หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 127
“คุณหนูหลี ถึงแล้ว” เจียงหย่วนเฉาจอดรถม้าที่หน้าประตูจวนสกุลหลีแล้วกระโดดลงไป พลางยื่นแส้ม้าคืนให้สารถี
สารถีไม่ปริปากสักคำ ขอแค่ไม่โกงค่าจ้าง เขาก็เต็มใจและยินดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
ม่านประตูรถม้าถูกเลิกขึ้น ปิงลวี่ออกมาก่อนแล้วยื่นมือประคองเฉียวเจาลงจากรถม้า
“รบกวนพี่เจียงแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจายอบกายคำนับแล้วบุ้ยใบ้บอกให้ปิงลวี่จ่ายเงินค่ารถม้า
ปิงลวี่หยิบเหรียญอีแปะหลายเหรียญในถุงผ้าปักออกมาส่งให้สารถี ทั้งยังล้วงๆ หาออกมาอีกหลายเหรียญวางลงบนมือเจียงหย่วนเฉา
เจียงหย่วนเฉาอึ้งงัน “…”
เฉียวเจาคิดไม่ถึงว่าปิงลวี่จะทำเช่นนี้ นางกลั้นยิ้มกล่าวอำลากับเขา “พี่เจียง ข้าขอตัวเข้าจวนแล้วนะเจ้าคะ”
ครั้นจะให้เจียงหย่วนเฉาเอาเหรียญอีแปะคืนไป เขาก็กระทำเรื่องพรรค์นี้มิได้
ชายหนุ่มมองตาปริบๆ ดูสองนายบ่าวก้าวเข้าประตูใหญ่จวนสกุลหลีแล้ว หลุบตาลงจ้องมองเหรียญอีแปะกลางฝ่ามือ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
เขาขันอาสาขับรถม้าให้เด็กสาวเอง ด้วยเหตุนี้สาวใช้ของนางจึงเห็นเขาเป็นสารถีจริงๆ ทั้งยังจ่ายเงินให้ สาวใช้ผู้นั้นรังเกียจรังงอนเขาปานใดหนอ
สารถีที่ยืนเฉยเมยมองอยู่ด้านข้างอย่างไม่พอใจมาก เขาโดนเจ้าหนุ่มนี่แย่งงานจริงๆ หาไม่แล้วเหรียญอีแปะพวกนี้สมควรเป็นของเขาทั้งหมด
แววแค้นเคืองในดวงตาสารถีฉายชัดเหลือเกิน เจียงหย่วนเฉาจึงยัดเหรียญอีแปะใส่มือเขา จากนั้นหมุนกายสาวเท้าปราดๆ จากไป
ช่างเถิด วันหน้าอย่าทำเรื่องที่จะเป็นที่ชังน้ำหน้าของคนอื่นจะดีกว่า ขอแค่แม่นางน้อยผู้นั้นอย่ามีพฤติกรรมแปลกๆ อันใดอีกก็พอ
องครักษ์ที่ติดตามมาอย่างลับๆ เห็นเฉียวเจากับสาวใช้กลับถึงเรือนอย่างปลอดภัยก็กลับไปรายงานตัว
“ท่านแม่ทัพ คุณหนูท่านนั้นไปถึงเรือนแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดี ลำบากเจ้าแล้ว” เซ่าหมิงยวนพาเฉียวโม่ไปส่งที่จวนเสนาบดีโค่วแล้วเพิ่งกลับเข้าเรือน เขาฟังรายงานจบก็พยักหน้า
“ออกไปเถอะ ได้เวลากินข้าวแล้ว” เห็นองครักษ์ประจำตัวไม่ขยับกาย เซ่าหมิงยวนโบกมือไปมา
องครักษ์ยังยืนนิ่ง “ท่านแม่ทัพ ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งอยากรายงานขอรับ”
“ว่ามาสิ”
“ท่านสิบสามของกององครักษ์จินหลินเป็นคนพาคุณหนูท่านนั้นไปส่งขอรับ”
ท่านสิบสาม?
เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วขึ้นอย่างหลากใจ
ผู้ที่รั้งตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการคนใหม่แทนเจียงอู่? ชายหนุ่มที่รุ่นราวคราวเดียวกับข้าผู้นั้น?
วันนี้เขาปรากฏตัวอยู่ในหมู่ฝูงชน ทั้งยังขึ้นเขาตามพวกเขาไป กับเรื่องนี้เขาขบคิดหลายตลบก็ไม่อาจเข้าใจได้
ต่อให้เบื้องบนท่านนั้นจะบังเกิดความหวาดระแวงต่อแม่ทัพเป่ยเจิงอย่างเขาผู้นี้ แต่มีความจำเป็นต้องส่งคนมาทำให้ขัดหูขัดตาในวันแห่ศพภรรยาเขาไปฝังด้วยหรือ
แล้วเจียงหย่วนเฉาตามคุณหนูหลีไปด้วยเหตุอันใดกัน
เซ่าหมิงยวนนิ่งตรึกตรองเล็กน้อยก็ได้คำตอบ หรือว่ามีสาเหตุจากท่านหมอเทวดา ไม่อย่างนั้นจู่ๆ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำแหน่งขั้นสี่ลำดับหลักของกององครักษ์จินหลินที่ทรงอำนาจจะจับตาดูเด็กสาวนางหนึ่งด้วยเหตุใด
ดูทีว่าเขาสมควรเอาใจใส่คุณหนูหลีท่านนั้นให้มากขึ้น หาไม่แล้วถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ คงยากจะแก้ตัวกับท่านหมอเทวดา
เซ่าหมิงยวนจึงสั่งการองครักษ์ประจำตัว “หลังจากนี้คอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของคุณหนูหลีไว้ มีอะไรก็มารายงานข้า”
องครักษ์ยืนตรงเท้าชิด ตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ท่านแม่ทัพวางใจได้ งานนี้ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่นอนขอรับ”
ความสุขชั่วชีวิตของท่านแม่ทัพต้องอาศัยเขาแล้ว อย่าว่าแต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินเลย ถึงเป็นผู้บัญชาการใหญ่ท่านนั้น เขาหาได้เกรงกลัวไม่!
เซ่าหมิงยวนรู้สึกแปลกใจชอบกลอยู่สักหน่อย
องครักษ์แสดงท่าทางเช่นนี้ ไฉนคล้ายจะไปลอบสังหารหัวหน้าของพวกต๋าจื่อ
“แต่อย่าเข้าใกล้มากเกินไป อย่างไรคุณหนูหลีก็เป็นสตรี สถานการณ์หนนี้ต่างจากที่ผ่านมา”
“ขอรับ ข้าเข้าใจขอรับ” เขาย่อมรู้จักขอบเขตเป็นธรรมดา จะได้ไม่ทำให้ท่านแม่ทัพไม่พอใจ
จวบจนองครักษ์ประจำตัวออกไปอย่างคึกคักฮึกเหิมประหนึ่งดื่มยาบำรุงกำลังเข้าไป เซ่าหมิงยวนยังคงรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง แต่คิดไม่ออกว่าเกิดปัญหาที่ตรงใดกันแน่
ตลอดวันนี้เขาเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าไปทั้งกายใจ หลังชำระกายอย่างขอไปทีก็เข้านอนโดยไม่กินอาหารเย็น
ยามที่เจียงหย่วนเฉากลับถึงจวนท่านผู้บัญชาการเจียง ดวงตะวันตกดินแล้วเหลือเพียงแสงสุดท้ายรำไรอยู่ตรงปลายฟ้า
เจียงถังนั่งรอเขาอยู่ในห้องโถง
“ท่านพ่อบุญธรรม”
เพราะว่านั่งอยู่ เป็นเหตุให้พุงของท่านแม่ทัพเจียงถังยื่นออกมาเด่นชัดขึ้น สีหน้าแววตาที่สมควรจะดูเมตตาปรานีแต่เดิมกลับฉายรอยเคร่งเครียดปึ่งชา
“สือซาน วันนี้เจ้าไปที่ใดแต่เช้าตรู่ ไฉนแม้แต่ที่ว่าการก็มิได้ไป”
เจียงหย่วนเฉาสะดุ้งในใจ เขาเอ่ยตอบตามสัตย์จริง “ไปดูพิธีแห่ศพของจวนกวนจวินโหวขอรับ”
เขาย่อมรู้แน่นอนว่าไม่ว่าเรื่องใดขอเพียงท่านพ่อบุญธรรมอยากรู้ก็ปิดบังไม่ได้ เพียงแต่ไม่นึกว่าท่านพ่อบุญธรรมจะจับสังเกตความเคลื่อนไหวของเขาเช่นนี้
พอเห็นเจียงหย่วนเฉาไม่โกหก เจียงถังมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย เขาถามต่อ “เพราะอะไร”
“ไปชมความครึกครื้นขอรับ”
“ชมความครึกครื้น?” เจียงถังเลิกคิ้วขึ้น “แค่พิธีแห่ศพก็คุ้มค่าให้เจ้าออกไปแต่เช้าตรู่จนถึงเวลานี้เพิ่งกลับมาหรือ”
เจียงหย่วนเฉาหลุบตาลง “ข้าสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับแม่ทัพผู้มิเคยพ่ายศึกผู้นั้นมาโดยตลอดขอรับ”
“นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าขึ้นเขาตามขบวนแห่ศพของเขาไป”
เจียงถังแทบอ่อนใจเลยทีเดียว ปกติบุตรชายบุญธรรมผู้นี้ของเขาเชื่อใจได้มาก วันนี้โดนอาถรรพ์อะไรเข้า
“ดูเรื่องที่เจ้าทำลงไป! ขึ้นเขาตามขบวนแห่ศพแล้วยังถูกกวนจวินโหวจับได้ เจ้าจะให้เขาคิดเห็นเช่นไร เจ้าบอกข้าว่าเจ้าสนใจใคร่รู้ แต่คนอื่นคงไม่คิดเช่นนี้ ซ้ำร้ายอาจนึกว่ากององครักษ์จินหลินมีปัญหาอะไรกับกวนจวินโหวก็ได้!”
คนที่องครักษ์จินหลินล่วงเกินมีอยู่มากมาย ขุนนางตำแหน่งใหญ่เท่าไรล้วนมีทั้งนั้น แต่ไปล่วงเกินใครอย่างไร้เหตุผลออกจะไม่จำเป็นเกินไป ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเป็นกวนจวินโหว!
มาตรว่าฮ่องเต้จะฝักใฝ่ในเรื่องบำเพ็ญตบะจนคร้านจะใส่ใจเรื่องน้อยใหญ่ในราชสำนัก ทว่าไม่เคยวางมือจากการควบคุมอำนาจ พวกเขาองครักษ์จินหลินคือหูตาและแขนขาของฮ่องเต้ หากเป็นความต้องการของเจ้าเหนือหัวก็ไม่ต้องกริ่งเกรงใครหน้าไหน แต่ถ้าขัดกับความประสงค์ของเจ้าเหนือหัวล่ะก็ เช่นนั้นจะไม่เข้าทีแล้ว
อย่างน้อยในเพลานี้ฮ่องเต้ยังปราศจากความคิดจะแตะต้องกวนจวินโหว ถึงขั้นที่…
เมื่อใคร่ครวญว่ามีองค์หญิงที่ยังไม่อภิเษกสมรสอีกหลายพระองค์ เจียงถังก็ลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง
ฮ่องเต้ต้องคิดอ่านและมองการณ์ไกลกว่าคนทั่วไปมากนัก
“เป็นข้าวู่วามไปแล้วขอรับ ท่านพ่อบุญธรรมโปรดลงโทษด้วย” เจียงหย่วนเฉาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“พี่สือซาน…” เจียงซือหร่านในชุดกระโปรงสีชมพูย่างเท้าเข้ามา เห็นภาพในห้องโถงแล้วอดนิ่งงันไปไม่ได้ นางยกชายกระโปรงวิ่งถลันเข้าไปประคองเจียงหย่วนเฉาให้ลุกขึ้นพร้อมกับต่อว่าต่อขานบิดา “ท่านพ่อ นี่ท่านทำอะไรอยู่ พี่สือซานเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้กินอาหารเลยนะเจ้าคะ”
เจียงถังขมวดคิ้ว “หร่านราน พวกข้าหารือเรื่องงานกันอยู่”
เจียงซือหร่านยื่นมือไปกระตุกเคราของเขา “เรื่องงานๆ ท่านว่าเรื่องงานหรือกินข้าวอันใดสำคัญกว่ากันเจ้าคะ”
พอบุตรสาวแก้วตาดวงใจเบิกตากลมโต เจียงถังก็ใจอ่อนยวบยาบไปหมด เขายิ้มพลางตอบเอาใจนางเพื่อรักษาเคราของตนเองไว้ “กินข้าวสำคัญกว่า”
เจียงซือหร่านถึงปล่อยมือออก กล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย พี่สือซาน ลุกขึ้นเร็วเข้า…”
เจียงหย่วนเฉาหลุบตาต่ำจนอ่านความคิดในใจไม่ออก แต่เขามิได้เบี่ยงหลบมือของเจียงซือหร่านที่ยื่นมาหา
เจียงถังมองเห็นกับตาก็พยักหน้ากับตนเอง เขาเอ่ยบอก “ลุกขึ้นเถอะ กินข้าวก่อน”
เจียงหย่วนเฉาลุกขึ้นยืนอย่างโอนอ่อนคล้อยตาม
จิตใจของเด็กสาวมักละเอียดอ่อน ครั้นสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของชายหนุ่มได้ก็พึงพอใจมากอย่างเห็นได้ชัด นางคลี่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าสั่งให้คนครัวทำพระกระโดดกำแพงไว้ ท่านพ่อ พี่สือซาน พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปเร่งสักหน่อย”
รอเมื่อสาวน้อยชุดสีชมพูลับร่างไปตรงหน้าประตู เจียงถังถึงมองเจียงหย่วนเฉา พลางพูดอย่างมีนัยลึกล้ำ “หย่วนเฉา หร่านรานกำพร้ามารดาแต่วัยเยาว์ ไม่เป็นกุลสตรีเฉกคุณหนูตระกูลใหญ่เหล่านั้น ล้วนเพราะข้าผู้เป็นบิดาผิดต่อนาง ฉะนั้นถึงพะเน้าพะนอตามใจนางไปบ้างอย่างเลี่ยงได้ยาก ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ วันหน้าก็ช่วยรักใคร่เอ็นดูนางแทนข้าด้วยนะ”
ชายหนุ่มรับรู้ถึงสายตาคมกล้าคล้ายแฝงรัศมีกดดันของเจียงถัง เขานิ่งเงียบชั่วครู่ถึงผงกศีรษะ “ท่านพ่อบุญธรรมวางใจได้ นี่เป็นสิ่งที่ข้าพึงกระทำขอรับ”
“ได้อย่างนั้นก็ดี” เจียงถังหัวร่ออย่างพึงพอใจ