หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 527 จวนตระกูลกู้ขอยา(1)
หรงเหยี่ยนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ากล่าว “เจ้าพูดถูก แต่…เรื่องนี้ลำพังแค่พวกเราคงไม่ไหว”
“พี่สี่หมายความว่าอย่างไร” หรงซิงเอ่ยถามอย่างฉงน
“พี่รอง” หรงเหยี่ยนเอ่ยเสียงขรึม “ถึงแม้พี่รองจะสุขภาพไม่ดี แต่อิทธิพลของจวนจวงอ๋องไม่ได้ถูกทำลาย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือตระกูลหนานกงยังอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ในบรรดาพี่น้องเขาโตที่สุดแล้ว หากเขาออกโรงย่อมพูดง่ายกว่ามาก”
หรงซิงกล่าว “แต่…ท่าทางพี่รอง เหมือนไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว เกรงว่าคงพูดให้เขาหวั่นไหวไม่ได้ง่ายๆ” หรงเหยี่ยนยิ้มเยาะ เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่เข้าใจพี่รอง เขาไม่มีทางล้มเลิกง่ายดายขนาดนั้นหรอก” เขากับหรงเซวียนแอบชิงดีชิงเด่นกันมาตั้งสิบกว่าปี ย่อมเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ใช่…หรงเซวียนไม่มีโอกาสขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ได้ แต่เขายังมีลูกชายและอำนาจทางการทหาร รวมถึงอิทธิพลอำนาจยิ่งใหญ่ของจวนจวงอ๋อง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะวางก็วางทิ้งได้เลย แต่เพราะหลายวันนี้พลาดโอกาสไป เกิดเหตุการณ์ขึ้นกะทันหันเลยอยากสงบสติอารมณ์จัดการเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนก็เท่านั้น ทันทีที่เขาสามารถมองทุกอย่างออกและมองหาโอกาสเจอ เขาก็พร้อมลงมือซัดศัตรูให้ตายอย่างอนาถเหมือนกัน
หรงซิงพยักหน้ากล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าไปหาพี่รองตอนนี้เลยดีหรือไม่”
หรงเหยี่ยนส่ายศีรษะ “ข้าไปเอง พี่รองสุขภาพไม่ดี ในฐานะน้องชายต้องเป็นคนไปเยี่ยมอยู่แล้ว”
ภายในห้องหนังสือจวนจวงอ๋อง กลางเดือนสามอากาศอบอุ่นขึ้นมากแล้ว ทว่าหรงเซวียนกลับยังสวมผ้าฝ้ายหนาคลุมร่างอยู่ ใบหน้าตอบซูบซีดเซียวไร้เลือดฝาด เสียงไอที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เหมือนหัวใจ ตับ ปอดสั่นกระเพื่อมไปทั้งร่าง กระทั่งชวนให้น่าเป็นห่วงไม่น้อย
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะเชื่อว่าเมื่อเดือนสองเดือนก่อนจวงอ๋องผู้นี้ยังได้รับสมญานามว่าเก่งกาจที่สุดในบรรดาองค์ชายและเป็นเพียงคนเดียวที่สร้างคุณงามความดีเรื่องการทหารด้วยเล่า
“ท่านพ่อ เป็นเช่นใดบ้าง” จวงอ๋องซื่อจื่อยืนอยู่ข้างโต๊ะแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
หรงเซวียนยิ้มขมขื่น “จะเป็นอย่างไรได้ ร่อแร่เต็มทีแล้วกระมัง” เห็นเช่นนั้น จวงอ๋องซื่อจื่อก็หมุนตัวมองหนานกงเจวี๋ยและหนานกงอี้ที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างร้อนใจ “ท่านปู่ ท่านมีวิทยายุทธเหนือใครในโลกหล้า ท่านไม่มีหนทางใดเลยหรือ”
หนานกงเจวี๋ยถอนหายใจ ส่ายศีรษะกล่าว “ข้าไม่ถนัดเรื่องยาพิษ ยิ่งไปกว่านั้นพิษที่จวงอ๋องโดน…” พิษบางตัวอาจดูร้ายแรงแต่ก็ยังหาวิธีแก้พิษได้ ทว่าพิษบางตัวไม่ว่าจะทำเช่นใดก็ไร้หนทางจะรักษา เพราะพิษนั้นได้สร้างบาดแผลให้ร่างกายไปชั่วชีวิตแล้ว ถึงแม้จะแก้พิษได้แต่บาดแผลก็ยังคงอยู่ ต่อให้ฮัวโต๋ว[1]ยังอยู่บนโลกใบนี้ก็คงจนปัญญาอยู่ดี
หนานกงเจวี๋ยมีกำลังภายในเปี่ยมล้นย่อมมองออกชัดเจนดี อวัยวะภายในของหรงเซวียนถูกทำลายอย่างหนัก จิตใจห่อเหี่ยว เว้นเสียแต่จะมียาเทพศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่เล่าลือกันจริงๆ มิเช่นนั้นก็คงทำอะไรไม่ได้
“ได้ยินว่าตอนนี้อดีตเจ้าสำนักเย่าหวังกู่มั่วเวิ่นฉิงอยู่ในเมืองหลวง เชิญเขามาไม่ได้หรือ” จวงอ๋องซื่อจื่อเอ่ยถาม
หนานกงอี้ที่อยู่ด้านข้างเงียบไปพักหนึ่งเอ่ย “ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ หากลองดูก็ไม่เสียหายอะไร แต่…มั่วเวิ่นฉิงเป็นสหายกับกู้หลิวอวิ๋น”
มั่วเวิ่นฉิงเป็นคนนิสัยประหลาด ไปไหนมาไหนไร้ร่องรอย ต่อให้อยู่ในเมืองหลวงก็ใช่ว่าพวกเขาจะหาตัวเจอ ฉะนั้นหากอยากหาตัวมั่วเวิ่นฉิงก็คงเลี่ยงแบกหน้าไปวิงวอนกู้หลิวอวิ๋นไม่ได้ หากอาการของหรงเซวียนดีขึ้นก็ดีไป แต่ต่อให้ไม่ดีขึ้นจวนจวงอ๋องก็ต้องติดค้างบุญคุณกู้หลิวอวิ๋น
จวงอ๋องซื่อจื่อมองบิดาที่นั่งสีหน้าอ่อนล้า กัดฟันกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองสักตั้ง!”
หนานกงอี้พยักหน้าเอ่ย “ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปพบกู้หลิวอวิ๋นด้วยตัวข้าเอง”
หรงเซวียนพักผ่อนไปได้ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามด้วยกำลังวังชาเต็มเปี่ยมว่า “หลายวันนี้ในเมืองหลวงเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง”
หนานกงอี้ส่ายศีรษะกล่าว “ในเมืองสงบดี ทหารม้าทุกกองในเมืองหลวงล้วนตกอยู่ในกำมือของฝ่าบาท ต่อให้มีใครคิดตุกติกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่…ข้าสังเกตเห็นว่าในกองทัพเสินเช่อมีกองทัพม้าโผล่มาไม่น้อย อีกทั้งยังฝีมือเก่งกาจ กระทั่งคนๆ เดียวรับมือได้เป็นสิบคนด้วยซ้ำ ข้ามั่นใจว่าคนพวกนี้…ไม่ใช่คนของกองทัพเสินเช่อแน่นอน”
หรงเซวียนมุ่นคิ้ว ขบคิดพลันมองไปทางหนานกงเจวี๋ยแล้วเอ่ยถาม “ท่านน้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
หนานกงเจวี๋ยส่ายศีรษะ “เป็นไปได้ว่าเป็นกองทัพม้าที่ฝ่าบาททรงแอบฝึกไว้เอง อีกทั้ง…ยังปล่อยกองทัพม้านับหมื่นเดินทางมายังเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น ท่านอ๋อง…เกรงว่าละแวกเมืองหลวงคงอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่าบาทหมดแล้ว”
หรงเซวียนอดยิ้มขมขื่นไม่ได้ “น้องเก้าเตรียมตัวมาดีจริงๆ ขณะที่พวกเรากำลังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น น้องเก้ากลับวางแผนอีกทางไว้แล้ว มิน่าเสด็จพ่อถึงยกบัลลังก์ให้เขา สมแล้วจริงๆ”
หนานกงเจวี๋ยพยักหน้ากล่าว “เวลานี้…ตระกูลเจียงและจวนจิ้งหย่วนโหวถูกฝ่าบาทดึงเข้าพวกแล้ว ไม่ว่าจะขุนนางอาลักษณ์หรือแม่ทัพล้วนมีอำนาจบงการทั้งสิ้น อีกอย่างข้างกายกู้หลิวอวิ๋นเองก็มียอดฝีมือที่วิทยายุทธไม่เป็นรองข้าเช่นกัน รวมถึงเว่ยอู๋จี้ที่ยังไม่ชัดเจนนั่นด้วย…ท่านอ๋องทำอันใดต้องระวังตัว”
จวงอ๋องซื่อจื่อตกใจอยู่บ้าง “ยอดฝีมือที่วิทยายุทธไม่เป็นรองท่านปู่หรือ เช่นนั้นก็คง…” จวงอ๋องซื่อจื่อสีหน้าเปลี่ยน จากนั้นก็ฝืนกลืนคำพูดนั้นลงไป
หรงเซวียนย่อมเข้าใจบุตรชายตนเองดี เงยหน้ามองเขาแล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็คงอะไร?”
จวงอ๋องซื่อจื่อลังเลใจก่อนเอ่ย “พวกเขาบอกว่า…กู้หลิวอวิ๋นเป็นกาลกินีบ้านเมือง อยากจะส่งคนไป…กำจัดเขาแทนฝ่าบาท”
“อะไรนะ” หรงเซวียนชะงัก ตวาดเสียงหลง “เหลวไหล! หรงยาง ข้าเคยสอนเจ้าให้พูดจาเหลวไหลเช่นนี้หรือ”
จวงอ๋องซื่อจื่อรีบเอ่ย “ท่านพ่ออย่าโกรธไป ลูกไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย เพียงแค่ฟัง…พวกหรงเหลียนพูดกันเท่านั้น”
เวลานี้หรงเซวียนถึงคลายความโกรธลงบ้าง จ้องบุตรชายคนโตกล่าว “ถึงแม้กู้หลิวอวิ๋นจะอายุน้อยกว่าเจ้า แต่ไม่ใช่คนที่เจ้าจะหาเรื่องด้วยง่ายๆ หากไม่มีคำสั่งจากข้าเจ้าก็ห้ามทำอะไรเด็ดขาด หากมีเรื่องใดก็หารือกับปู่และอาให้มากๆ เข้าใจหรือไม่”
หรงยางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ลูกเข้าใจแล้ว”
หนานกงเจวี๋ยพยักหน้าเอ่ย “ท่านอ๋องพูดถูก ซื่อจื่อ…หากไม่มีเรื่องใดก็อย่าไปหาเรื่องกู้หลิวอวิ๋นเด็ดขาด”
ถึงแม้จะฟังคำสั่งพ่อ แต่ภายในใจของหรงยางกลับยังไม่จำนนนัก “ท่านอา กู้หลิวอวิ๋นเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ อีกเดี๋ยวท่านพาหลานไปเจอด้วยกันสักครั้งหน่อยเถิด”
หนานกงอี้ยิ้มเจื่อนอย่างระอาใจ หากเทียบกับกู้หลิวอวิ๋นแล้ว คนอายุสามสิบปีอย่างพวกเขาดูโง่เขลาขึ้นมากทีเดียว
หนานกงเจวี๋ยถอนหายใจกล่าว “หากคืนนั้นกู้หลิวอวิ๋นไม่ได้กุมอำนาจกองทัพทหารทั้งนอกและในเมืองไว้ สุดท้ายเป็นเช่นไรคงยากจะพูดได้”
หรงยางเงียบไป เรื่องพวกนี้เขาถามไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ทูลท่านอ๋อง ตวนอ๋องกับองค์ชายสิบขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ดูแลนอกประตูรีบมารายงานด้วยท่าทีเร่งรีบ
หรงเซวียนสีหน้าขรึมลง “หรงเหยี่ยนมาทำอะไร”
หนานกงอี้เลิกคิ้วเอ่ย “น่าจะมาชวนร่วมมือต่อกรกับฝ่าบาทและกู้หลิวอวิ๋นกระมัง”
หรงเซวียนยิ้มเยาะกล่าว “ดี เขากล้ามา ข้าจะไม่เจอเขาหน่อยได้อย่างไรเล่า เชิญตวนอ๋องมาที่ห้องหนังสือ!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
[1] ฮัวโต๋ว เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก มีอาชีพเป็นหมอที่มีฝีมือในด้านการรักษาโรคอันยอดเยี่ยม รักษาคนไข้ด้วยการให้กินยาและผ่าตัด