หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 240 เผยไต๋ ความเคียดแค้นของมู่หรงอวี้ (2)
“ใครก็ได้มานี่เอาตัวนางกลับไปที”
“ขอรับ” ทหารเฝ้าคุกสองคนเข้ามาแล้วลากตัวจูซื่อออกนอกประตูไป จูซื่อไร้เรี่ยวแรงดิ้นรน กระทั่งแรงพูดยังไม่มี ปากเอาแต่พึมพำคำพูดที่จับใจความไม่ได้ออกมาไม่หยุด จากนั้นก็ค่อยๆ มีเลือดไหลรินออกมาจากในปาก
นาง…คงไม่ได้ถูกตัดลิ้นหรอกกระมัง
บุรุษผู้นั้นมองจูซื่อที่ถูกพาตัวไปพลางครุ่นคิดด้วยความสงสัย
หลังจากออกจากคุกเทียนสวรรค์มา มู่ชิงอีก็มุ่งหน้าไปศาลาชิงอาน เรียกอู๋ซินมาฝากคำพูดไปบอกใครบางคน เพิ่งออกคำสั่งไปเฝิงจื่อสุ่ยก็ไปสืบเรื่องหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณทันที ส่วนหรงจิ่นนั้นมาเยือนด้วยความดีอกดีใจ
“ชิงชิงคิดถึงข้าหรือ”
มู่ชิงกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย “องค์ชายเก้า หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญเพคะ” หรงจิ่นยู่ปากแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “ชิงชิงนี่ขี้เหนียวจริงเลย”
มู่ชิงอีแค่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเอ่ยถาม “องค์ชายเก้า ท่านเคยได้ยินชื่อหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณหรือไม่” หรงจิ่นกะพริบตาปริบๆ เขาเงียบอยู่นานถึงเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้หรือ…เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน...แต่จำไม่ค่อยได้เท่าไร เหตุใดจู่ๆ ชิงชิงถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า”
มู่ชิงอีมองเขาด้วยสายตาแน่นิ่ง หรงจิ่นหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่งก่อนจะเท้าคางเอ่ย “อ้อ ข้านึกออกแล้ว ชิงชิงเพิ่งไปคุกเทียนสวรรค์มาใช่หรือไม่ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับพิษของผิงอ๋อง” ครั้นเห็นมู่ชิงอีขมวดคิ้วงามมุ่น หรงจิ่นก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตกใจอยู่บ้าง “พิษของมู่หรงซีคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณจริงๆ ใช่หรือไม่”
“ท่านรู้จักจริงๆ หรือ” มู่ชิงอีเอ่ยถาม
หรงจิ่นแค่นเสียงเบาอย่างทะนงตน “ข้าฉลาดรอบรู้ทุกเรื่อง มีเรื่องใดที่ข้าไม่รู้บ้างเล่า”
“หญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณ” มู่ชิงอีพูดแทรกขึ้น
หรงจิ่นแค่นเสียงเย็น “ใครบอกว่าข้าไม่รู้ หญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณหรือ…เพียงแต่คนที่ใช้พิษตั้งชื่อขึ้นมาเอง ความจริงเจ้านี่…เรียกว่าเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตา”
มู่ชิงอีเลิกคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณหรือเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตา สำหรับนางแล้วล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่คุ้นเคยเลยทั้งสิ้น หรงจิ่นเอ่ย “เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่พืชที่เกิดในพื้นที่ราบลุ่มกลาง แต่เป็นพืชที่โตในพื้นที่เขตร้อนทางตอนใต้สุด ว่ากันว่าแคว้นนั้นมีสถานที่แห่งหนึ่งที่มีกล้วยไม้ลวงตาเติบโตเป็นหย่อมๆ ยามผลิดอกออกใบเขียวชอุ่ม มีคนต่างถิ่นไม่น้อยคิดว่ามันสวยดีเลยพกติดตัวกลับไปด้วย แต่สุดท้ายคนพวกนั้นกลับตายภายใต้ภาพลวงตาอันงดงามโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ แม้แต่คนในพื้นที่ยังถือว่าเป็นเขตต้องห้ามที่ใครๆ เห็นแล้วยังพากันหวาดกลัวเลย”
“ตอนที่ท่านอาหญิงยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่พี่ชายเองก็ไม่เคยโดนพิษมาก่อนนี่นา” มู่ชิงอีเอ่ยขึ้นมา
หรงจิ่นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เป็นธรรมดา กลิ่นหอมเข้มข้นของเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตาดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ได้ง่าย อีกอย่างหากไม่ระวังแม้แต่คนปลูกก็อาจจะโดนดีเข้าด้วย ตอนนั้นคนที่พกกลับมาในพื้นที่ราบลุ่มกลางคิดหาวิธีเอามันมาปลูกโดยลงในกระถางดอกไม้ที่ทำจากหยกเย็นแล้ววางไว้ในเขตที่หนาวที่สุดชุ่มช่ำไปด้วยน้ำที่ละลายจากหิมะ สุดท้ายเลยโตเป็นหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณ ความจริงสรรพคุณยากลับแย่กว่าเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตาอยู่บ้าง”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง” มู่ชิงอีงหลุบตาลงเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยต่อ “แล้วมียาแก้พิษหรือไม่”
หรงจิ่นกะพริบตาปริบๆ กระแอมไอเสียงเบาทีแล้วลูบคางเอ่ย “เรื่องนี้…คงไม่มีเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณหรือเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตาล้วนเป็นพืชหายากมากทั้งนั้น ใครจะจงใจคิดค้นหายาแก้พิษเจ้านี่โดยเฉพาะบ้างเล่า แม้แต่หมอทั่วไปยังไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ”
ในเมื่อทำให้จูซื่อมั่นใจขนาดนั้นได้ อีกทั้งกระทั่งหมอหลวงในวังแคว้นหวายังจนปัญญาจะรักษาให้หาย มู่ชิงอีก็รู้อยู่แก่ใจดีว่านางคงได้ยาแก้พิษมายากมากแน่นอน หรงจิ่นรู้มากขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเกิดคาดแล้ว
“จะว่าไปสถานที่อย่างแคว้นหวา ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณหรือเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตาล้วนไม่เหมาะที่จะใช้เพาะปลูกเลย แล้วจูซื่อไปเอามาจากไหนกันนะ” หรงจิ่นเอ่ยถามอย่างสงสัย แคว้นหวาอากาศไม่หนาวพอสำหรับหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณและอากาศไม่ร้อนพอสำหรับเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตาอีกด้วย
มู่ชิงอีขมวดคิ้วมุ่น ขณะเดียวกันก็นึกสงสัยสถานะของจูซื่อขึ้นมาทันที หญิงสาวที่เกิดมาจากตระกูลธรรมดาไม่ได้มีอำนาจอะไรจะรอบรู้ตำราหมอได้อย่างจูซื่อขนาดนี้เชียวหรือ หากฝีมือของจูซื่อเก่งกาจอย่างที่ตัวนางโอ้อวดจริงๆ เล่า อีกอย่างนางเอาหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณนั่นเข้ามาในวังได้เช่นไร หรือจะกล่าวว่า…นางไปได้เจ้าสิ่งนี้มาจากไหนกันแน่
“ยุคสมัยนี้จะมีใครครอบครองหญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณบ้างหรือ” มู่ชิงอีเอ่ยถามพลางมุ่นคิ้ว
หรงจิ่นส่ายศีรษะเชิงขออภัย ถึงแม้เขาจะมีช่องทางข่าวสารของตัวเอง แต่เรื่องหญ้าพิษที่ในใต้หล้านี้มีน้อยนักอย่างเจ้านี้อยู่แห่งหนใดเขากลับไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน แต่ว่า… “ถึงข้าจะไม่รู้ว่าใครครอบครองเจ้าสิ่งนี้ แต่ในเมื่อเจ้าสิ่งนี้ยังไม่สูญพันธุ์ไปล่ะก็ เช่นนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดคงเป็นเย่าหวังกู่กระมัง” หญ้าเก้าหยางสลายวิญญาณก็คือเก้าหยางกล้วยไม้ลวงตาที่เดิมทีไม่เหมาะจะเพาะปลูกในเขตพื้นที่ราบลุ่มกลาง ตอนนั้นคนที่เอามันกลับมาด้วยพกกลับมาไม่น้อยแต่ก็ตายอย่างรวดเร็วเหมือนกัน ได้ยินว่ามีโผล่มาต้นสองต้นก็นับว่าล้ำค่ามากแล้ว ซึ่งแตกต่างจากหญ้าป่าในพื้นที่ที่งอกงามอุดมสมบูรณ์ทั่วทั้งภูเขาอย่างสิ้นเชิง
“เย่าหวังกู่หรือ” มู่ชิงอีขมวดคิ้วมุ่น หรงจิ่นยักคิ้วยิ้มเอ่ย “ชิงชิงรู้จักห้ายอดฝีมือในใต้หล้า แต่กลับไม่รู้จักเย่าหวังกู่อย่างนั้นหรือ เย่าหวังกู่มีชื่อเสียงในยุทธจักรมากเชียวนะ”
มู่ชิงอียิ้มอย่างขวยเขิน “หม่อมฉันมิได้รอบรู้และได้ยินอะไรมามากอย่างองค์ชายเก้านี่เพคะ” แม้แต่ข่าวลือเรื่องห้ายอดฝีมือในใต้หล้า ตอนนั้นไท่สื่อเหิงเพียงพูดอย่างขำขันกับนางเท่านั้น นางเองก็ไม่ใช่คนในยุทธจักรย่อมไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ถ้าในเมื่อเย่าหวังกู่มีชื่อเสียงมากจริงๆ ไท่สื่อเหิงย่อมไม่เอ่ยถึงอยู่แล้ว
ครั้นเห็นนางแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ หรงจิ่นก็รีบยิ้มเอาใจทันที “เย่าหวังกู่คือราชาหมอศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าลือกันมาเมื่อพันปีก่อน เหล่าลูกศิษย์ของเย่าหวังกู่ศึกษาตำราหมอต่อกันมารุ่นสู่รุ่นเพื่อช่วยชีวิตผู้คน ดังนั้นไม่ว่าจะในแวดวงยุทธจักรหรือในหมู่ราษฎรล้วนมีชื่อเสียงในแง่ดีทั้งสิ้น แต่เย่าหวังกู่มีกฎว่าห้ามเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องในใต้หล้า ห้ามแพร่งพรายพูดคุยกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ ห้ามเป็นหมอหลวงให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นย่อมไม่เห็นพวกเขาปรากฏตัวในราชสำนักอยู่แล้ว บัดนี้หมอที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุด อย่างน้อยเจ็ดในสิบคนล้วนมาจากสำนักเย่าหวังกู่ทั้งนั้น”
มู่ชิงอีขบคิดครู่หนึ่ง “หากกล่าวเช่นนี้…ก็ไม่แน่ว่าหมอของเย่าหวังกู่จะมีวิธีรักษาพี่ชายได้อย่างนั้นหรือ”
หรงจิ่นยักไหล่ “อาจจะได้ แต่…คนของเย่าหวังกู่ปรากฏตัวในเมืองหลวงน้อยนัก ต่อให้มีเจ้าก็ตามหาพวกเขาไม่เจอหรอก ลูกศิษย์ของเย่าหวังกู่วิทยายุทธไม่ค่อยเก่งกาจ แต่พวกเขาจะถนัดพวกเรื่องยาพิษและแปลงกายรูปโฉม อีกอย่างหากรู้สถานะของมู่หรงซี บางคนอาจจะไม่ยินดีช่วยแก้พิษให้เขาก็ได้ อีกเรื่อง…ด้วยพิษของมู่รหงซีแล้ว ข้าเดาว่าลำพังแค่เหล่าลูกศิษย์ของเย่าหวังกู่คงแก้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเจ้าสำนักอาจพอจะมีโอกาสอยู่บ้าง” ครั้นเห็นสีหน้าครุ่นคิดของมู่ชิงอี หรงจิ่นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชิงชิงอยากให้มู่หรงซีไปหาสำนักเย่าหวังกู่อย่างนั้นหรือ ที่จริงแล้วเย่าหวังกู่อยู่ที่แคว้นเย่ว์ อีกอย่างข้ายังรู้ตำแหน่งที่อยู่ของสำนักเย่าหวังกู่อีกด้วย”
“องค์ชายเก้าคงจะไม่ได้คิดจะบอกว่า ท่านรู้จักเจ้าสำนักเย่าหวังกู่กระมัง” มู่ชิงอีเอ่ยพลางยกยิ้มบางๆ
หรงจิ่นเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจทันที “ข้าเองก็ไม่ได้รู้จักเจ้าสำนักเย่าหวังกู่หรอก ใครจะไปรู้จักเขากันเล่า”