หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 89 การแสดงละครของมู่เฟยหลวน (2)
เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่ฉังหมิงก็อดที่จะผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ เขาพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า หากเป็นเช่นนี้พระสนมต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มู่เฟยหลวนเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า หลวนเอ๋อร์ทราบแล้ว ขอบคุณท่านพ่อที่ห่วงใย
แม้ว่าปมก่อนหน้านี้ บางส่วนจะยังไม่ถูกคลี่คลายลงทั้งหมด แต่บรรยากาศระหว่างบิดาและบุตรีก็กลมเกลียวกันมากขึ้น มู่เฟยหลวนหยุดกล่าวถึงปัญหานี้เมื่อเห็นว่าบรรลุถึงเป้าหมายแล้ว จึงเลือกเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หลวนเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบนเรือมังกร ในยามที่ท่านพ่ออยู่ด้านนอก ทราบหรือไม่ว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงทรงพิโรธเช่นนี้
มู่ฉังหมิงย่อมต้องทราบเรื่องนี้ดี เขาจึงบอกเล่าเรื่องราวของกงอ๋อง หนิงอ๋องและพระชายากงอีกครั้ง เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่เฟยหลวนก็อดแปลกใจไม่ได้ ผู้ใดกำลังคิดลอบทำร้ายกงอ๋องกัน ภายในวันเดียวเรื่องราวโชคร้ายเกือบทุกอย่างมาบรรจบกันเสมือนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เช่นนั้น ต้องมีผู้ใดบางคนลอบวางแผนทำร้ายมู่หรงอวี้อย่างแน่นอน
มู่ฉังหมิงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า ไม่ทราบได้ อีกฝ่ายกำลังแอบลอบวางแผนคิดคำนวณอยู่ หากกงอ๋องมีคู่ต่อสู้เช่นนี้ พระองค์จะต้องเดือดร้อนมากแน่นอน สิ่งที่ลำบากที่สุดคือศัตรูอยู่ในที่มืด ไม่สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ได้
มู่เฟยหลวนเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า จะเป็นองค์ชายหรือท่านอ๋องคนใดหรือไม่ ในเมืองหลวงแห่งนี้ ผู้ที่ไม่ชอบใจมู่หรงอวี้ได้คงจะต้องเป็นพระโอรสขององค์ฮ่องเต้แคว้นหวา ซึ่งเป็นองค์ชายด้วยกันอย่างแน่นอน ความกล้าหาญและความประมาทเช่นนี้เสมือนกับการกระทำขององค์ชายเจ็ด แต่…การคำนวณนั้นแม่นยำมากเกินไป เสมือนเป็นฝีมือของทางจื้ออ๋อง
มู่ฉังหมิงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า พ่อเกรงว่าจะยังไม่แน่ชัดนัก หากแม้ว่าจื้ออ๋องต้องการจัดการกับกงอ๋อง เขาย่อมจะไม่ใช้วิธีการที่ไร้ยางอายในการลอบโจมตีเช่นนี้
บิดาและบุตรีครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถคิดอะไรออกเกี่ยวกับเรื่องราวอื้อฉาวนี้ได้เลย จึงยอมวางเรื่องราวนี้ลง แต่เรื่องนี้คงจะกระทบต่อมู่หรงอวี้อย่างชัดเจน แม้ว่าจวนซู่เฉิงโหวนั้นอยู่ข้างจวนกงอ๋อง ทว่าหากจวนกงอ๋องล้มลงไปล่ะก็ เช่นนั้นพวกเขาก็มีแต่จะต้องรับมือให้ได้เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้จะหมดลง มู่เฟยหลวนไม่สามารถอยู่บนเรือของจวนซู่เฉิงโหวได้อีกต่อไป มู่ฉังหมิงจึงกระซิบว่า ยามนี้พระสนมทรงมีองค์ชายน้อยอยู่ สำหรับเวลานี้ ท่านยังไม่ต้องไปรุกรานพระสนมอวิ๋นกับฮองเฮา จำเป็นต้องอดทนไว้ก่อน เมื่อถึงจุดนี้มู่ฉังหมิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากมู่เฟยหลวนอายุมากกว่านี้และสามารถให้กำเนิดองค์ชายได้เมื่อสักสองสามปีก่อน จวนซู่เฉิงโหวคงไม่ต้องมาติดอยู่กับจวนกงอ๋องเช่นในยามนี้ มีหลานชายขึ้นเป็นฮ่องเต้ย่อมดีกว่าการมีบุตรเขยเป็นฮ่องเต้ น่าเสียดายที่สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน หากจวนซู่เฉิงโหวแสดงความไม่เท่าเทียมแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็เกรงว่าจะถูกตอบโต้และโจมตีจากจวนกงอ๋องในทันที
มู่เฟยหลวนเข้าใจดีจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ท่านพ่อโปรดวางใจเถิด ท่านพ่อต้องขอให้กงอ๋องวางใจ หลวนเอ๋อร์จะตั้งใจดูแลพี่หญิงอวิ๋นผินอย่างดีเจ้าค่ะ
ดีมาก มู่ฉังหมิงพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ เขาแอบภูมิใจในสติปัญญาของบุตรีผู้นี้จริงๆ แต่เมื่อนึกถึงบุตรชายและบุตรีอีกสองคนอย่างมู่อวิ๋นหรงและมู่หลิงแล้ว แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดในใต้หล้านี้ที่สมบูรณ์แบบ อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ
ในช่วงไม่กี่ปีที่มู่เฟยหลวนอยู่ในวังหลวง ความสามารถในการการสังเกตคำพูดวาจาและสีหน้าของนางนั้นดีขึ้นเป็นอย่างมาก เช่นนั้นแล้ว นางจะมองไม่เห็นถึงความเสียใจของมู่ฉังหมิงได้เยี่ยงไร จึงยิ้มแย้มและกล่าวถึงเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีของมู่หลิงมากมาย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกลับไปยังเรือมังกร
เมื่อฮ่องเต้อารมณ์ไม่ดีนัก ผู้อื่นจึงย่อมไม่กล้าแสดงอารมณ์ยินดีออกมา งานฉลองของโอรสมังกรซึ่งควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งกลับจบลงด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างอึดอัด แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเพลิดเพลินของผู้คนทั่วไป แต่พระญาติของฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจที่สุดในแคว้นต่างก็กลับมายังเมืองหลวงในทันทีหลังจากที่พระเกี้ยวขององค์ฮ่องเต้เดินทางกลับถึงวัง ในปีก่อนๆ นั้นเมื่อถึงยามเที่ยงคืนก็มักจะยังคงครึกครื้นอยู่ แต่ยามนี้กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ในจวนซู่เฉิงโหว หายากเป็นอย่างยิ่งที่มู่ชิงอีจะนั่งเย็บปักอยู่ที่ริมหน้าต่าง ลวดลายที่วิจิตรบรรจงค่อยๆ กลายเป็นลวดลายดอกมั่วหลาน[1] แม้ว่าจะเพิ่งปักไปได้เพียงครึ่งทาง แต่การเย็บปักอย่างประณีตและลวดลายอันวิจิตรงดงามก็ทำให้อิ๋งเอ๋อร์ที่คอยอยู่ด้านข้างเอ่ยยกย่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า มู่ชิงอียิ้มบาง ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า
พี่ชายใหญ่ชอบดอกกล้วยไม้มากที่สุด ทำถุงเก็บเงินลวดลายดอกมั่วหลานให้เขาเมื่อเขากลับมาดีหรือไม่
คุณหนูเจ้าคะ ท่านโหวและฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ จูเอ๋อร์เข้ามารายงาน
มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า กลับมาแล้วเช่นนั้นหรือ เหตุใดจึงรวดเร็วนัก
จูเอ๋อร์กล่าวว่า บ่าวได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น องค์ฮ่องเต้ทรงพิโรธเป็นอย่างมาก บรรดาขุนนางที่ออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองล้วนกลับมาแล้วเจ้าค่ะ มู่ชิงอีพยักหน้ารับแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเรา ไม่ต้องกังวลไป
อิ๋งเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาแล้ว เราไปทักทายนางสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ
มู่ชิงอีเอียงศีรษะมองอิ๋งเอ๋อร์ จากนั้นจึงวางเข็มและด้ายในมือลงแล้วยิ้มเล็กน้อย ตามที่เจ้าเตือน เช่นนั้นก็ไปกันเถิด
เมื่อนางมาถึงเรือนเต๋ออาน มู่ชิงอีได้รับเชิญเข้าไปอย่างรวดเร็วจากบ่าวรับใช้ของมู่ฮูหยินผู้เฒ่า มู่ฉังหมิง อนุซุน และคนอื่นๆ ล้วนอยู่ที่นั่น มู่ชิงอีกวาดสายตามอง เมื่อมู่อวิ๋นหรงมองมาที่ตน คางของนางก็เชิดขึ้นสูงอย่างหยิ่งผยอง มู่ชิงอีคิดใคร่ครวญ อดยิ้มอยู่ภายในใจไม่ได้
เหตุที่มู่อวิ๋นหรงผู้นี้ดูมั่นใจยิ่งนัก คงจะเพิ่งไปพบกับมู่เฟยหลวนมา นางจึงรู้สึกมั่นใจว่าจะจัดการกับตนได้กระมัง ดีทีเดียว จะได้รู้ว่ามู่เฟยหลวนต้องการจะจัดการกับตนเช่นไรกันแน่
มู่ฉังหมิงนั่งลงคู่กับมู่ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วมองดูหญิงสาวผู้ซับซ้อนที่เดินเข้ามา แม้ว่านางยังปิดผ้าคลุมอยู่ แต่ก็รู้ดีว่าใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้นต้องเต็มไปด้วยผดผื่นอันน่ารังเกียจ ในยามนี้หญิงสาวสวมอาภรณ์สีฟ้าทะเลที่มีลวดลายสีเงินจางๆ ชายอาภรณ์ดูพลิ้วไหวสง่างาม ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ หากนางเข้าไปในวังจริงๆ ล่ะก็ ย่อมมีคุณสมบัติที่จะแข่งขันกับหลวนเอ๋อร์ได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของนาง…ดวงตาของมู่ฉังหมิงเป็นประกายอย่างแน่วแน่
เขาจะไม่ยอมให้ชิงอีมีโอกาสเข้าไปในวังอย่างแน่นอน!
คารวะท่านย่า ท่านพ่อเจ้าค่ะ มู่ชิงอีคารวะทุกคน แววตาปรากฏความพึงพอใจอยู่บ้าง ริมฝีปากที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แม้จวนซู่เฉิงโหวและมู่เฟยหลวนไม่คิดจัดการกับนาง แต่ไม่ช้าก็เร็ว นางย่อมจะต้องจัดการพวกเขาแน่นอน
ลุกขึ้นเถิด ใบหน้าของเจ้าดีขึ้นหรือยัง มู่ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถาม
มู่ชิงอียิ้มจางๆ แล้วกล่าวว่า ขอบคุณท่านย่าที่ห่วงใยเจ้าค่ะ ดีขึ้นมากแล้ว ท่านหมอกล่าวว่าจะหายขาดภายในสองสามวัน มู่ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ เช่นนั้นก็ดี เจ้าก็ระวังคนรอบข้างให้มากขึ้น บนใบหน้าหญิงสาวนั้นไม่ควรจะมีรอยแผลเป็น
ข้าจะจดจำสิ่งที่ท่านย่าสอนสั่งเจ้าค่ะ มู่ชิงอีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่ชิงอีนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า เหตุใดท่านย่าและท่านพ่อจึงกลับมาเร็วเช่นนี้ ปีก่อนใช้เวลานานกว่านี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ อีเอ๋อร์ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้ว ปีนี้ก็ยังพลาดโอกาสร่วมงานวันฉลองของโอรสมังกรที่น่าสนุกอีก น่าเสียดาย…คงต้องรอถึงปีหน้าเท่านั้น
เมื่อเห็นการแสดงออกถึงความเสียอกเสียใจของมู่ชิงอี มู่ฉังหมิงจึงกล่าวเสียงเรียบเฉย ก็ไม่มีอะไรมากนัก สองสามวันมานี้ก็ไม่ต้องออกไปไหน โดยเฉพาะอวิ๋นหรง กลับไปที่ห้องของเจ้าเพื่อคัดคัมภีร์ที่ควรจะคัดลอกให้เสร็จเสีย
ท่านพ่อ! มู่อวิ๋นหรงกัดริมฝีปากและกล่าวอย่างไม่พอใจ ท่านพ่อ หรงเอ๋อร์ต้องการไปที่จวนกงอ๋องเพื่อพบพระชายากงเจ้าค่ะ
ยุ่งไม่เข้าเรื่อง! โดยไม่รอให้มู่ฉังหมิงกล่าว มู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็กล่าวคัดค้านในทันที นางมองไปยังมู่อวิ๋นหรงแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า เจ้าในตอนนี้ บุตรีของตระกูลที่ยังไม่ออกเรือน เหมาะสมจะไปพบนางที่จวนหรือ ในครั้งนี้ชื่อเสียงของจูหมิงเยียนสูญเสียไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะถูกใส่ร้ายหรือเป็นเรื่องจริง ครั้งนี้ย่อมไม่มีผู้ใดช่วยนางได้ ด้วยความที่ฮ่องเต้แคว้นหวาทรงรักพระพักตร์ของตนอย่างยิ่ง แม้ว่าจูหมิงเยียนจะไม่ถูกลงโทษต่อหน้าผิงหนานจวิ้นอ๋อง ทว่านางก็คงจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งพระชายากงเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
——————————————-
[1] ดอกมั่วหลาน หรือดอกแมกโนเลีย นิยมปลูกมากในจีน มีสีขาว ชมพู ม่วง เหลือง