หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 12
บทที่ 12
ร้อนมาก ร้อนจนลวกมือ
ฉือชั่นหดมือกลับ เรียวคิ้วมุ่นเข้าหากัน
เขาจ้องมองเฉียวเจาตาไม่กะพริบ ดวงตาทั้งคู่ของเขาดำเข้มดุจหินหมึกทำให้อ่านความรู้สึกไม่ออก นานครู่หนึ่งถึงยื่นนิ้วมือเรียวยาวออกไปใช้ปลายนิ้วจิ้มๆ ที่แก้มแดงจัดร้อนผ่าวของนางเบาๆ ท่าทางเหมือนเป็นการทำบุญทำทานก็ไม่ปาน
เด็กสาวที่สลบไสลอยู่กุมมือเขาไว้หมับ
ฉือชั่นสะดุ้งตกใจแล้วกระตุกมือออกตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกจับไว้แน่นขึ้น ดวงตาที่ปิดอยู่ของนางมีน้ำตาไหลพรากลงมา
นางร้องไห้อย่างปราศจากสุ้มเสียงทั้งที่ไม่ได้สติ นางหลับตาอยู่ทว่าทุกๆ เส้นสายบนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกเสียใจ แล้วความเศร้าโศกเสียใจที่สะกดกลั้นไว้เงียบๆ เฉกนี้จะกระทบใจคนได้มากขึ้นเป็นพิเศษ
ฉือชั่นบอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะใจอ่อนหรืออย่างไร สุดท้ายเขามิได้ขยับตัว ปล่อยให้เด็กสาวกำมือตนไว้ร่ำไห้เงียบๆ จวบจนมีเสียงฝีเท้าถี่กระชั้นดังขึ้นที่ระเบียงทางเดินถึงชักมือกลับ
เขาหันศีรษะไป เห็นหยางโฮ่วเฉิงแบกตาเฒ่าที่ผมเผ้าหนวดเคราหงอกขาวผู้หนึ่งเข้ามา ฉือชั่นแปลกใจอยู่บ้าง เร็วถึงเพียงนี้?
หยางโฮ่วเฉิงมีสีหน้ายินดี เขาวางตัวตาเฒ่าที่แบกไว้บนหลังลงกับเก้าอี้ พลางพูดอย่างตื่นเต้น แม่นางน้อยโชคดียิ่งนัก ข้ายังไปไม่ถึงประตูเมืองก็พบกับหมอเทวดาใหญ่ระดับนี้!
หมอเทวดาใหญ่ระดับนี้? หมายความว่าอะไร
ฉือชั่นทำสายตากังขา จากนั้นมองไปทางคนชราบนเก้าอี้
คนชราหงายหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาหมดสติอยู่หรือนี่
ฉือชั่นหันไปมองสหายรักเป็นคำรบที่สอง
หยางโฮ่วเฉิงเกาท้ายทอยพลางพูดอธิบาย เจ้าไม่รู้อะไร หมอเทวดาหลี่ท่านนี้มีนิสัยประหลาดเป็นอันมาก เมื่อครั้งไทเฮาทรงเชิญเขาเข้าวังตรวจพระอาการ เขายังบ่ายเบี่ยงไม่เต็มใจเลยนะ ก็ข้ากลัวเขาไม่มานี่นา เลยใช้สันมือฟาดให้สลบไป
คิ้วของฉือชั่นกระตุกริกคล้ายคิดอะไรขึ้นได้ เขาหันขวับไปมองคนชราที่สลบไสลไม่ได้สติแล้วตะเบ็งเสียงพูด หมอเทวดาหลี่?! หรือว่าจะเป็นหมอเทวดาหลี่ที่ชุบชีวิตคนตายได้ตามคำเล่าลือผู้นั้น
เขานี่ล่ะ ครั้งนั้นหมอเทวดาหลี่เข้าวังตรวจพระอาการไทเฮา ข้าเคยเห็นหน้าเขา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตอนข้าเข้าเมืองไปตามหมอให้แม่นางน้อยกลับได้พบเขา ฮ่าๆ นี่ก็คือคุณธรรมคนกระมัง
ครั้นคิดถึงที่ตนเองเงื้อสันมือฟาดฉับใส่หมอเทวดาท่านนี้ตอนเดินสวนผ่านไปโดยปราศจากความลังเลใดๆ จากนั้นก็แบกคนขึ้นหลังแล้วออกวิ่ง หยางโฮ่วเฉิงก็รู้สึกภาคภูมิใจในการตัดสินใจที่เด็ดขาดของตนยิ่งนัก
สีหน้าของฉือชั่นแปรเปลี่ยนไป เขาถอนใจเฮือกแล้วเอ่ยถาม วรยุทธ์เจ้ามิได้ถดถอยลงกระมัง
หือ?
เจ้ามีคุณธรรมหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ปัญหาน่ะมีแน่นอน ประเดี๋ยวถ้าถูกคนไล่ฆ่า เจ้าตามล้างตามเช็ดเอาเองนะ
ไม่กระมัง… หยางโฮ่วเฉิงมองหมอเทวดาแวบหนึ่ง
หมอเทวดาใหญ่ระดับนี้ก็เหมือนขนมเปี๊ยะยัดไส้ตกลงมาจากฟ้า* หล่นใส่หัวเจ้า หากบอกว่าจะไม่ก่อปัญหาอะไรขึ้น ข้าไม่เชื่อหรอก ฉือชั่นกล่าวเสียงเย็นๆ
สหายน้อยผู้นี้ยังนับว่าฉลาดรู้ตนเองดี เสียงพูดอย่างขึ้งโกรธดังขึ้น หมอเทวดาหลี่ลืมตาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตัวเขาโงนเงนไปมาก่อนจะยืนทรงตัวได้มั่น จากนั้นก้าวขาเดินออกไป
หยางโฮ่วเฉิงรีบขวางเขาไว้ หมอเทวดาหลี่ ท่านยังจำข้าได้หรือไม่ ครั้งนั้นตอนท่านเข้าวัง…
ที่แท้เจ้าจำข้าได้หรือนี่ หมอเทวดาหลี่ตัดบทเขา
อะ จำได้ขอรับ หยางโฮ่วเฉิงพยักหน้า
จำได้เจ้ายังฟาดข้าสลบรึ หมอเทวดาหลี่เดือดดาล ไม่หลงเหลือท่วงท่าสง่างามสูงส่งดุจเทพสวรรค์ตามคำเล่าขานแม้สักกระผีกให้เห็น เขาล้วงเข็มเงินเล็กๆ ออกมากำหนึ่งแล้วซัดใส่อีกฝ่ายประหนึ่งเทพธิดาโปรยดอกไม้
เขาจะออกนอกเมืองไปเก็บสมุนไพรตัวหนึ่ง เจ้าหนุ่มบัดซบผู้นี้เดินผ่านข้างกายเขา จู่ๆ ก็ยื่นมือมาฟาดเขาสลบเหมือดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ช่างน่าโมโหจริงๆ!
ท่านหมอเทวดาอย่าได้มีน้ำโห อย่าได้มีน้ำโหขอรับ น้องสาวน้อยของพวกข้าล้มป่วยอยู่ ก็ข้าร้อนใจนี่ขอรับถึงได้ใช้กำลังเช่นนี้ หยางโฮ่วเฉิงเอามือกุมศีรษะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
ต่อให้เป็นราชันแห่งสวรรค์ ข้าก็ไม่ตรวจให้เจ้า หมอเทวดาสะบัดแขนเสื้อก้าวขาเดินออกไป แต่แล้วก็เหลียวหน้ากลับมาบอกสั้นๆ ง่ายๆ กลางคันว่า
อ้อ เข็มเงินนั่นของข้ามีพิษนะ
สิ้นเสียงเขา หยางโฮ่วเฉิงก็สลบไป
ฉือชั่นทำหน้าตื่น ลุกขึ้นวิ่งไล่ตามไป ท่านหมอเทวดาได้โปรดหยุดก่อน
พอเขาลุกขึ้นเช่นนี้ หมอเทวดาหลี่หันหน้ามามองปราดเดียวก็เห็นเฉียวเจาที่นอนอยู่บนเตียง
หมอเทวดาหลี่ชะงักเท้ากึก เดินเร็วรี่ไปตรงหน้าเฉียวเจาแล้วทรุดตัวลงนั่งโดยไม่แยแสสนใจฉือชั่นที่เดินมาใกล้
เขาจ้องเฉียวเจาตาเขม็ง ประเดี๋ยวจับชีพจรประเดี๋ยวตรวจดูจุดต่างๆ ด้วยสายตาจนง่วน ลืมเลือนสิ่งรอบข้างไปโดยสิ้นเชิง
ฉือชั่นก้มตัวไปฉุดหยางโฮ่วเฉิงขึ้นมา ทันใดนั้นเขาหมุนกายขวับ ชักกระบี่ตรงข้างเอวออกมาได้ก็พุ่งเข้าปะทะ
คนสามคนที่บุกเข้ามาทางหน้าประตูตีวงล้อมเขาไว้ ห้องที่ไม่ใหญ่นักแต่เดิมกลายเป็นคับแคบชวนให้อึดอัดกะทันหัน
เพิ่งประมือกัน ฉือชั่นก็รู้ว่าแย่แล้ว
สามคนนี้เป็นพวกนักสู้เดนตายอย่างชัดเจน ไม่เพียงฝีมือล้ำเลิศ ยังสู้ตายสุดชีวิต มาตรว่าวิชายุทธ์ของเขาไม่อ่อนด้อย แต่ปะทะกันแบบหนึ่งต่อสามก็คงไม่ไหว
คนพวกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหมอเทวดาหลี่
ความคิดเพิ่งผุดขึ้นในหัว ฉือชั่นก็รู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ เขาร้องครางในลำคอเสียงหนึ่งอย่างสุดระงับ
เวลานี้เองเสียงบอกอย่างหงุดหงิดของหมอเทวดาหลี่ดังลอยมา จะต่อยตีกันก็ไสหัวออกไปข้างนอก อย่ารบกวนข้าตรวจคนป่วย
ถ้อยคำนี้ดังขึ้นราวกับสาปคนในห้องให้ตัวแข็ง คนทั้งสามที่บุกเข้ามาหยุดมือทันควัน หนึ่งในนั้นเอ่ยปากขึ้น ท่านไม่เป็นอะไร ดีเหลือเกินจริงๆ ขอรับ
คนผู้นั้นกล่าววาจาพลางเลื่อนสายตาไปที่ตัวหยางโฮ่วเฉิงซึ่งหมดสติอยู่บนเก้าอี้ ประกายอำมหิตจุดวาบในดวงตา
ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าทั้งที่มีพวกเขาคอยคุ้มกันหมอเทวดาหลี่เข้าเมืองหลวง คนผู้นี้จะลงมือโดยไม่ให้ตั้งตัวติดจนลักพาตัวหมอเทวดาไปได้ใต้จมูกพวกเขา
หากรู้ไปถึงหูผู้เป็นนาย ความผิดพลาดเยี่ยงนี้ถึงขั้นทำให้พวกเขาตายได้หลายครั้งแล้ว
ไสหัวออกไป! หมอเทวดาหลี่ตวาดด้วยสุ้มเสียงทรงพลังเต็มที่
ทั้งสามเคารพนับถือหมอเทวดาอย่างยิ่งยวด พวกเขาขานตอบคำหนึ่งทันที หมุนกายออกเดินไปข้างนอก แต่ยังไม่ลืมพาฉือชั่นกับหยางโฮ่วเฉิงที่สลบไสลอยู่ออกไปด้วย
เมื่อออกมาข้างนอกแล้ว ฉือชั่นประจันหน้ากับคนสามคนที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมากดแผลตรงหัวไหล่ไว้ หยักยิ้มพูดเอื่อยๆ ท่านทั้งสามไม่จำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้ รอท่านหมอเทวดาตรวจคนป่วยเสร็จแล้ว พวกท่านก็จัดการตามสบายได้เลย
เขาพินิจดูคนทั้งสามก่อนพูดต่อ ข้าเดาว่าท่านทั้งสามก็เชิญหมอเทวดาไปตรวจอาการเช่นกัน เห็นทีว่าคงไม่อยากให้มีปัญหาใหม่แทรกขึ้นมากระมัง พวกข้ามิได้ประสงค์สิ่งอื่น แค่บังเอิญพบท่านหมอเทวดาถึงเชิญเขามาตรวจคนป่วยคนหนึ่ง ตอนนี้ดูท่าทางท่านหมอเทวดาสนอกสนใจคนป่วยของพวกข้าอยู่มาก อีกอย่างหากพวกเราไปกวนใจเหล่าใต้เท้าของกององครักษ์จินหลินเข้าจะไม่ดีสักปานใด
คำกล่าวนี้แฝงความหมายไว้สามประการ หนึ่งคือบอกให้รู้ว่าพวกเขารู้จักหมอเทวดาหลี่ อีกทั้งมีศักดิ์ฐานะไม่สามัญ หากสามคนนี้ลงมือสังหารก็จะเดือดร้อนไม่น้อย ประการที่สองคือชี้ให้เห็นว่าหมอเทวดาหลี่สนใจคนป่วยของพวกเขา ถ้าลงมือต่อแล้วยั่วโทสะของหมอเทวดา จะยิ่งเดือดร้อนมากขึ้น ประการที่สามคือมีคนของกององครักษ์จินหลินปรากฏตัวอยู่ละแวกใกล้ๆ นี้ หากโดนพวกเขาเพ่งเล็ง นั่นจะมิใช่แค่เดือดร้อนแล้ว
สรุปก็คือจะสื่อความหมายบอกอีกฝ่ายเรื่องหนึ่งว่า พบกันสุขี จากกันด้วยดี ไม่ว่าใครก็อย่าก่อปัญหาใหม่แทรกขึ้น
วาจาของฉือชั่นบังเกิดผลดังคาด สามคนนั้นสบตากันแล้วเก็บอาวุธเงียบๆ
องครักษ์จินหลินก็อยู่ในเมืองนี้ หากสังหารคนเหล่านี้จริงๆ แล้วถูกสุนัขบ้าพวกนั้นเพ่งเล็ง ดีไม่ดีอาจสร้างปัญหาให้ผู้เป็นนายได้ ภารกิจของพวกเขาคือพาหมอเทวดากลับเมืองหลวงอย่างราบรื่น อย่างอื่นล้วนประนีประนอมกันได้
เมื่อทั้งสองฝ่ายข้างนอกทำความเข้าใจบางอย่างได้ตรงกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างรอคอยอย่างสงบนิ่ง
ขณะที่ข้างในห้องหลังหมอเทวดาดึงเข็มออก เฉียวเจาลืมตาขึ้นช้าๆ ในที่สุด
เมื่อใบหน้าคุ้นตาสะท้อนเข้าคลองจักษุ เด็กสาวซึ่งงุนงงไม่รู้วันรู้คืนไปชั่วขณะหลุดปากเรียกขานว่า ท่าน…ท่านปู่หลี่?
* ขนมเปี๊ยะยัดไส้ตกลงมาจากฟ้า เป็นคำอุปมา หมายถึงมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด