หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 214 องค์ชายก่อเรื่องชุลมุน (2)
เพราะออกวังมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่พอกลับถึงจวนซู่เฉิงโหวมู่ฉังหมิงกลับไม่ได้อยู่ที่จวนแล้ว มู่ชิงอีเองก็ไม่ได้สนใจอยากชื่นชมฉากที่มู่อวิ๋นหรงพุ่งตรงไปยังโถงเต๋ออานเพื่อตัดพ้อร่ำไห้ในความน้อยเนื้อต่ำใจและหวาดกลัวของตัวเอง นางหมุนตัวเดินออกจากจวนซู่เฉิงโหวมุ่งหน้าไปทางศาลาชิงอาน วันนี้นางออกวังมาไม่ใช่เพราะว่างมากจนออกมาเดินเล่น แต่เช้าวันนี้มีละครสนุกๆ รอนางอยู่ เพียงแต่น่าเสียดายในฐานะที่เป็นสตรีเลยไปชมถึงราชสำนักไม่ได้ ดังนั้นนางเลยเลือกที่จะไปสถานที่ที่ข่าวซุบซิบในราชสำนักจะแพร่งพรายมาถึงอย่างง่ายดายซึ่งก็คือ…ศาลาชิงอานนั่นเอง ควรรู้ก่อนว่าลูกค้าที่มากที่สุดในศาลาชิงอานล้วนเป็นเหล่าตระกูลผู้ดีและขุนนางผู้มีอำนาจ แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าการห้ามปากของคนพวกนี้ยากกว่าการห้ามไม่ให้สตรีชื่นชอบในเครื่องประดับอัญมณีเสียอีก
นางแต่งกายเป็นหนุ่มน้อยเช่นเคยแล้วพาอู๋ซินเดินขึ้นชั้นสองของศาลาชิงอานไป ทว่าเพิ่งเดินก้าวขึ้นบันไดก็เห็นองค์ชายเก้าสวมชุดสีดำงดงามนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งริมหน้าต่างในห้องโถงใหญ่ด้วยท่าทีเกียจคร้านพลางยิ้มตาหยีมองมาที่นาง มู่ชิงอีเบะปากอย่างเอือมระอาก่อนสาวเท้าเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ
“น้องจัง ไม่เจอกันนานเลย” องค์ชายเก้าโบกมือยิ้มร่าด้วยความยินดี
“องค์ชายเก้า ไม่เจอกันนานเลย” มู่ชิงอีพยักหน้ากล่าว
หรงจิ่นโผเข้ามาโอบไหล่ของมู่ชิงอีอย่างสนิทสนมแล้วเอ่ยด้วยท่าทีกระตือรือร้นว่า “พวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว น้องจังจะทำตัวห่างเหินไปทำไมเล่า” มู่ชิงอีอดกระตุกมุมปากไม่ได้ ถ้าข้าไม่ทำตัวเหินห่างล่ะก็ท่านยังคิดจะทำอะไรอีก นางใช้พัดในมือสะกิดหลังมือขององค์ชายเก้าที่กำลังใช้โอบตนอยู่พร้อมกล่าวเสียงเรียบ “องค์ชายเก้า โปรดสำรวมกิริยาวาจาหน่อยเถิด”
องค์ชายเก้ามองนางด้วยความน้อยใจ พวกเขาไปถึงขั้นไหนต่อไหนแล้ว เหตุใดยังต้องสำรวมกิริยาวาจาอีก
มู่ชิงอีกัดฟัน นางย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในสายตาแปลกๆ ขององค์ชายเก้าอยู่แล้ว ใครเลยเถิดไปถึงขั้นไหนต่อไหนกับท่านกันเล่า เจ้าบ้าเอ้ย!
มู่ชิงอีดึงมือของหรงจิ่นออกอย่างหมดความอดทนแล้วเอ่ยถามว่า “เช้าขนาดนี้ องค์ชายเก้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไรกัน” หรงจิ่นมุ่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจเอ่ย “เรียกข้าว่าพี่เก้าก็พอแล้ว ส่วนเรื่องนี้…ข้าได้ยินมาว่าวันนี้จะมีละครสนุกๆ ให้ชมเลยเดาออกว่าเจ้าต้องออกมาแน่ ข้าเลยเลือกตำแหน่งไว้รอเจ้าก่อน ”
ข่าวแพร่งพรายเร็วนัก หรือจะพูดได้ว่า…องค์ชายเก้ารู้ข่าวของแคว้นหวารวดเร็วเหลือเกิน
ไม่ไกลจากมุมนั้น อู๋ซินและอู๋ฉิงที่นานๆ จะได้เจอกันทีต่างอดกระตุกยิ้มที่มุมปากไม่ได้ ยังไม่ทันเกิดอะไรขึ้นแต่ท่าทีเตรียมฟังข่าวซุบซิบของพวกท่านสองคนกลับวุ่นวายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ลูกค้าในศาลาชิงอานค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ช่วงเวลาประชุมราชสำนักใกล้สิ้นสุดลงทุกที ไม่นานข่าวที่มู่ชิงอีและหรงจิ่นเฝ้ารอคอยก็มาถึง ว่ากันว่าการประชุมราชสำนักตอนเช้าตรู่วันนี้เหล่าขุนนางเต็มราชสำนักต่างพากันกล่าวหาจวนกงอ๋องราวกับกินยาผิดขวดกันก็มิปาน อีกทั้งแต่ละคนยังมีเหตุผลแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นตั้งกลุ่มคนทำเรื่องไม่ดีบ้าง กงอ๋องรับสินบนบ้าง กงอ๋องรังแกขุนนางผู้จงรักภักดีบ้าง กระทั่งอ้างเหตุผลว่าน้องชายของกงอ๋องขืนใจสาวชาวบ้านอย่างเหี้ยมโหดก็ยังมี ควรรู้ว่าบิดาของมู่หรงอานยังมีชีวิตอยู่ หากจะกล่าวหาผู้เป็นพี่อย่างมู่หรงอวี้ สู้กล่าวโทษฮ่องเต้แคว้นหวาว่าสั่งสอนบุตรไม่ดีถึงจะสมเหตุสมผลมากกว่า ทว่าขุนนางพวกนี้กลับไม่สนใจ เหตุผลแปลกๆ ทั้งหลายต่างโผล่มาหมดราวกับมู่หรงอวี้มีปมแค้นฝังใจใดกับพวกเขาในชั่วข้ามคืนอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่จ้าวจื่ออวี้ที่ยามปกติแทบไม่สนใจงานราชสำนักยังกล่าวหาว่ามู่หรงอวี้บงการให้มู่หรงอาจบุกไปที่เรือนของอานซีจวิ้นอ๋องโดยพลการ เรื่องนี้ทำเอามู่หรงอวี้ปวดใจจนพูดไม่ออก เขาย่อมไม่ได้บงการสั่งให้มู่หรงอานไปบุกเรือนของจ้าวจื่ออวี้อยู่แล้ว แต่เวลานี้มู่หรงอานนอนแน่นิ่งอาการปางตายอยู่บนเตียง ใครจะช่วยเป็นพยานให้เขาได้เล่า
แน่นอนว่ามู่หรงอวี้เองก็ไม่ได้ยืนโง่เฉยๆ ให้ใครต่อใครประณาม ขุนนางในราชสำนักที่เป็นพรรคพวกของมู่หรงอวี้ต่างก็พยายามหาข้อแก้ต่างให้มู่หรงอวี้ กระทั่งแทบอยากกระโจนเข้าใส่กันด้วยซ้ำ แต่เรื่องครั้งนี้โผล่มากะทันหันเกินไป พวกเขาไม่มีใครเตรียมตัวตั้งรับได้ทัน เหมือนว่าความนิยมของมู่หรงอวี้จะย่ำแย่ลงไม่น้อยในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน จนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับเสียงข้างมากของอีกฝ่าย
มู่ชิงอีและหรงจิ่นนั่งริมหน้าต่างพลางยิ้มตาหยีมองบุรุษคนหนึ่งที่กำลังเล่าว่ากงอ๋องแสดงท่าทีสลดอย่างไร ถูกฮ่องเต้แคว้นหวาตำหนิจนหวาดผวาสติหลุดเช่นไรอย่างสนุกสนานราวกับเขาเห็นทุกอย่างในเหตุการณ์มากับตา เล่าเรื่องออกรสเสียยิ่งกว่าคนเล่าเรื่องในโรงน้ำชาเสียอีก
หรงจิ่นยกมือขึ้นประสานคำนับส่งให้มู่ชิงอีพลางเอ่ยชมว่า “สุดยอด ข้านับถือนัก”
มู่ชิงอีคลี่ยิ้มบางอย่างถ่อมตน “องค์ชายเก้ากล่าวชมกันเกินไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉันเลย” นับว่านางไม่ได้โกหก เพราะนอกจากเขียนจดหมายโน้มน้าวมู่หรงเสียแล้ว นางก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อีกอย่างมู่ชิงอีรู้แก่ใจดีว่าลำพังแค่มู่หรงเสียและมู่หรงจ้าวคงทำไม่ได้ขนาดนี้ ต้องมีคนแอบสอดมือเข้ามาร่วมด้วยแน่นอน และคนที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดย่อมเป็นพี่ชายของนาง…มู่หรงซี องค์รัชทายาทที่ใครๆ ในแคว้นหวาต่างเคยขานถึง
“เจ้าว่าฮ่องเต้แคว้นหวาจะจัดการมู่หรงอวี้เช่นใด” หรงจิ่นเอ่ยถามอย่างสงสัย ครั้งนี้มู่หรงอวี้โดนใส่ความแล้วจริงๆ ข้อกล่าวหาที่เหล่าขุนนางกล่าวถึงต่างต้องพ้องกับเขาทุกประการ แต่ก็ต้องพ้องกับองค์ชายทุกคนด้วยเช่นกัน ในเมื่อจะมีองค์ชายคนใดที่ไม่ตั้งกลุ่มทำเรื่องไม่ดีหรือรับของขวัญสินบนเหล่านี้บ้างเล่า แต่ข้อหาที่สำคัญกลับไม่มีสักข้อ อย่างเช่นเรื่องที่อวิ๋นกุ้ยเหรินลอบฆ่าฮองเฮาและวางกลอุบายทำร้ายตระกูลกู้และผิงอ๋อง ตอนที่กล่าวหากลับไม่มีเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย หากมู่หรงอวี้กำราบฝ่าบาทได้จริง พระองค์คงเห็นเป็นเพียงเรื่องขบขันเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่แน่ฮ่องเต้แคว้นหวาอาจจะแค่ลงโทษนิดๆ หน่อยๆ เพื่อปลอบใจพวกเขา แต่ตอนนี้มู่หรงอวี้ช่างโชคร้ายนัก เพราะช่วงเวลาที่ฮ่องเต้แคว้นหวาเห็นเขาขัดหูขัดตาเช่นนี้ ต่อให้เขาจะโชคร้ายยิ่งกว่ามู่หรงซีก็ไม่ใช่เรื่องเหนือคาดอะไรเลย
มู่ชิงอียิ้มบางๆ กล่าว “เรื่องนี้หรือ ลองถามคนในเหตุการณ์ดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ” มู่ชิงอีพยักหน้าแล้วมองไปทางบันได หรงจิ่นเองก็มองตามไปเช่นกัน ทว่ากลับเห็นมู่หรงเสียเดินขึ้นมาเพียงลำพังแล้วเดินตรงมาทางพวกเขาอย่างไม่หยุดเท้า
“คุณชายจัง” ครั้งนี้แววตาที่มู่หรงเสียใช้มองมู่ชิงอีดูจริงใจมากกว่าเดิม ครั้นเห็นหรงจิ่นที่นั่งข้างกายมู่ชิงอีเขาก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าให้หรงจิ่น “องค์ชายเก้า”
มู่ชิงอีอมยิ้มยกแก้วชาในมือขึ้นเอ่ย “จื้ออ๋อง ยินดีด้วย”
สีหน้าของมู่หรงเสียดูผ่อนคลายลงแล้วยิ้มเอ่ย “คุณชายเอ่ยเรื่องน่าขันแล้ว ตอนนี้พูดเรื่องกงอ๋องก็ออกจะ…” ก็ออกจะเร็วเกินไปหน่อย มู่หรงเสียไม่ใช่คนใสซื่อ ต่อให้โค่นมู่หรงอวี้ได้จริงๆ ก็ใช่ว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทจะตกเป็นของเขาเสมอไป เพียงแต่มู่หรงอวี้เป็นหนึ่งคู่ต่อสู้ที่รับมือยากที่สุดก็เท่านั้น แน่นอนว่าหากกำจัดเขาออกไปเร็วหน่อยคงเป็นการดีที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขามองเห็นศักยภาพของจังชิงได้จากเรื่องนี้ เหมือนว่าเจ้าหนุ่มน้อยผู้นี้จะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มีหลายเรื่องกลับเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ทุกอย่างตามลำดับ เขาเสียเวลาไปตั้งหลายปีแต่กลับสั่นคลอนมู่หรงอวี้ไม่ได้เลย แต่ทันทีที่เจ้าหนุ่มน้อยผู้นี้ลงมือก็จัดการล้มหมากบนกระดานของมู่หรงอวี้จนราบเป็นหน้ากลอง ยอดฝีมือเช่นนี้หากไม่เอามาไว้ในมือ มู่หรงเสียคงรู้สึกผิดกับตัวเองแย่
มู่ชิงอีเลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จื้ออ๋องเชิญนั่งเถิด”
“องค์ชายเก้า…” มู่หรงเสียมองหรงจิ่นด้วยท่าทีชั่งใจ “จื้ออ๋องไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้าก็แค่…ถูกชะตากับน้องจังเลยมาร่วมวงด้วยก็เท่านั้น หรือว่า…อยากให้ข้าหลบไปก่อนอย่างนั้นหรือ” มู่หรงเสียรีบเอ่ยว่ามิบังอาจ เขาเองก็มิอาจคุยเรื่องสำคัญใดกับจังชิงในสถานที่เช่นนี้ได้จึงไม่มีความจำเป็นใดต้องล่วงเกินหรงจิ่น เขาได้ยินมานานแล้วว่าองค์ชายเก้าของแคว้นเย่ว์หลงใหลในความหล่อเหลาของตัวเองมากและชื่นชอบคนที่หน้าตาดีมากเช่นกัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงความชาญฉลาดของจังชิง ความจริงหน้าตาของเขาก็สอดคล้องกับความชอบขององค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์อยู่ไม่น้อย