หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 107
เฉียวเจามองหลีเจียวนิ่งๆ แววตาเรียบเฉยของเด็กสาวใสกระจ่างดุจสายน้ำ ราวกับว่าสามารถทำให้ความมืดมนทั้งมวลไร้ซึ่งที่หลบเร้น
หลีเจียวพลันร้อนตัวอยู่บ้าง จากนั้นก็อับอายจนพาลโกรธ นางตวัดข้อมือดึงเทียบสีพื้นลายดอกไห่ถังสีดำใบนั้นจากใต้หมอนมากำไว้ในมือแน่นๆ “ไม่ผิด เทียบของเจ้าอยู่ที่ข้าจริงๆ แล้วจะมีอันใด ข้าไม่ให้เสียอย่าง เจ้ายังจะมาแย่งได้หรือ”
ความผิดหวังเสียใจที่ได้รับมาตลอดหลายวันนี้ทำให้หลีเจียวนึกคร้านแม้กระทั่งจะรักษากิริยามารยาทอีก นางยิ้มเยาะ ในดวงตาที่มองเฉียวเจาฉายแววประสงค์ร้ายเต็มที่ “ที่นี่เป็นจวนตะวันออก เจ้าเก่งจริงก็ไปฟ้องท่านย่ากับท่านแม่ข้าสิ บอกว่าเทียบของเจ้าอยู่ที่ข้า ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะเอาคืนไปได้อย่างไร”
หลีเจียวยิ่งพูดยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน นอกจากความขึ้งโกรธแล้วยังแฝงความคับข้องหมองใจที่ตัวนางเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไว้จางๆ พาให้น้ำเสียงของเด็กสาวก้าวร้าวมากขึ้น “เจ้าไปเลย ไปสิ เจ้าแสนจะเก่งกาจมีความสามารถมากนักมิใช่หรือ วันนี้ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะเอาเทียบที่ตกอยู่ในมือข้ากลับไปได้ด้วยวิธีใด”
“พี่เจียว…” เฉียวเจาสบช่องหลีเจียวหยุดพักหายใจ กล่าวขึ้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ท่านอย่าตื่นเต้น”
“ข้าไม่ได้ตื่นเต้น” คุณหนูรองสกุลหลีที่โมโหโทโสอยู่ละม้ายแมวที่ถูกเหยียบหาง เสียงพูดของนางแหลมสูงเป็นพิเศษ “ข้าจะตื่นเต้นอะไร เทียบมิใช่ของข้าสักหน่อย เจ้าไม่ได้รับก็ไม่อาจไปตามคำเชิญได้ เจ้าพลาดการนัดหมายก็มิใช่กงการของข้า คิกๆ…”
ถ้อยคำหลังของหลีเจียวเงียบหายไปกะทันหันเมื่อเห็นเฉียวเจาล้วงเทียบใบหนึ่งจากแขนเสื้อ
หน้าซองเป็นสีพื้นวาดลายดอกไห่ถังสีดำเหมือนกัน และเขียนด้วยอักษรเสี่ยวข่ายปิ่นดอกไม้เหมือนกัน
นิ้วมือขาวเนียนกลมกลึงดุจแท่งเทียนที่จับเทียบไว้ลูบผ่านตัวหนังสือบรรทัดหนึ่งที่เขียนว่า ‘ส่งเทียบถึง คุณหนูรองสกุลหลี’ อย่างเชื่องช้า
สีหน้าของเด็กสาวเรียบเฉยดุจเก่า มุมปากแต้มรอยยิ้มบางๆ ยามเอ่ยเป็นจังหวะจะโคน “แต่เทียบใบนี้เป็นของพี่เจียวนะ”
หลีเจียวมองเทียบแล้วค่อยมองเฉียวเจาซ้ำอีกครา นางตกตะลึงจนหุบปากไม่ลง “เจ้า…เจ้า…เจ้ามีเทียบได้เช่นไร”
“น่าจะส่งผิดกระมัง ข้ากับพี่เจียวได้รับเทียบทั้งคู่” เฉียวเจากล่าวอธิบายกับแม่นางน้อยอย่างจริงจัง
หลีเจียว “…” เท่ากับว่าคำขู่เมื่อครู่นี้ ข้าพูดไปก็เสียเปล่าอย่างนั้นหรือ
คุณหนูรองสกุลหลีถือเทียบไว้ด้วยความรู้สึกคับแค้นใจอย่างปราศจากเหตุผล นางบังคับตนเองให้กลั้นน้ำตาไว้
เฉียวเจาอมยิ้มน้อยๆ เป็นฝ่ายยื่นเทียบไปให้ก่อน “พี่เจียว พวกเราแลกกันเถอะ”
ทุกคราที่ประมือกับเด็กสาวผู้นี้ นางมักรู้สึกคล้ายว่าชนะแบบไม่สมศักดิ์ศรีเสมอ
หลีเจียวหลุบเปลือกตาลงจับจ้องเทียบที่อยู่ใกล้ๆ มือ ใบหน้าฉายอารมณ์สับสนปนเป ครู่ใหญ่นางเหลือบตาขึ้นไต่ถาม “เจ้าไม่กลัวข้าเอาเทียบคืนมาแล้วไม่คืนของเจ้าให้หรือ”
“พี่เจียวไม่ทำอย่างนั้น” เฉียวเจากล่าวด้วยรอยยิ้มละไม
หากทำอย่างนั้นจริงๆ นางเข้าไปแย่งเอามาเลยก็สิ้นเรื่องมิใช่รึ
หลีเจียวได้ยินถ้อยคำนี้แล้วนิ่งอึ้งไป นางกำเทียบในมือแน่นขึ้นด้วยสีหน้าปรวนแปร สุดท้ายจู่ๆ ก็โยนเทียบใส่อ้อมแขนเฉียวเจา พูดเสียงมึนตึงว่า “รีบเอาเทียบของเจ้าออกไปจากที่นี่โดยไว เรือนเทียนเซียงไม่ต้อนรับเจ้า”
เฉียวเจารับเทียบไว้ ส่งยิ้มกับอีกฝ่าย “เช่นนั้นข้าขออำลาก่อนนะเจ้าคะ”
“ฮึ” หลีเจียวสะบัดหน้าไปอีกทาง
เฉียวเจายอบกายคำนับแล้วถือเทียบเดินนวยนาดกลับไป
รอนางออกไปแล้ว หลีเจียวตะเบ็งเสียงบอกทันที “หานจู ฟางหรุ่ย กวาดพื้นให้สะอาด!”
ฮึ…หลีซานมาหาทีไรไม่เคยมีเรื่องดีๆ สักครา อัปมงคลจริงๆ!
ยามนี้สายตาของคุณหนูรองสกุลหลีจับอยู่ที่เทียบซึ่งเขียนชื่อของนางเป็นผู้รับเทียบใบนั้นด้วยความรู้สึกสับสนอยู่สักหน่อย
เหตุใดหลีซานถึงคิดว่านางจะไม่ทำอย่างนั้นนะ ถือว่ายังพอดูคนเป็นเล็กๆ น้อยๆ
กระนั้นพอคิดถึงว่าต้องไปเป็นแขกที่จวนเสนาบดีกรมพิธีการพร้อมกับนางตัวดีผู้นั้นแล้ว หลีเจียวยังคงรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่สุด
หลีเจียวคิดคำนึงไปเช่นนี้พลางหยิบเทียบขึ้นเปิดออกดูแล้วหน้าถอดสีไปฉับพลัน
หานจูถือไม้กวาดเข้ามาก็เหลือบตามองไปโดยไม่ตั้งใจ เห็นใบหน้าของคุณหนูตนปราศจากสีเลือดเหมือนศพแล้วตกใจสะดุ้งโหยงทันใด รีบโยนไม้กวาดทิ้งลงพื้นวิ่งเข้าไปถาม “คุณหนู ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ”
ตัวหลีเจียวโงนเงนไปมาแล้วหงายหลังล้มตึงไป
“คุณหนู!” พวกสาวใช้ร้องอุทานเสียงแหลม จากนั้นภายในเรือนก็โกลาหลไปหมด
จนกระทั่งต่งมามาถูกตามตัวมาแล้วทั้งป้อนยาทั้งกดจุดเหรินจง* หลีเจียวถึงค่อยๆ ฟื้นสติขึ้น
อู่ซื่อนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือบุตรสาวแล้วน้ำตาไหลริน “เจียวเจียว เจ้าทำให้แม่ตกใจแทบแย่”
นัยน์ตาของหลีเจียวกลอกไปมาก่อนจะเริ่มทอประกายอย่างรับรู้สิ่งรอบข้าง นางกุมมือมารดาตอบแล้วร่ำไห้ “ท่านแม่ ข้าถูกขับออกจากชุมนุม ถูกขับออกจากชุมนุมแล้ว! ฮือๆๆ…ข้าไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่แล้ว…”
นางร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักจนระคายคอ ส่งผลให้อาเจียนยาที่เพิ่งป้อนให้กินไปเมื่อครู่ออกมาจนหมด กระเด็นเลอะหลังฝ่าเท้าของอู่ซื่อ
นางไม่ใส่ใจ บอกให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเหลือไว้แต่คนสนิท ค่อยลูบผมบุตรสาวพลางพูด “เจียวเจียว แม่ดูเทียบใบนั้นแล้ว มิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร…”
“จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรได้อย่างไรเจ้าคะ” หลีเจียวตัดบทมารดาเสียงสะอื้นไห้ “ท่านแม่ ท่านก็ทราบว่าเพื่อฝึกเขียนอักษรให้ได้ดี ข้าต้องพยายามมากเพียงใด ปีที่แล้วคัมภีร์พระธรรมที่ข้าคัดลอกได้รับการยอมรับจากภิกษุชั้นผู้ใหญ่ของวันต้าฝูถึงได้เข้าชุมนุมอย่างไม่ง่ายดาย ข้ายังเชิญพี่น้องจากทั้งสองจวนกับสหายสนิทหลายคนมาเลี้ยงฉลองเพราะเรื่องนี้ บัดนี้ข้าถูกขับออกจากชุมนุมเช่นนี้ ยังจะไปสู้หน้าใครได้เช่นไรล่ะเจ้าคะ”
อู่ซื่อตบหลังบุตรสาวเบาๆ อย่างปลอบประโลม “เจียวเจียว อย่าร้องไห้ เจ้าฟังแม่พูดนะ”
นางเห็นแววสิ้นหวังแกมอดสูในดวงตาบุตรสาวแล้วเจ็บปวดประหนึ่งโดนมีดกรีด อดนึกชิงชังฮูหยินผู้เฒ่าเจียงผู้เป็นมารดาสามีเพิ่มขึ้นหลายส่วนไม่ได้
ถ้ามิใช่ยายเฒ่าต่ำช้าผู้นั้นทำลายชื่อเสียงของเจียวเจียว ไหนเลยเจียวเจียวจะได้รับความอัปยศเยี่ยงนี้
สักวันหนึ่ง…
อู่ซื่อดึงความคิดคืนมาแล้วกอดบุตรสาวไว้แนบอก “เจียวเจียว ไม่ต้องเก็บเรื่องออกจากชุมนุมมาใส่ใจ จะอย่างไรสองปีนี้เดิมทีเจ้าก็ต้องออกนอกเรือนให้น้อยลงอยู่แล้ว รอให้เรื่องในวันประสูติของพุทธองค์ถูกคนลืมเลือนไปทีละน้อย แม่ค่อยหาทางเลือกคู่ครองดีๆ ให้เจ้าสักคน จะชุมนุมฟู่ซานหรือชุมนุมหลันซานอะไรก็ช่าง เดิมทีสมควรถอนตัวออกมาแต่แรก ว่าไปแล้วเป็นแม่ที่คิดอ่านไม่รอบคอบ น่าจะเตือนให้เจ้าขอลาออกเอง”
หลีเจียวฟังแล้วหน้าซีดเผือด ความหมายของท่านแม่คือจะให้นางออกจากวงสมาคมของคุณหนูสูงศักดิ์ในเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงใช่หรือไม่
ที่แท้ก่อนหน้านี้บอกให้นางออกจากเรือนน้อยลงมิใช่พูดไปอย่างนั้นเอง
หลีเจียวว้าวุ่นใจระลอกหนึ่ง นางจับมือมารดาพลางพูด “ท่านแม่ ข้ายอมรับไม่ได้เจ้าค่ะ หลีเจี่ยวโดนถอนหมั้นแล้วไม่เป็นไร หลีเจาถูกล่อลวงไปก็ไม่เป็นไร มีแต่ข้าที่เคราะห์ร้ายเช่นนี้?”
“คุณหนูใหญ่น่ะหรือ…” อู่ซื่อเหยียดมุมปากอย่างดูแคลน “แม้คุณหนูใหญ่จะโดนถอนหมั้น แต่ฝ่ายชายเองก็ไม่เข้าท่า คนที่สายตาแหลมคมล้วนรู้กันทั้งนั้น อีกทั้งยุคนี้เรื่องขนบธรรมเนียมหย่อนยานไปมาก ย่อมไม่กระทบกระเทือนอะไรจริงๆ กระนั้นลูกแม่ไม่จำเป็นต้องไปเปรียบกับนาง บุตรสาวคนโตที่กำพร้ามารดา อย่าว่าแต่เคยโดนถอนหมั้นแล้ว ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ นางจะดิ้นรนพยายามสักเพียงใด อยากหาคู่ครองดีๆ สักคนก็มิใช่เรื่องง่ายดายปานนั้น”
“แล้วหลีซานล่ะเจ้าคะ”
“คุณหนูสาม…” สายตาของอู่ซื่อไหวระริกแฝงรอยฉงนอยู่บ้าง “บอกตามตรง สำหรับคุณหนูสามของจวนตะวันตกผู้นั้น กระทั่งแม่เองก็ยังอ่านไม่ใคร่ออกเลย”
หลีเจียวกัดริมฝีปากเต็มแรงพลางร่ำไห้ “ท่านแม่ ท่านไม่ทราบว่าวันนี้เทียบที่ถอนชื่อข้าออกจากชุมนุมถูกส่งไปที่หลีซาน นางรู้อยู่ทนโท่ว่าข้าถูกขับออกจากชุมนุม ยังทำสีหน้าเฉยเมยมาคืนเทียบให้ เห็นชัดว่านางกำลังหัวเราะเยาะข้าอยู่ ข้าถึงยอมรับไม่ได้ อาศัยอะไรที่เรื่องดีๆ ล้วนตกเป็นของนางหมด”
อู่ซื่อได้ยินว่าหลีซานตั้งใจมาหัวเราะเยาะแล้วทำสายตาปึ่งชา หากเป็นเช่นนี้ คุณหนูสามผู้นั้นก็ต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง
“ยังมีเรื่องดีอะไรที่ตกเป็นของนางอีกหรือ”
“ก็เพราะส่งเทียบผิด ข้าถึงได้รู้ว่าซูลั่วอีเชิญนางไปเป็นแขกตอนบ่ายนี้น่ะสิเจ้าคะ” หลีเจียวกล่าวเสียงฮึดฮัด
* จุดเหรินจง เป็นจุดชีพจรบริเวณร่องริมฝีปากบน สามารถใช้นิ้วโป้งกดจุดนี้เพื่อแก้อาการเป็นลมหมดสติอย่างเร่งด่วนได้