หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 155
“ท่านหมอเทวดามอบเจ้าให้คุณหนูสามของพวกข้า?”
“เป็นเช่นนี้ขอรับ ท่านหมอเทวดากล่าวว่าสารถีที่ควบขับรถม้าให้คุณหนูสามเมื่อวานมีอาการป่วย จะใช้งานเขาอีกไม่ได้ ดังนั้นส่งข้ามาเป็นสารถีของคุณหนูขอรับ” เฉินกวงพูดอธิบาย
ที่แท้เป็นเช่นนี้!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งระบายลมหายใจเฮือก “ชิงอวิ๋น พาพ่อหนุ่มไปขึ้นทะเบียนกับผู้ดูแล หลังจากนั้นเพิ่มค่าจ้างให้สารถีอีกสามส่วน”
เฉินกวงรีบเอ่ยบอก “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ทางจวนไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแรงให้ข้า ท่านหมอเทวดาบอกว่าให้ข้าเป็นสารถีประจำตัวคุณหนูสาม ส่วนเงินค่าแรงท่านให้มาแล้วขอรับ”
เขามิใช่สารถีจริงๆ สักหน่อย รอเมื่อท่านแม่ทัพแสดงฝีมือสู่ขอคุณหนูสามไปเป็นภรรยาได้ในเร็ววัน เขาก็ยังต้องเป็นองครักษ์ประจำตัวท่านแม่ทัพต่อ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินกวงเศร้าใจอยู่สักหน่อย
บัดนี้องครักษ์ประจำตัวท่านแม่ทัพเป่ยเจิงผู้ทรงเกียรติเช่นเขากลายมาเป็นสารถีให้สตรีนางหนึ่ง หากวันหน้าท่านแม่ทัพไม่อาจคว้าสาวงามไปครองคู่ได้ ท่านแม่ทัพต้องรู้สึกผิดต่อเขาเป็นคนแรก!
“อย่างนี้นั่นเอง ชิงอวิ๋นไปจัดเตรียมห้องพักให้พ่อหนุ่มเถอะ จริงสิ ยังไม่รู้ว่าเลยเจ้ามีนามว่ากระไร”
“ข้ามีนามว่าเฉินกวงขอรับ” เขาเผยรอยยิ้มเจิดจ้า
“เป็นนามที่ดี” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพยักหน้าแล้วสั่งให้ชิงอวิ๋นพาเฉินกวงออกไป
เพลานี้เองมีคนเข้ามารายงานอีกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า มีคนจากวังหลวงมาที่จวนเจ้าค่ะ”
“วังหลวง?” ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฉายแววตระหนกแกมกังขา
ทุกคนในโถงมองหน้ากันไปมา
คนที่มารายงานกล่าวว่า “พระสนมลี่ผินทรงส่งคนถือของขวัญมามอบให้คุณหนูสามเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งได้ยินแล้วรีบเตรียมเนื้อเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปต้อนรับด้วยตนเอง
ผู้นำของขวัญมาเป็นขันทีหนุ่มผู้หนึ่ง ถือกล่องไม้สามชั้นสีแดงสลักลายใบหนึ่งไว้ด้วยสองมือ เขาเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “เมื่อวานฝนตกหนัก องค์หญิงเก้าของพวกข้าได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูสามของจวนท่าน พระสนมซาบซึ้งพระทัยเป็นอันมาก มีรับสั่งให้ข้านำของขวัญมามอบให้คุณหนูสามเป็นพิเศษ มิทราบว่าท่านใดคือคุณหนูสามหรือขอรับ”
ขันทีหนุ่มพูดพลางกลอกตามองไปที่ตัวหลีเจี่ยวกับเฉียวเจาสลับไปมา สุดท้ายหยุดอยู่ที่ใบหน้าของหลีเจี่ยว
คุณหนูมีอยู่สองคน คนนี้ดูท่าทางอายุมากกว่า น่าจะเป็นคนที่ช่วยองค์หญิงเก้าไว้กระมัง ส่วนอีกคนหนึ่งอ่อนเยาว์ไปบ้างจริงๆ
สายตาที่มองมาของขันทีหนุ่ม ทำให้รอยยิ้มตรงมุมปากของหลีเจี่ยวชะงักค้างไป ในใจนางอับอายเหลือจะกล่าว
หลีซานช่วยองค์หญิงเก้าไว้จริงๆ เรื่องใหญ่ปานนี้กลับไม่บอกกล่าวตั้งแต่เมื่อวาน ปล่อยให้ตนกระโดดลงหลุมพราง
นางต้องตั้งใจเป็นแน่!
“เจาเจา ยังไม่ขอบพระทัยพระสนมลี่ผินที่พระราชทานรางวัลให้อีก”
เฉียวเจาสืบเท้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง ยอบกายคำนับขันทีหนุ่ม “ขอบพระทัยพระสนมที่พระราชทานรางวัลให้เพคะ”
ขันทีหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจพอดู เขายื่นกล่องไม้แดงส่งให้ “คุณหนูสาม พระสนมของพวกข้าตรัสว่าเรื่องที่ท่านช่วยเหลือองค์หญิงไว้เมื่อวานนี้ ทรงจดจำไว้ในพระทัยแล้ว รอเมื่อองค์หญิงทรงหายดี จะให้มาขอบคุณท่านด้วยพระองค์เอง”
กล่องไม้สีแดงที่อยู่ในมือหนักอยู่สักหน่อย เฉียวเจาย่อตัวคารวะพลางกล่าว “พระสนมเกรงพระทัยเกินไป เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ โปรดทูลต่อพระสนมด้วยว่าไม่ต้องเก็บมาใส่พระทัย กงกง* อุตส่าห์ดั้นด้นนำของมาให้ถึงที่นี่ ลำบากท่านแล้วเจ้าค่ะ”
“ใช่แล้ว กงกงต้องอยู่ดื่มน้ำชาสักถ้วยก่อนกลับไปนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวผสมโรง
ถ้อยคำของเฉียวเจาทำให้ขันทีหนุ่มปลอดโปร่งใจ พาให้รอยยิ้มขยายกว้างขึ้น “ไม่ล่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปรายงานขอรับ”
เขาพูดเช่นนี้ทว่ามิได้ขยับกาย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งผ่านโลกมามาก ย่อมอ่านใจขันทีหนุ่มได้ปรุโปร่ง นางส่งสายตาไปทางหรงมามา
หรงมามาเอาถุงผ้าปักใบหนึ่งยัดใส่มือเขา “น้ำใจเล็กน้อยให้กงกงดื่มน้ำชา อย่าปฏิเสธเลยนะเจ้าคะ”
ขันทีหนุ่มลอบกำๆ ถุงผ้าปักดูแล้วพอใจมาก ออกมาหนนี้ได้เงินสิบกว่าตำลึงนับว่าไม่เลวเลย
พระสนมลี่ผินมีชาติตระกูลต่ำต้อย อีกทั้งมิได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็นพิเศษ ความเป็นอยู่ได้แต่พึ่งพาพวกของปันส่วนกับเบี้ยหวัด ส่วนข้าราชสำนักที่รับใช้พระสนมอย่างพวกเขาต้องอยู่อย่างกระเหม็ดกระแหม่ ของมากกว่าครึ่งในกล่องนี้ยังเป็นองค์หญิงที่ใส่เพิ่มเข้าไปเองเพื่อไม่ให้เสียหน้า ไม่เช่นนั้นตามความคิดของพระสนม พระราชทานดอกไม้เสียบผมที่ทำขึ้นเป็นพิเศษในวังหลวงกล่องหนึ่งก็เป็นการให้เกียรติบุตรสาวของขุนนางนอกราชสำนักมากพอแล้ว
จะว่าไปแล้วเพราะองค์หญิงได้รับของพระราชทานจากบรรดาเจ้านายในวังดังเช่นไทเฮาอยู่บ่อยๆ ส่งผลให้มีฐานะมั่งคั่งกว่าพระสนมมาก หากเขามีโอกาสไปรับใช้องค์หญิงกลับจะดีกว่า
ขันทีหนุ่มซุกถุงผ้าปักไว้ในแขนเสื้อแล้วจากไปอย่างดีอกดีใจ
ส่วนพวกหลิวซื่อจ้องเขม็งไปที่กล่องในมือเฉียวเจาอย่างไม่ละสายตา
เฉียวเจาเห็นดังนั้นก็วางกล่องไม้สีแดงลงบนโต๊ะน้ำชา บอกอย่างใจกว้างว่า “ดูสิว่าพระสนมลี่ผินพระราชทานอะไรให้บ้าง”
ท่านย่าของนางเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ เคยเล่าเรื่องของโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบันให้นางฟัง
ฮ่องเต้หมิงคังฝักใฝ่ในการบำเพ็ญตบะ มิใช่จะขึ้นสวรรค์ไปเป็นเทพ แต่เพื่อชีวิตอมตะจะได้ครองบัลลังก์กษัตริย์ไปพันปีหมื่นปี กระนั้นกับพระโอรสที่มีอยู่แค่สองพระองค์ ทางหนึ่งเขาให้ความสำคัญในฐานะทายาทผู้สืบสกุล ถ้าเกิดบำเพ็ญเพียรเป็นอมตะไม่สำเร็จ ราชบัลลังก์ของสกุลเจียงยังคงต้องตกทอดต่อไปตามครรลอง แต่อีกทางหนึ่งก็หวาดหวั่นสุดใจว่าตนเองเป็นฮ่องเต้นานๆ พระโอรสจะอดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นก่อกบฏบีบบังคับให้สละบัลลังก์ ดังนั้นจึงป้องกันระวังพวกเขาทุกทาง ปกติถ้าขุนนางคนใดเข้าไปใกล้ชิดกับพระโอรสก็ต้องโดนกระหนาบตักเตือนยกหนึ่ง เป็นเหตุให้ชีวิตองค์ชายทั้งสองมิได้สุขสบายดังเช่นที่สามัญชนคิดกัน
กระทั่งพระโอรสยังเป็นเฉกนี้ สภาพของนางสนมทั่วไปเพียงตรองดูก็รู้ได้ เฉียวเจาคะเนได้ว่าของขวัญที่พระสนมลี่ผินมอบให้ตนจะต้องเป็นสิ่งของฝีมือประดิดประดอยทว่าไม่มีราคาค่างวดมากนัก แทนที่จะหอบกลับไปแล้วทำให้ใครต่อใครใจจดใจจ่อคาดเดากันไปส่งเดช มิสู้ใจกว้างเปิดให้ดูอย่างชัดเจนไปเลยดีกว่า
เฉียวเจาดึงลิ้นชักชั้นที่หนึ่งออก เป็นดอกไม้เสียบผมทั้งหมด ฝีมือละเอียดประณีตล้ำเลิศ งดงามสมจริงดุจมีชีวิต ลายดอกไม้ล้วนเป็นแบบที่เด็กสาวชมชอบที่สุด ทั้งยังมีเฉพาะในวังหลวง สวมใส่ออกนอกเรือนย่อมมีหน้ามีตามาก
นางดึงลิ้นชักชั้นที่สองต่อ เป็นขวดแก้วสีขนาดกะทัดรัดรูปทรงนานาชนิดสิบกว่าใบ ของเหลวในนั้นมีสีสันต่างๆ กันไป มันคือน้ำปรุงจากโพ้นทะเลซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลายในช่วงสองปีมานี้ และเป็นของบรรณาการ
ลิ้นชักชั้นที่สามถูกดึงออกกลับว่างโหรงเหรง บนผ้าบุชั้นในสีขาวราวหิมะมีกำไลหยกสีแดงวงหนึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ เปล่งประกายสะดุดตา
เหอซื่อก็ตาแหลม กล่าวโพล่งขึ้นว่า “กำไลหยกโลหิต?”
หยกโลหิตเป็นของหายาก กำไลหยกโลหิตวงหนึ่งเช่นนี้ทุ่มเงินหมื่นชั่งยังยากจะเสาะหาได้
หลิวซื่อเคยได้ยินกิตติศัพท์ของกำไลหยกโลหิตมาก่อน นางอดจุปากด้วยความทึ่งไม่ได้
วันนี้คุณหนูสามกลายเป็นเศรษฐีแล้วจริงๆ!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งครองตัวเป็นม่ายแต่วัยสาว ไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับสิ่งเหล่านี้แล้ว นางโบกมือไปมาพลางกล่าว “ปิดหีบพวกนี้ให้เรียบร้อยทั้งหมดแล้วยกไปที่เรือนหยาเหอให้คุณหนูสาม”
ทั้งหมดนี้เป็นของหลานเจา ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น ตอนนี้เงินใช้สอยเร่งด่วนที่สุดในจวนคือซื้อรถม้าสองคัน!
ยามมองดูสมบัติล้ำค่าถูกแบกออกไปหีบแล้วหีบเล่า หลิวซื่อก็ใจสลาย
แบกออกไปแล้วๆ จะแบกออกไปเช่นนี้หรือ ดีชั่วคุณหนูสามก็ทำตามมารยาทสักนิด แบ่งดอกไม้เสียบผมให้บุตรสาวข้าไว้ติดผมบ้างสักสองสามดอก…
เฉียวเจากลับถึงเรือนหยาเหอ นางมองหีบที่วางกองเต็มห้องแล้วขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นเริ่มจัดการแจกจ่ายออกไปอย่างเฉียบขาดฉับไว
“อาจู คัดเลือกแพรพรรณในหีบนี้ ลายที่ดูเคร่งขรึมเอาไปมอบให้นายท่านใหญ่ ที่เหลือส่งไปให้คุณชายสาม”
ปิงลวี่ใจสั่นวูบหนึ่ง
พวกนี้เป็นผ้าเนื้อดีทั้งนั้น คุณหนูยกให้คนอื่นไปเช่นนี้หรือ จะเก็บไว้ให้ว่าที่ท่านเขยก็ได้นี่!
“ส่วนดอกไม้เสียบผมกล่องนี้เหลือแบบเรียบง่ายให้ข้าสองสามดอก เจ้ากับปิงลวี่เลือกไปคนละสองดอก สือหลิวกับชิวโอ่วคนละดอก ส่วนที่เหลือแบ่งเท่าๆ กันมอบให้คุณหนูทั้งหลาย”
ปิงลวี่เพียงรู้สึกว่ามีลูกธนูพุ่งปักกลางอก
อะไรนะ! จะแบ่งไปให้พวกคุณหนูคนอื่นทั้งหมดเลย?
อาศัยอะไร พวกนั้นไม่เคยทำดีต่อคุณหนูสักหน่อย!
“ยังมีไข่มุกกล่องนี้…”
ปิงลวี่โผเข้าไปกอดหีบใส่ไข่มุกทันที “คุณหนู ท่านสังหารข้าให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
* กงกง เป็นคำเรียกขันที