หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 468 ปะทะกันในพระตำหนัก (3)
อัครเสนาบดีโจวคุกเข่าลงกลางพระตำหนัก เอ่ยเสียงสูง “กระหม่อมขอกราบทูล…จวงอ๋องเป็นคนฆ่าองค์รัชทายาทเต้ากงพ่ะย่ะค่ะ!”
ครั้นคำพูดนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งราชสำนักก็พากันตกตะลึง ข้อหาทำร้ายองค์รัชทายาทเต้ากงแตกต่างจากข้อหาเรื่องที่ทะเลาะเบาะแว้งกันเล็กๆ น้อยๆ เมื่อหลายวันก่อนเหล่านั้นลิบลับ หากตามสืบความจริงเรื่องนี้ขึ้นมาคงต้องโทษร้ายแรงถึงขั้นตรึงร่างประหารเก้าชั่วโคตรเลยทีเดียว แน่นอนว่าจวงอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ เรื่องประหารชีวิตเก้าชั่วโคตรคงเป็นไปไม่ได้ แต่เกรงว่าคนทั้งจวนจวงอ๋อง กระทั่งตระกูลหนานกงคงจบสิ้นแน่นอน
อัครเสนาบดีโจวเพิ่งพูดจบ หนานกงเจวี๋ยก็ลุกขึ้นทันที ขึงตาแล้วคำรามใส่ “โจวเหวินปิน เจ้าอย่ามาใส่ความกัน!”
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ย่อมไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใครแน่นอน อัครเสนาบดีเอ่ยอย่างผยอง “ข้าใส่ความหรือไม่ ฝ่าบาททรงไตร่ตรองได้เอง”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์มุ่นคิ้ว ไอเสียงเบาก่อนตรัสถามเสียงขรึม “เจ้ามีหลักฐานใดถึงกล่าวหาว่าจวงอ๋องทำร้ายองค์รัชทายาทเต้ากง”
อัครเสนาบดีโจวล้วงหยิบม้วนกระดาษพับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้ด้วยท่าทีนอบน้อม “นี่เป็นหลักฐานที่กระหม่อมส่งคนไปแอบตามสืบที่เมืองเผิง ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ วันนั้นองครักษ์ข้างกายองค์รัชทายาทเต้ากงตายด้วยความจงรักภักดีก็จริง แต่คนในเมืองเผิงไม่ได้ตายกันหมด ฉะนั้นย่อมหลงเหลือร่องรอยเบาะแสไว้บ้าง คิดว่าจวงอ๋องเองก็คงจนปัญญาจะฆ่าปิดปากคนทั่วทั้งเมืองเผิงได้!”
หรงเซวียนสีหน้าขรึมลง ทว่ากลับไม่ได้เปิดปากตอบโต้อะไร เจี่ยงปินที่อยู่ด้านหลังฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เดินลงบันไดมาด้วยท่าทีระมัดระวัง หลังจากรับพับกระดาษในมือของอัครเสนาบดีโจวมาแล้วก็รีบนำไปถวายต่อหน้าฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ทันที จากนั้นพระองค์ก็สายตาก็ขรึมลงมากกว่าเดิม เขาใช้สายตาเย็นชากวาดมองหรงเซวียนแวบหนึ่งก่อนตรัสว่า “จวงอ๋อง เจ้ามีอะไรจะอธิบายหรือไม่”
หรงเซวียนรู้สึกเพียงสะดุ้งในใจ หลุบตาลงเอ่ย “ลูกถูกใส่ความ เสด็จพ่อทรงตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ใส่ความหรือ” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์แค่นเสียงเย็นชาตรัสว่า “ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทเต้ากงได้หญ้าเซียนเก้าเมฆามาเลยเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างลับๆ ใช่หรือไม่”
หรงเซวียนกล่าว “ลูกมิทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่รู้หรือ” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์จ้องหรงเซวียนพลางตรัสเสียงเย็นยะเยือก “ในเมื่อองค์รัชทายาทเต้ากงวางแผนจะนำคนกลับเมืองหลวงเพียงลำพัง เหตุใดเจ้าถึงถูกคนลอบทำร้ายพร้อมกับเขาได้เล่า” เรื่องที่หรงหวงจะกลับเมืองหลวงเพียงลำพังหลังจากได้หญ้าเซียนเก้าเมฆาเป็นเรื่องที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ไม่คิดแปลกใจเท่าไรนัก ในเมื่อเขาได้หญ้าเซียนเก้าเมฆามาแล้ว หรงหวงย่อมอยากรับคุณงามความดีไว้คนเดียวเป็นธรรมดา เขาจะยอมปล่อยให้หรงเซวียนมาเสพสุขด้วยได้เช่นใดเล่า
หรงเซวียนเงยหน้าขึ้นมองไปทางฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เอ่ย “เสด็จพ่อ…ก็สงสัยว่าลูกเป็นคนฆ่าพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์เงียบกริบไม่พูดอะไร ทว่าในใจของหรงเซวียนกลับชาวาบ เขาอาจจะเคยมีความคิดอยากฆ่าหรงหวงจริงๆ แต่เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าหรงหวง แถมเสด็จพ่อของเขายังไม่ยอมเชื่อเขาอีกต่างหาก
“ฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรมาจวงอ๋องเป็นคนกตัญญู ไม่มีทางทำเรื่องไร้ศีลธรรมเช่นนั้นแน่นอน ฝ่าบาททรงตรวจสอบอย่างเป็นธรรมด้วย” คนของจวงอ๋องต่างรู้ดี หากวันนี้จวงอ๋องซวยขึ้นมาจริงๆ พวกเขาทุกคนก็ต้องพลอยซวยไปด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
องค์ชายคนอื่นๆ ในพระตำหนัก ไม่ว่าจะเป็นคนที่สนิทสนมกับหรงเซวียน หรือกระทั่งคนที่มีความสัมพันธ์ขัดแย้งกับหรงเซวียนต่างอ้อนวอนไปตามๆ กัน “เสด็จพ่อทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ทว่ามีเพียงหรงไหวฉินอ๋องเพียงคนเดียวที่ทำหน้าบึ้งตึง ขณะเดียวกันก็เลิกชายชุดคลุมก่อนคุกเข่าลงพื้นกล่าว “เสด็จปู่โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ท่านพ่อด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นได้ยินเสียงเซ็งแซ่ดังไปทั่วทั้งตำหนัก ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ก็ขมวดคิ้วอย่างอ่อนล้า ถึงอย่างไรเขาก็แก่อายุใกล้เจ็ดสิบชันษาแล้ว เดิมทีสภาพจิตใจในหลายวันนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก พอได้ยินเสียงเซ็งแซ่รบกวนเลยยิ่งทำให้ปวดศีรษะและหงุดหงิดใจเข้าไปใหญ่
“หุบปาก!” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ตวาดเสียงแข็งแล้วจ้องอัครเสนาบดีโจวตรัสว่า “ถึงแม้ในนี้อ่านดูแล้วจะมีเหตุผล แต่ส่วนมากก็เป็นแค่คำคาดเดาทั้งนั้น หลักฐานอยู่ไหนเล่า” อัครเสนาบดีโจวกัดฟันเอ่ย “ถึงแม้กระหม่อมจะไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่มีพยานพ่ะย่ะค่ะ!”
คนทั่วทั้งพระตำหนักต่างสะดุ้งตัวโยน จากนั้นก็ได้ยินอัครเสนาโจวกล่าว “องครักษ์ขององค์รัชทายาทเต้ากงตายกันหมดแล้ว แต่องครักษ์ของจวงอ๋องกลับรอดมาได้หลายคน มีคนหนึ่งกลัวจะถูกจวงอ๋องฆ่าปิดปากเลยหลบหนีไป ขณะที่จนตรอกไม่รู้จะไปที่ใดเลยมาพักพิงที่จวนของกระหม่อม ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมด้วย”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ตรัสเสียงขรึม “ให้เขาเข้ามาเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” อัครเสนาโจวยิ้มดีใจ หากไม่มีไพ่ไม้ตายนี้ เขาจะกล้าบุ่มบ่ามกล่าวหาว่าจวงอ๋องลอบทำร้ายองค์รัชทายาทได้เช่นไร ควรรู้ว่าโทษลอบทำร้ายองค์รัชทายาทไม่เบา แต่โทษใส่ความองค์ชายก็หนักไม่เบาเช่นกัน
ไม่นานจากนั้นบุรุษหนุ่มที่สวมใส่ชุดธรรมดาๆ คนหนึ่งก็ถูกองครักษ์ในวังพาตัวเข้ามา สีหน้าของหนานกงอี้และหนานกงเจวี๋ยเปลี่ยนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักบุรุษหนุ่มผู้นี้
“เจ้าเป็นใคร” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์หรี่ตาตรัสถาม
บุรุษหนุ่มผู้นั้นมองทุกคนในพระตำหนักด้วยท่าทีหวาดเกรง ครั้นเห็นหรงเซวียนก้มหน้าไม่พูดอะไรยืนอยู่อีกฝั่งก็ยิ่งตัวสั่นเทา ทว่าพอได้ยินเสียงของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ก็รีบคุกเข่าลงพื้นกล่าว “กระหม่อม…กระหม่อมมีนามว่าฝันเกา เป็นองครักษ์ของจวนจวงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์หรี่ตาตรัสว่า “องครักษ์จวนจวงอ๋องหรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
บุรุษหนุ่มผู้นั้นเอ่ยเสียงสั่นเครือ “ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย กระหม่อม…กระหม่อมแค่หลบการไล่ล่าตามฆ่าของจวงอ๋อง ถึง…ถึงได้เข้าไปหลบในจวนอัครเสนาบดีโจว อัครเสนาบดีโจวบอกว่าขอแค่กระหม่อมเปิดโปงความผิดของจวงอ๋องแก่ฝ่าบาท กระหม่อมก็จะอยู่รอดปลอดภัย ดังนั้นกระหม่อมก็เลย…”
“เจ้าจะเปิดโปงความผิดใดของจวงอ๋องหรือ” ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ตรัสถาม
บุรุษหนุ่มเอ่ยเสียงสั่น “ปีที่แล้วกระหม่อมติดตามจวงอ๋องไปที่เมืองเผิง คืนวันที่องค์รัชทายาทเต้ากงสิ้นพระชนม์วันนั้น…จวงอ๋องทรงพาพวกเราไปรอขัดขวางการเดินทางกลับขององค์รัชทายาทเต้ากงในป่าแห่งหนึ่ง จากนั้น…จวงอ๋องกับองค์รัชทายาทเต้ากงก็สู้กัน สุดท้ายพอลงไม้ลงมือ…ทุกคนก็ปะทะกันจนโกลาหลไปหมด จากนั้น…จากนั้น”
“จากนั้นหรงเซวียนก็ฆ่าท่านพ่อของข้า ใช่ไหมเล่า!” หรงไหวลุกขึ้นอย่างข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก่อนจะร้องแหวเสียงสูงใส่บุรุษหนุ่มผู้นั้น บุรุษหนุ่มผู้นั้นร่างสั่นเทาโดยไม่คิดเหลือบมองหรงไหวสักนิด กล่าวเสียงเบา “จากนั้น…องค์รัชทายาทเต้ากงก็ทรงสิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าจวงอ๋องฆ่าองค์รัชทายาทเต้ากง แต่ทุกคนที่ฟังกลับรู้สึกไม่ต่างกัน
“ใส่ความกันชัดๆ!” หนานกงอี้ลุกขึ้นอย่างข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เอ่ยเสียงขรึม “เจ้าเป็นองครักษ์ของจวงอ๋อง อีกทั้งจวงอ๋องเองก็เมตตาเจ้าไม่น้อยแต่เจ้ากลับแว้งกัดเขาในราชสำนักเช่นนี้ วอนหาเรื่องทำให้จวงอ๋องมีโทษถึงตาย คำพูดของคนเนรคุณอย่างเจ้ายังจะเชื่อถือได้อีกหรือ ฝ่าบาททรงตรวจสอบความจริงให้กระจ่างด้วย คำพูดของคนเนรคุณพรรค์นี้เชื่อถือไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
อัครเสนาบดีโจวยิ้มเยาะเอ่ย “คนตัวเล็กๆ ก็รักชีวิตตัวเองเหมือนกัน จวงอ๋องคิดจะทำเรื่องไร้ศีลธรรมโดยฆ่าปิดปากคนเช่นนี้ ท่านไม่คิดจะให้คนอื่นร้องขอชีวิตบ้างเลยหรือ”
“ฆ่าปิดปากหรือ” หนานกงอี้เลิกคิ้วเอ่ย “ใครฆ่าปิดปากกัน องครักษ์ที่จวงอ๋องพาติดตามไปก็เหลือดรอดกลับมาสามสี่คนเท่านั้น บัดนี้นอกจากคนเนรคุณพรรค์นี้ทุกคนก็อยู่รอดปลอดภัยอยู่ในจวนจวงอ๋องดี อัครเสนาบดีโจวใส่ความว่าจวงอ๋องฆ่าปิดปากหน้าตายเช่นนี้จะไม่เป็นการหาความตายมาให้จวงอ๋องมากกว่าหรือ”
จวนจวงอ๋องแตกต่างจากจวนอื่นๆ เล็กน้อย องครักษ์ติดตามหรงเซวียนล้วนเป็นทหารคนสนิทที่ตระกูลหนานกงเป็นคนคัดสรรเองมากับมือ ฉะนั้นย่อมไม่มีทางหักหลังหรงเซวียนแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของหรงหวงทั้งสิ้น หากผุดข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับหรงเซวียนขึ้นมาก็ส่งผลกระทบต่อพวกเขาด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นหรงเซวียนไม่มีทางฆ่าปิดปากใครจนสร้างความคลางแคลงใจให้คนอื่น กระทั่งทำให้คนรอบกายตนผิดหวังไปด้วยแน่นอน