หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 14
บทที่ 14
แค่กๆ หยางโฮ่วเฉิงไอโขลกๆ ก่อนฟื้นสติ
เขามองไปรอบๆ อย่างงุนงง เห็นในห้องมีคนอื่นอีกสามคน สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด ชักกระบี่แล้วพุ่งเข้าใส่
ฉือชั่นคว้าเสื้อด้านหลังของเขาไว้ พูดเสียงเย็นๆ ว่า ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตแล้ว มิใช่กงการอะไรของพวกเราแล้ว
หยางโฮ่วเฉิงหยุดตั้งท่าจู่โจม เขางุนงงมากขึ้น หมายความว่าอะไร
ฉือชั่นยกคางชี้ไปทางเฉียวเจา นางจะไปกับหมอเทวดา
หยางโฮ่วเฉิงเห็นเฉียวเจาฟื้นแล้ว แววปีติยินดีจากใจจริงฉายฉานเต็มหน้าในทันใด เขาก้าวขาเดินไปแล้วหากล่าวว่า ดีเหลือเกิน ในที่สุดก็แม่นางน้อยฟื้นแล้ว
ความดีใจที่เกิดขึ้นกะทันหันเป็นเหตุให้เขาลืมเรียกขานนางว่า ‘คุณหนูหลี’ อย่างมีมารยาท
กระนั้นเฉียวเจาย่อมไม่ถือสาอย่างแน่นอน นางอมยิ้มมองเขา ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ
เสียงของนางแหบต่ำทำให้หยางโฮ่วเฉิงมุ่นคิ้ว เสียงแหบหมดแล้ว ยังไม่ค่อยสบายกระมัง
อื้อ แล้วก็เวียนศีรษะนิดหน่อย ท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าป่วยหนักพอสมควร ให้ข้าไปกับเขาจะได้รักษาสะดวกเจ้าค่ะ
หยางโฮ่วเฉิงนิ่งงันไป จากนั้นเผยรอยยิ้มออกมา ที่แท้เป็นเช่นนี้ มีหมอเทวดาดูแลเจ้า ดีกว่าอยู่กับพวกข้าจริงๆ
ฉือชั่นเม้มปากแน่นไม่พูดไม่จา
ยามนี้เองสุ้มเสียงสุภาพอ่อนโยนของบุรุษดังขึ้นที่หน้าประตู คุณหนูหลีจะไปกับผู้ใดหรือ
ทุกคนหันไปมอง เห็นชายหนุ่มรูปโฉมเกลี้ยงเกลานุ่มนวลดั่งหยกผู้หนึ่งก้าวเข้ามา มีเด็กสาววัยราวสิบห้าสิบหกผู้หนึ่งเดินตามหลังต้อยๆ
หยางโฮ่วเฉิงกล่าวไขความกระจ่างกับจูเยี่ยนอย่างว่องไว
พอฟังเขาอธิบายจบ จูเยี่ยนมองเฉียวเจาปราดหนึ่งแล้วกล่าวแฝงนัยลึกซึ้ง เจ้าพูดถูกต้อง คุณหนูหลีไปกับหมอเทวดาจะดีกว่า
เขาพูดจบแล้วโค้งกายต่ำแสดงคารวะต่อหมอเทวดา เอ่ยเสียงดังกังวาน เช่นนั้นก็ไหว้วานท่านหมอเทวดาด้วยขอรับ
ฉือชั่นเห็นสหายรักทั้งคู่ล้วนกล่าวเช่นนี้แล้วมองดูท่าทางไม่รู้สึกรู้สาอันใดของแม่นางน้อยอีกครา พาให้ในใจคับข้องหนักขึ้น เขาบังเกิดความรู้สึกคลับคล้ายว่าผักกาดขาวที่ตนเองเก็บได้จากข้างทางโดนสุกรคาบเอาไป*
แม้นเขาไม่ได้หวงแหนผักกาดขาวหัวนั้น แต่เจ้าผักกาดขาวยอมตามสุกรไปโดยไม่แยแสเขา มันเป็นรสชาติที่เจ็บแสบจริงๆ
ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆ เก็บของสิ เดินทางราบรื่น ไม่ไปส่งล่ะ ฉือชั่นกล่าวอย่างเย็นชา
เขาเกิดมารูปงาม ทำสีหน้าเฉยเมยอย่างนี้ยังคงหล่อเหลาชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลดุจเดิม
จูเยี่ยนมองสหายรักอย่างพินิจครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคนบางคนกำลังโกรธงอนอยู่ในใจแล้ว
เขากลั้นยิ้มพลางรุนหลังเด็กสาวที่ตามติดอยู่ข้างกายออกไป คุณหนูหลี หนทางกลับเมืองหลวงยาวไกล เจ้าตัวคนเดียวมีเรื่องไม่สะดวกอยู่มาก ข้าซื้อสาวใช้ผู้หนึ่งมาให้
เฉียวเจาแปลกใจอยู่บ้าง นางมองสาวใช้แวบหนึ่ง เห็นหน้าตาหมดจดสะอาดตา มาตรว่าอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายจะดูประหม่าอยู่บ้างแต่ไม่ตัวสั่นงันงก บ่งบอกได้ว่าเขาเลือกเฟ้นอย่างพิถีพิถันแล้ว ในใจก็อบอุ่นอย่างช่วยไม่ได้ นางพูดอย่างซาบซึ้งจากใจจริง ขอบคุณที่ใส่ใจเจ้าค่ะ พี่จู
จูเยี่ยนส่งยิ้มน้อยๆ ให้นางแล้วหันไปเอ่ยกับหมอเทวดาหลี่ พวกข้าเหมาเรือลำนี้ไว้ ยังมีห้องว่างไม่น้อย ในเมื่อต่างจะกลับเมืองหลวง ไยท่านหมอเทวดาไม่ไปพร้อมกับพวกข้าขอรับ
หยางโฮ่วเฉิงตบศีรษะตนเอง จริงสิ เดินทางด้วยกันก็สิ้นเรื่อง ข้ามัวตื่นตระหนกจนลืมไปเสียได้
จูเยี่ยนส่งสายตาถาม สหายรักเป็นคนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินแล้วจะตื่นตระหนกอะไร
หยางโฮ่วเฉิงแบมือยักไหล่อย่างจนใจ
หมอเทวดาที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านนี้โปรยเข็มปักผ้าตามสบายยังทำให้เขาโดนพิษจนล้มตึง ส่วนรสเผ็ดร้อนของยาถอนพิษนั่นคงยากที่เขาจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต แล้วเขาจะไม่ตื่นตระหนกได้หรือ แค่ว่าอย่ายกเรื่องน่าอายพรรค์นี้มาพูดต่อหน้าธารกำนัลเลย
ฉือชั่นมิได้เอื้อนเอ่ยวาจาแต่กลับเงี่ยหูผึ่ง
ฝ่ายเฉียวเจามีสีหน้าเรียบเฉย นางรู้ว่าหมอเทวดาหลี่ต้องไม่เห็นด้วยแน่ เหตุผลน่ะหรือ…
หมอเทวดาหลี่โบกมือไปมาพลางกล่าวโพล่งคำหนึ่ง ไม่ได้ ข้าเมาเรือ
… ทุกคนถึงกับพูดคำใดไม่ออก
หมอเทวดาหลี่ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรโดยสิ้นเชิง เขาหมุนกายไปพูดกำชับเฉียวเจา รีบเก็บของเถอะ ข้ารอเจ้าที่ท่าเรือ
เจ้าค่ะ นางขานตอบอย่างว่าง่าย
รอเมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงเฉียวเจากับสาวใช้ที่เพิ่งซื้อมาใหม่สองคน นางถึงพูดอย่างสุภาพนุ่มนวล รบกวนเจ้าด้วย
คุณหนูจะทำให้บ่าวอายุสั้นนะเจ้าคะ สาวใช้เริ่มเก็บของอย่างคล่องแคล่ว พลางลอบประหลาดใจที่เจ้านายคนใหม่โฉมงามพริ้มเพราอ่อนหวานทว่านิสัยเฉยเมยเงียบขรึม
นางหาได้รู้ไม่ว่าเพลานี้เฉียวเจากำลังทรมานทั้งกายใจ เมื่ออารมณ์ที่ตึงเครียดอยู่ผ่อนคลายลง ไหนเลยจะยังอยากกล่าววาจา
เฉียวเจามีสัมภาระนับชิ้นได้ สาวใช้เก็บเสร็จใช้เวลาไปยังไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา* นางถือห่อผ้าห่อเล็กๆ แล้วบอกกับเฉียวเจาที่เอนกายงีบหลับอยู่บนเตียง คุณหนู เก็บของเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ
เฉียวเจาลืมตาขึ้น ดวงตาดำสนิททั้งคู่มีประกายเพียงน้อยนิด นางฝืนลุกขึ้น ประคองข้าออกไปเถอะ
นางเดินเองไม่ไหวเพราะเป็นไข้จนอ่อนระโหยโรยแรงไปทั้งสรรพางค์กายแล้ว
สาวใช้สืบเท้าก้าวหนึ่งเข้ามาพยุงแขนนาง
นายบ่าวสองคนเดินออกไปก็เห็นจูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงรออยู่ด้านนอก แต่กลับไร้วี่แววของฉือชั่น
ไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก เฉียวเจาก็แกะมือสาวใช้ออกและย่อกายคำนับ พี่จู พี่หยาง หลายวันมานี้ต้องขอบคุณพวกท่านที่คอยดูแล วันหน้าถ้ามีโอกาส ข้าต้องตอบแทนแน่นอนเจ้าค่ะ
หยางโฮ่วเฉิงโบกมือเป็นพัลวัน ไม่ต้องๆ เจ้ากลับถึงเรือนอย่างปลอดภัยก็พอ
จูเยี่ยนเลื่อนสายตาลงไปหยุดที่หน้าผากเกลี้ยงเนียนของเด็กสาว บนนั้นมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพราว ทว่าท่วงท่าที่นางแสดงคารวะต่อพวกเขางดงามแช่มช้อย
จูเยี่ยนนึกทึ่งในใจ เขาอ้าปากกล่าว คุณหนูหลี ข้าคือ…จูเยี่ยน หากกลับถึงเมืองหลวงแล้วประสบความลำบากใด ไหว้วานคนไปหาข้าที่จวนไท่หนิงโหวได้…
เฉียวเจาอึ้งงันไปเล็กน้อย อีกฝ่ายยอมบอกชื่อเสียงเรียงนามและศักดิ์ฐานะกับนาง นี่คือเห็นนางเป็นสหายแล้วจริงๆ
หยางโฮ่วเฉิงมองสหายรักอย่างหลากใจ ก่อนจะกล่าวบ้าง หยางโฮ่วเฉิง จวนหลิวซิ่งโหว แม่นางน้อยอย่าลืมข้าพี่หยางล่ะ
เขานึกว่านิสัยอย่างจูเยี่ยนไม่มีทางบอกศักดิ์ฐานะแท้จริงกับสตรีนางหนึ่งง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าจะชิงตัดหน้าเขา
ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ มุมปากของเฉียวเจาประดับรอยยิ้มอยู่ตลอด แต่เหงื่อเย็นไหลลงมาตามข้างแก้มแต่แรกนางกลับไม่ใส่ใจ ไต่ถามอย่างตรงไปตรงมา
พี่ฉือล่ะเจ้าคะ
พี่ฉือ…
จูเยี่ยนกับหยางโฮ่วเฉิงลอบสบตากัน
พักนี้ดูเหมือนเจ้านั่นสติไม่เต็มเต็งอยู่สักหน่อย
หยางโฮ่วเฉิงพูดชวนขบขัน เขาน่ะหรือ เห็นเจ้าจะไปแล้วคงเสียอกเสียใจเต็มทีก็เลยแอบร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่กระมัง
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อว่าถ้อยคำนี้เป็นความจริง เฉียวเจากล่าวขึ้น ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนพี่ชายทั้งสองกล่าวอำลาพี่ฉือแทนข้าด้วยเจ้าค่ะ
นางย่อกายอีกครั้ง จากนั้นเกาะแขนสาวใช้ แล้วหมุนกายเดินไปทางรถม้าที่รออยู่ข้างท่าเรือ
พวกจูเยี่ยนนิ่งเงียบมองดูนางก้าวขึ้นรถม้าไปโดยไม่เหลียวหลังตลอด
แม่นางน้อยผู้นี้บอกว่าจะไปก็ไปเลยจริงๆ จู่ๆ ก็ขาดไปคนหนึ่ง หยางโฮ่วเฉิงรู้สึกใจหายอยู่บ้าง
นั่นสิ หลังจากนี้ข้าคงไม่ได้อยู่เป็นสุขแล้ว
หือ?
ก็ต้องถูกสือซีลากตัวไปเดินหมากอีกแล้วน่ะสิ
ทั้งคู่พูดหยอกล้อกันก่อนจะย้อนกลับไปทางห้องในตัวเรือ เห็นม่านประตูรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลถูกเลิกขึ้นกะทันหัน สาวใช้ก็กระโดดลงมา
พวกเขาหยุดฝีเท้า
สาวใช้วิ่งมาถึงเบื้องหน้าในชั่วพริบตา นางแสดงคำนับก่อนค่อยยื่นขวดกระเบื้องสีขาวใบหนึ่งส่งให้พร้อมกล่าวบอกรัวเร็ว นี่เป็นยาสมานแผลที่คุณหนูขอมาจากท่านหมอเทวดาให้คุณชายฉือเจ้าค่ะ
นางวางขวดกระเบื้องลงบนมือจูเยี่ยน จากนั้นคารวะพวกเขาเป็นคำรบที่สองแล้วเดินลิ่วๆ กลับไป
แม่นางน้อยนั่นช่างมีน้ำใจโดยแท้ หยางโฮ่วเฉิงมองดูรถม้าออกแล่นช้าๆ พลางเอ่ยพึมพำ
จูเยี่ยนยิ้มแย้ม เขากำขวดกระเบื้องในมือแน่น หมุนกายกลับไปก็เห็นฉือชั่นยืนอยู่หน้าประตูไม่พูดไม่จา
เขาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดใหม่แล้ว มองไม่เห็นคราบเลือดเปรอะทั่วหัวไหล่อีก
จูเยี่ยนตวัดข้อมือโยนขวดกระเบื้องไปให้
ขวดกระเบื้องสีขาวกระจ่างพุ่งลอยเป็นวิถีโค้งสวยงามกลางอากาศไปตกลงในมือฉือชั่นอย่างแม่นยำ
เขากำมันไว้แน่นไม่กล่าวคำใด และหันหลังกลับเข้าห้องไป
* ผักกาดขาวกับสุกร เป็นคำอุปมา หมายถึงผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่คู่ควรกัน ในทำนองเดียวกับสำนวนที่ว่า ดอกไม้สดปักในกองขี้วัว
* หนึ่งถ้วยชา เป็นคำอุปมา หมายถึงช่วงเวลาที่สั้นมาก บางตำรากล่าวว่าเทียบได้กับเวลาประมาณ 10-15 นาที