หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 82 คุณชายพ้นอันตราย หนิงอ๋องถูกฆ่า (5)
มู่ชิงอีกลอกตาและมองไปที่หรงจิ่น เอ่ยถาม เหตุใดมู่หรงอานถึงมาอยู่ที่นี่
หรงจิ่นยิ้มและพูดว่า ถ้าหากมู่หรงอานตายในเรือน มู่หรงอวี้จะสงสัยได้ง่าย
มู่ชิงอีเลิกคิ้ว แล้วท่านคิดว่าหากมู่หรงอานตายอยู่ที่นี่ มู่หรงอวี้จะไม่สงสัยหรืออย่างไร นิสัยดั้งเดิมของมู่หรงอวี้นั้นเป็นคนขี้สงสัยอยู่แล้ว ยิ่งมีข้อบกพร่องน้อยเท่าใดเขาก็ยิ่งสงสัยระแวงมากขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่แรกนางไม่ได้ตั้งใจจะที่จะหลอกลวงมู่หรงอวี้อย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ลวงพวกเขามาแล้วฆ่ามู่หรงอานทิ้งอย่างราบรื่นก็เพียงพอแล้ว
หรงจิ่นยิ้มและไม่พูดสิ่งใดอีก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจว่ามู่หรงอวี้จะสงสัยหรือไม่ เขาเพียงแค่รู้สึกว่าทำให้มู่หรงอานตายอยู่ในเรือนหลังนั้นมันไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมปกติของเขาองค์ชายเก้าผู้นี้ก็เท่านั้น เมื่อมองดูตอนนี้หากมู่หรงอานตายต่อหน้ากู้ซิ่วถิง มู่หรงอานจะต้องโกรธและไม่เต็มใจสักเพียงไร ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ยากจะอธิบาย
อู๋ซินนั้นเป็นองครักษ์เงาส่วนตัวที่หรงจิ่นไว้วางใจ ด้านวรยุทธนั้น องครักษ์ทั่วไปรอบๆ ตัวของมู่หรงอานย่อมไม่สามารถเทียบเคียงได้ แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับองครักษ์หลายคนก็ไม่แพ้ ด้ามดาบยาวราวกับสายรุ้งกวัดแกว่งไปมา สุดท้ายองครักษ์ทั้งหกของมู่หรงอานก็กลายเป็นฝ่ายถูกกักขังไว้จนมิอาจขยับเขยื้อน เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ความโกรธของมู่หรงอานก็ยิ่งทวีมากขึ้น เกิดเสียงดังขึ้นฉับพลัน เขายกแส้ยาวขึ้นมาและสะบัดไปในทิศทางที่มู่ชิงอีและกู้ซิ่วถิงอยู่ หรงจิ่นเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการเล่นทีเผลอของมู่หรงอาน
เงาร่างนั้นเปล่งประกายสีดำราวกับปีศาจ แส้เส้นยาวของมู่หรงอานที่ดูราวกับงูพิษถูกจับอยู่ในมือเรียวดั่งหยกของเขา หรงจิ่นเคาะแส้ยาวที่เขาจับอยู่ในมือราวกับไม่ได้ตั้งใจ พูดด้วยรอยยิ้ม หนิงอ๋อง กลั่นแกล้งผู้บาดเจ็บที่ไร้ซึ่งวรยุทธไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่อย่างนั้น ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่เล่า
มู่หรงอานจ้องไปที่หรงจิ่นอย่างเดือดดาล พูดอย่างเยือกเย็น หรงจิ่น เจ้าต้องการจะเป็นศัตรูกับฮ่องเต้แคว้นหวาหรือ
หรงจิ่นหัวเราะและพูดว่า เป็นศัตรูกับฮ่องเต้แคว้นหวา? หนิงอ๋องกล่าวหนักเกินไปหรือไม่ อย่างมากก็ถูกมองว่าเป็นศัตรูต่อจวนกงอ๋องก็เท่านั้น เช่นนั้นข้าจะส่งคุณชายซิ่วถิงไปให้ฮ่องเต้แคว้นหวาในนามของหนิงอ๋อง ถือว่าเป็นการกตัญญูแทนหนิงอ๋องเป็นอย่างไร แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นหากฮ่องเต้จะไล่ตามเรื่องที่ว่าเหตุใดคุณชายซิ่วถิงยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว
รนหาที่ตาย! มู่หรงอานคำรามอย่างโกรธจัด
หรงจิ่นพึมพำเสียงเพลงเบาๆ พูดด้วยท่าทีสบายๆ ว่า ก็แค่รนหาที่ตายไม่ใช่หรือ เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นกับดักยังไม่คิดหนี ดังนั้นเจ้าน่ะ…ตายซะเถิด! เมื่อองค์ชายเก้าต้องการมีเมตตากับผู้อื่นเขาจะเป็นคนที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาที่สุด แต่เมื่อเขาต้องการที่จะชั่วร้าย เขาก็จะกลายเป็นปีศาจโหดเหี้ยมที่ไร้ความรู้สึก ขณะที่พูดคำว่า ‘ตายซะเถิด’ ออกมา หรงจิ่นที่เดิมทียิ้มแย้มและยืนอยู่ตรงหน้าก็แปรเลี่ยนเป็นสีหน้ามืดมนลงทันใด มือที่จับแส้อยู่ก็ปล่อยออกและพุ่งตัวเข้ามา มู่หรงอานไม่มีเวลาแม้แต่จะล่าถอย เพียงพริบตาเดียวหรงจิ่นก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว มือเย็นคว้าจับเข้าที่ลำคอของเขา มู่หรงอานไม่ยอมนั่งนิ่งรอความตาย เขารีบยกมือขึ้นเพื่อจะต่อสู้ แต่หยกสีดำในมืออีกข้างของหรงจิ่นเพียงสัมผัสเขาเบาๆ แขนของเขาก็พลันชาวาบและสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ทำได้เพียงเฝ้าดูตัวเองถูกมืออันเย็นเยียบและขาวสะอาดกำอยู่ที่รอบลำคอเท่านั้น ทันใดนั้นมู่หรงอานก็นึกถึงองครักษ์ที่ถูกตนฆ่าตามอำเภอใจที่เรือนนั้นขึ้นมา
คนในตอนนั้นเป็นเหมือนเขาในตอนนี้หรือไม่นะ…หมดหนทางและตื่นตระหนก…
ต้องบอกว่าครั้งนี้มู่หรงอานสบประมาทศัตรูเกินไป แต่ใครจะคิดเล่าว่าข่าวลือขององค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์ที่สุขภาพย่ำแย่อ่อนแอจะมีวรยุทธที่น่าทึ่งเช่นนี้ วรยุทธเช่นนี้นับประสาอะไรกับมู่หรงอานผู้ที่นึกดูถูกศัตรู แม้ว่าเขาจะต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมด ก็ไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของหรงจิ่นได้อยู่ดี
มู่หรงอานเห็นเพียงกู้ซิ่วถิง ที่สวมเสื้อผ้าเปื้อนเลือดสีดำกำลังเดินช้าๆ เข้ามากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า อย่าเพิ่งทำให้ตาย เขายังมีประโยชน์อยู่
ซิ่วถิง…กู้ซิ่วถิง…กู้ชิงเซวียน…
หรงจิ่นกะพริบตามองไปยังกู้ซิ่วถิงและมู่ชิงอีอย่างแปลกใจ ก่อนที่มู่หรงอานหมดสติไปทันทีที่โดนแขนเสื้อกวาดใส่ เมื่อเหล่าองครักษ์เห็นมู่หรงอานตกอยู่ในอันตรายก็เลิกพยายามจู่โจมอู๋ซิน
กู้ซิ่วถิงยกมือขึ้นแตะ ยังไม่ตาย
มู่ชิงอีก้าวไปข้างหน้า มองไปยังมู่หรงอานที่นอนอยู่บนพื้น หน้าอกของเขายังคงขยับขึ้นๆ ลงๆ
ที่แท้เขาก็ยังไม่ตาย
พี่ใหญ่? มู่ชิงอีมองไปที่กู้ซิ่วถิง กู้ซิ่วถิง ไอเบาๆ ออกมาแล้วพูดว่า พาเขาไปบนหลังม้า หรงจิ่นกะพริบตามองไปยังกู้ซิ่วถิงและมู่ชิงอี ทั้งคู่ก็มองมาที่เขาเช่นกัน ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่ากู้ซิ่วถิงกำลังพูดกับตัวเองอยู่
ข้าไม่ใช่จับกังนะ!
แต่เมื่อมองดูที่กู้ซิ่วถิงและมู่ชิงอี ผู้บาดเจ็บก็เจ็บสาหัส ผู้ที่อ่อนแอนั้นก็อ่อนแอ งานที่ดูจากภายนอกแล้วเหมือนงานจับกังจึงสามารถทำได้โดยองค์ชายเก้าที่ขยันขันแข็งอย่างเขาเท่านั้น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่องค์ชายเก้ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พาคนมาเล่นสนุกเพิ่มอีกสักสองสามคน โชคดีที่ม้าไม่ได้อยู่ไกลจนเกินไปนัก ดังนั้นหรงจิ่นจึงยกมู่หรงอานขึ้นมาด้วยความรังเกียจและโยนเขาลงไปบนหลังม้า ปัดมือไปทางกู้ซิ่วถิงเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาทำเสร็จแล้ว
ในอีกด้านหนึ่งอู๋ซินก็กำลังจัดการปัญหาฝั่งองครักษ์อยู่ กู้ซิ่วถิงจ้องไปที่มู่หรงอานซึ่งสลบอยู่บนหลังม้า ทันใดนั้นเขาก็ใช้แรงสะบัดแส้ที่เพิ่งหยิบขึ้นมาจากพื้นบนสีข้างของม้า มันร้องด้วยความเจ็บปวดและวิ่งออกไปพร้อมกับมู่หรงอานที่กำลังสลบไสลอยู่บนนั้น
มีหน้าผาอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก หรงจิ่นเอียงศีรษะและเหลือบมองกู้ซิ่วถิงพลางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า น่าสนใจ แต่…เกรงว่ายังไม่เพียงพอ เขาก้มลงและหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นสองสามก้อนแล้วขว้างออกไปทันที ม้าที่เดิมทีวิ่งเร็วอยู่แล้วกลับวิ่งเร็วยิ่งขึ้น มุ่งไปยังหน้าผาข้างหน้าโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นทั้งสี่ก็ก้มลงเพ่งมองไปที่ใต้หน้าผา
เอาล่ะ อู๋ซิน ไปเก็บกวาดซะ แล้วเรากลับกันเถิด หรงจิ่นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ มองไปยังหน้าผาที่มู่หรงอานหายไปจากระยะไกล ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความเบื่อหน่ายของทุกวันตั้งแต่เขามายังแคว้นหวาได้เลือนหายไป
พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย
รถม้าวิ่งหนีไปไม่ไกลนัก ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกคนจึงช่วยกันหารถม้าจนเจอและเดินทางต่อไป ทว่าในครั้งนี้มู่ชิงอีกลับเปลี่ยนทิศทางและมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงแทน
แม้ว่ามู่หรงอวี้จะรู้ว่ากู้ซิ่วถิงหลบหนีไปแล้ว แต่ก็ไม่กล้าที่จะค้นหาทั่วทุกที่อย่างเปิดเผย ในเมืองหลวงมีสถานที่มากมายสำหรับใช้ซ่อนคน สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างกายของกู้ซิ่วถิง จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน การซ่อนคนไว้ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารนั้นปลอดภัยก็จริง ทว่าหากขาดยารักษาหรือจำเป็นต้องส่งยาไปที่นั่นย่อมทำให้สังเกตเห็นได้ชัดเจนกว่า มู่ชิงอีไม่สามารถวางใจได้
กู้ซิ่วถิงได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปร่างกายพลันอ่อนแรงลงอีก พอเข้าไปในรถม้าก็ล้มตัวลงนอนและหลับตาลงทันที มู่ชิงอีทำได้เพียงต้องไปนั่งเบียดเสียดอยู่อีกฝั่งกับหรงจิ่น แม้ว่าทั้งตัวของกู้ซิ่วถิงจะมีกลิ่นเลือดและกลิ่นสาปของนักโทษ ซึ่งทำให้องค์ชายเก้าผู้ละเอียดอ่อนและสูงส่งรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แต่เขาก็ฝืนทนไว้เพราะเห็นแก่มิตรภาพกับชิงชิง หรงจิ่นพิงมู่ชิงอีโดยไม่ได้ตั้งใจ ค่อยๆ ขมวดคิ้วหลังจากได้กลิ่นหอมจางๆ ที่มาจากร่างกายของนาง มู่ชิงอีก็รู้เช่นกันว่าสุขภาพของหรงจิ่นนั้นไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ย่อมไม่ได้คิดว่าเขากำลังเอาเปรียบนางอยู่ เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเอ่ยถาม ไม่สบายหรือ