนั้นองค์ชายเก้าก็หมุนตัวจากไปเพียงลำพังอย่างอารมณ์ดี
องค์ชายเก้า ท่านไม่กลัวว่าวันใดคุณหนูนึกโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วจะแต่งงานออกเรือนไปกับคนอื่นบ้างหรือ
หลังจากงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้แคว้นหวา ท่ามกลางความโกลาหลนี้แวดวงเหล่าตระกูลทรงอำนาจทั่วทั้งเมืองหลวงกลับตกอยู่ในความสงบอย่างผิดปกติ ฮ่องเต้แคว้นหวาเสียหน้าในงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพย่อมอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ทุกคนจึงระมัดระวังตัวเพื่อเลี่ยงไม่ให้เผลอไปยั่วโมโหท่านอ๋องคนใดเข้า แต่ลับหลังกลับสุมหัวพูดคุยกันไม่ขาดปาก เพราะงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพแค่วันเดียวก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายจริงๆ
ในงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพ ฉังหนิงจวิ้นจู่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งยศจวิ้นจู่หมาดๆ กลับถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงหมิงเจ๋อจนทุกคนต่างตะลึงงันกันถ้วนหน้า ช่วงท้ายของงานเลี้ยงยังแยกย้ายกันไปอย่างไม่ภิรมย์ใจนัก ฮ่องเต้แคว้นหวาเองก็ทรงกริ้วจนเดินหนีออกจากงานไปก่อน อีกทั้งยังมีคนเอ่ยอย่างหดหู่ว่าองค์หญิงที่เพิ่งถูกแต่งตั้งโชคไม่ดีเท่าไรนัก ฝ่าบาทเพิ่งมีพระราชโองการ แม้แต่สาส์นแต่งตั้งอย่างเป็นทางการยังไม่มีด้วยซ้ำก็มาเจอเรื่องนี้เสียแล้ว ไม่แน่ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วจนพาลลืมเรื่องนี้ไปเลยก็ได้ เช่นนั้นสถานะขององค์หญิงหมิงเจ๋อก็คงน่ากระอักกระอ่วนใจแย่ แบบนี้สู้เป็นเพียงฉังหนิงจวิ้นจู่เสียยังดีกว่า แต่เช้าตรู่วันต่อมาขันทีที่ติดตามฮ่องเต้แคว้นหวาก็ไปถ่ายทอดพระราชโองการถึงจวนซู่เฉิงโหวด้วยตนเองซึ่งได้ทำลายข้อข้องใจต่างๆ นาๆ ของทุกคนจนหมด พวกเขาย่อมรู้จักฝ่าบาทดีอยู่แล้วว่าเวลาพระองค์ทรงกริ้วมักพาลโกรธคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปด้วย แต่ภายใต้ความเกรี้ยวโกรธเช่นนี้กลับยังไม่ลืมพระราชทานสาส์นแต่งตั้งและข้าวของมากมายแก่องค์หญิงหมิงเจ๋อ ทำให้เห็นว่าองค์หญิงหมิงเจ๋อผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
นอกจากนั้นหลังจบงานเลี้ยง เรื่องที่เลี่ยอ๋องแห่งเป่ยฮั่นถูกดักซุ่มโดนทำร้ายและจูหมิงเยียนจวิ้นจู่ของจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องที่อยู่ในคุกศาลอิงเทียนฝู่ฆ่าตัวตายก็กลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วเมือง ถึงแม้เกอซูฮั่นจะไม่ได้เก็บมาใส่ใจแต่เหล่าขุนนางแคว้นหวาย่อมทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ เกอซูฮั่นเป็นแขกบ้านแขกเมือง หากเกิดเป็นอะไรไปในแคว้นหวาขึ้นมาคงให้ความกระจ่างแก่พวกฮ่องเต้เป่ยฮั่นไม่ได้ ส่วนเรื่องจูหมิงเยียนพวกเขาไม่อยากสนใจนักแต่ด้วยอิทธิพลของจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องเลยจำต้องให้ความกระจ่างแก่จวนผิงหนานจวิ้นอ๋องบ้าง
ส่วนเรื่องที่มู่หลิงคุณชายรองของจวนซู่เฉิงโหวถึงแก่ความตายเพราะดื่มหนักจนจมน้ำตายในทะเลสาบวังหลวงไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฝ่าบาท พระองค์มิรับสั่งลงโทษพวกจวนซู่เฉิงโหวก็นับว่าให้เกียรติองค์หญิงหมิงเจ๋อมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่มู่หลิงมีชีวิตอยู่นั้นชื่อเสียงเสื่อมเสียมากพอควร ต่อให้โหรวเฟยจะร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าพระพักตร์อยู่นานสองนานก็มิอาจเปลี่ยนใจให้ฝ่าบาททรงประทานตำแหน่งใดๆ เพื่อช่วยทำให้เขาดูดีขึ้นมาบ้างได้เลย หากเทียบกับคุณชายรองแห่งจวนซู่เฉิงโหวที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง ทุกคนย่อมอยากพูดคุยเรื่ององค์หญิงหมิงเจ๋อที่เปรียบดั่งผู้ทรงอิทธิพลคนใหม่แห่งเมืองหลวงมากกว่า แต่ไม่ว่าเช่นไรตอนนี้ก็เหมือนว่าจวนซูเฉิงโหวจะผงาดขึ้นมาใหม่กะทันหัน เพราะแม้แต่โหรวเฟยที่อยู่ในวังเองก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วยไม่น้อยเช่นกัน เพียงแต่มู่ฉังหมิงและโหรวเฟยกลับไม่มีใครดีใจสักคนเพราะสำหรับพวกเขาแล้วเหมือนว่ายศตำแหน่งที่ค้ำหัวเขาอยู่ตอนนี้พร้อมจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อเสียมากกว่า
ในศาลอิงเทียนฝู่ เซ่าจิ่นใต้เท้าประจำศาลอิงเทียนฝู่รู้สึกว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยกลัดกลุ้มปวดเศียรเวียนเกล้าขนาดนี้มาก่อน เพราะจู่ๆ จูหมิงเยียนที่ถูกจองจำอยู่ในคุกอิงเทียนฝู่กลับฆ่าตัวตายเสียได้ สองสามีภรรยาจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องที่รักลูกดั่งชีวิตย่อมไม่ยอมอยู่แล้ว พอได้รับข่าวพวกเขาก็รีบมาทันที หลังจากเห็นศพของจูหมิงเยียนก็อาละวาดจนศาลอิงเทียนฝู่แทบพังทลาย ครั้นเห็นใบหน้านิ่งขรึมของจูเปี้ยนผิงหนานจวิ้นอ๋องและพระชายาผิงหนานที่ร้องไห้โวยวายไม่หยุดก็ทำเอาเซ่าจิ่นนึกเกลียดตัวเองที่ไม่ส่งตัวจูหมิงเยียนไปกักขังในคุกผู้ต้องโทษร้ายแรง ถึงอย่างไรเจตนาฆ่าคุณหนูสามตระกูลหลี่ก็ถือว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อถือได้ สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคืองานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้แคว้นหวาเพิ่งผ่านพ้นไปและดูเหมือนพระองค์จะอารมณ์ไม่ดีด้วย หากอยากเข้าราชสำนักอย่างน้อยคงต้องรออีกห้าวัน อีกอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ขอเข้าเฝ้าพระองค์อีกต่างหาก!
เขามองสองสามีภรรยาผิงหนานจวิ้นอ๋องตรงหน้าโวยวายขอความรับผิดชอบจากตนด้วยสายตาเย็นชา ทว่าครั้นเซ่าจิ่นก้มหน้าอ่านเอกสารที่คนใต้บัญชาส่งให้กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใต้เท้าเซ่า! ท่านหมายความว่าเช่นไร เยียนเอ๋อร์ตายในคุกศาลอิงเทียนฝู่ของท่าน หรือว่าท่านจะไม่รับผิดชอบหน่อยหรือ” ครั้นเห็นท่าทีสงบของเซ่าจิ่น จูเปี้ยนก็ยิ่งโมโหขึ้นมาทันทีจึงลุกขึ้นเอ่ยคำรามด้วยความโกรธ
เซ่าจิ่นเงยหน้ามองแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ผิงหนานจวิ้นอ๋องอย่าเพิ่งใจร้อนไป ข้าจะรีบสั่งคนไปทำการตรวจสอบเดี๋ยวนี้เลย”
จูเปี้ยนนิ่งไป “รีบทำการตรวจสอบอันใดกัน เยียนเอ๋อร์ฆ่าตัวตายมิใช่หรือ ต้องเป็นเพราะพวกท่านทรมานนางแน่นอน บุตรสาวของข้าถูกเลี้ยงดูเอาใจอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก แล้วจะทนความทุกข์ทรมานได้เช่นไร เยียนเอ๋อร์ต้องทนไม่ไหวจนฆ่าตัวตายแน่ๆ เซ่าจิ่น ท่านต้องให้ความกระจ่างแก่ข้า มิเช่นนั้นข้าจะไปกราบทูลวิงวอนฝ่าบาทโปรดทรงให้ความเป็นธรรมเอง!”
เซ่าจิ่นมองจูเปี้ยนด้วยท่าทีสงบกล่าว “ผิงหนานจวิ้นอ๋องต้องการให้ข้ารับผิดชอบเช่นใดหรือ ให้คุกเข่าขอโทษท่านหรือจะให้กระหม่อมชดใช้ด้วยชีวิตเล่า”
“เจ้า…เจ้าเหิมเกริมนัก!” จูเปี้ยนกัดฟันเอ่ย
เซ่าจิ่นสีหน้าเยือกเย็น หากจูเปี้ยนเอาเรื่องการตายของจูหมิงเยียนมาบีบให้เขาลำบากใจ บางทีเขาคงต้องประเมินท่าทีผิงหนานจวิ้นอ๋องสูงกว่านี้แล้ว แต่น่าเสียดายเพราะนอกจากเอาแต่ถามเรื่องจูหมิงเยียนไม่กี่ประโยคตั้งแต่มาถึง ส่วนเรื่องอื่นกลับเอาแต่พูดบีบบังคับดึงเขาเข้าพวกผิงหนานจวิ้นอ๋อง เซ่าจิ่นเกิดมาในตระกูลสูงส่งที่ใช่ว่าจะดูแคลนอะไรได้ มิเช่นนั้นเขาคงไม่ได้นั่งตำแหน่งสำคัญอย่างอิงเทียนฝู่อิ่นเช่นนี้หรอก เขาเป็นขุนนางรับใช้ใต้ฝ่าพระบาท พระองค์จึงทรงกลัวว่าเขาจะสมคบคิดกับพวกมีอำนาจคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเซ่าจิ่นจะไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้ จูเปี้ยนรักใคร่จูหมิงเยียนมากจริงๆ แต่ถึงอย่างไรจูหมิงเยียนก็ตายไปแล้วย่อมต้องทำให้การตายของนางมีค่าขึ้นมาหน่อย หากสามารถบีบบังคับให้อิงเทียนฝู่อิ่นอย่างเขามาเข้าพวกกับจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องและจวนกงอ๋องได้ เช่นนั้นจูหมิงเยียนก็จะไม่ตายเปล่า แต่เซ่าจิ่นสามารครองตำแหน่งอิงเทียนฝู่อิ่นนี้อย่างมั่นคงได้โดยที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีย่อมเอาไปเทียบกับพวกที่สายตาตื้นเขินเหล่านั้นไม่ได้อยู่แล้ว เขารู้ดีว่าหากตอนนี้เขาตอบรับจูเปี้ยนหรือกงอ๋องไป พรุ่งนี้เช้าก็คงต้องตามเนี่ยอวิ๋นเข้าไปอยู่ในคุกเช่นกัน
“จวิ้นอ๋อง ข้าสงสัยว่าจูหมิงเยียนถูกฆาตกรรม จะรีบจัดการส่งคนตามสืบเรื่องนี้ใหม่ จวิ้นอ๋องและพระชายากลับไปรอข่าวก่อนเถิด แน่นอนว่าหากจวิ้นอ๋องมีเบาะแสอะไรก็บอกมาได้ ส่วนจะให้ข้ารับผิดชอบเช่นใดนั้น อย่างไรเสียการตายของจูหมิงเยียนก็ถือว่าเป็นความผิดในการทำงานของข้า อีกประเดี๋ยวข้าจะถวายสาส์นขอการลงโทษจากฝ่าบาทเอง”
“อะไรนะ” พระชายาผิงหนานที่กำลังร้องไห้น้ำตาอาบแก้มเงยหน้าเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านว่าเยียนเอ๋อร์ไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอกหรือ” โทษไม่ได้หากพระชายาผิงหนานไม่นึกเอะใจสงสัยเลยเพราะสภาพจูหมิงเยียนหลายวันมานี้น่าเป็นห่วงจริงๆ โดยเฉพาะครั้งก่อนตอนที่พระชายาผิงหนานมาเยี่ยมก็ดูท่าทางของจูหมิงเยียนเหมือนถูกผีตามหลอกหลอนจริงๆ ดังนั้นพอได้ยินว่าจูหมิงเยียนฆ่าตัวตาย พระชายาผิงหนานจึงแอบนึกเสียใจที่ตนสะเพร่าเกินไปเพราะไม่ได้พาท่านเจ้าอาวาสมาหาเยียนเอ๋อร์จริงๆ ต่อให้หลอกหรือปลอบใจนางบ้างก็ยังดี