หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 166
บทที่ 166
ควันสีขาวลอยอวลขึ้นจากน้ำชาที่หกกระจายเต็มพื้นระลอกหนึ่ง
เฉียวเจามองโอวหยางเวยอวี่ พลางเปล่งเสียงกล่าวคำหนึ่ง “ยาเบื่อหนู?”
โอวหยางเวยอวี่ชักสีหน้าทันควัน “ท่าน…”
เฉียวเจาก้มลงเก็บถ้วยน้ำชาขึ้น ก่อนจะตวัดข้อมือโยนมันลงทะเลสาบที่ขุดขึ้นไม่ไกลนัก
เสียงของตกน้ำทำให้นกน้ำที่งีบหลับอยู่ตกใจตื่นรีบกระพือปีกบินหนีไป ขนนกหลายเส้นหลุดร่วงลงลอยคว้างอยู่เหนือผิวน้ำที่กระเพื่อมออกไปเป็นวงๆ
“คุณหนูโอวหยาง น้ำชานี้จะเตรียมให้คุณหนูหลันกระมัง”
“ท่านเห็นแล้วหรือ” หลักฐานวางยาพิษโดนเฉียวเจาทำลายทิ้งไป โอวหยางเวยอวี่หาได้รู้สึกซาบซึ้งใจแต่อย่างใด กลับทำหน้ามึนตึง “คุณหนูหลีซาน ไยท่านต้องยุ่งไม่เข้าเรื่องด้วย”
เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ
โอวหยางเวยอวี่สืบเท้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่งพลางถามไล่เลียง “หรือท่านเห็นว่าหลันซีหนงเป็นหลานสาวของหลันซานและบุตรสาวของหลันซงเฉวียน เลยคิดจะประจบประแจงนาง”
พอเห็นเฉียวเจาไม่พูดไม่จา นางยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้น กัดริมฝีปากกล่าวต่อ “ท่านรู้หรือไม่ว่าปู่และบิดาของนางกระทำเรื่องชั่วร้ายมามากมายเท่าไร หลันซานปรักปรำใส่ร้ายขุนนางสุจริตว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง ฝ่าฝืนอาญาบ้านเมืองได้โดยไร้ความเมตตาปรานีแม้แต่น้อยนิด หลันซงเฉวียนก็ยิ่งเจ้าเล่ห์อำมหิต ท่านพ่อข้าเคยพูดว่าอุบายต่ำช้าให้ร้ายขุนนางสุจริตของหลันซานพวกนั้น เขาแทบจะเป็นคนต้นคิดทั้งสิ้น! วันนี้ข้าจะวางยาพิษสังหารหลันซีหนง เหตุใดท่านต้องเข้ามาขวางด้วย”
“คงจะเป็นเพราะได้นิสัยชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องจากบิดาของข้ากระมัง” เฉียวเจาพูดเอื่อยๆ ไม่ใส่ใจน้ำเสียงฉุนเฉียวของอีกฝ่ายสักนิด
โอวหยางเวยอวี่นิ่งขึงไป ท่าทางก้าวร้าวคุกคามพลันอ่อนลงกะทันหัน
เรื่องที่บิดาของคุณหนูหลีซานโต้เถียงทวงความชอบธรรมกับองครักษ์จินหลินเพื่อรักษาเกียรติยศอันน้อยนิดให้ท่านพ่อของนาง ในสายตาของคนอื่นจะมิใช่ยุ่งไม่เข้าเรื่องหรอกหรือ
เด็กสาวมิใช่คนที่ไม่รู้ดีชั่ว วันนี้นางตัดสินใจวางยาพิษสังหารหลันซีหนงก็เตรียมใจแต่แรกว่าต้องตายอย่างแน่นอน แท้ที่จริงคุณหนูหลีซานหยิบถ้วยน้ำชาพิษไปเพื่อช่วยนาง ตอนนี้ยังตอบกลับนางด้วยถ้อยคำนี้ ทำให้นางจนวาจาแล้วจริงๆ
โอวหยางเวยอวี่ยกมือลูบดวงตา ห้ามน้ำตามิให้ไหลลงมา
นางร้องไห้ไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ท่านพ่อถูกองครักษ์จินหลินจับตัวไป นางก็ร้องไห้มากพอแล้ว
“คุณหนูหลีซาน ข้ารู้ว่าท่านปรารถนาดี แต่ข้าหวังว่าท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ ข้าปลงใจแน่วแน่แล้ว วันนี้จะไม่ปล่อยให้หลันซีหนงมีชีวิตรอดกลับไปเป็นแน่ ถ้าท่านจะขัดขวางอีกก็เท่ากับส่งเสริมคนเลวก่อกรรมทำชั่ว!”
สีหน้าของเฉียวเจาสงบนิ่งดุจเดิม นางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมเอ่ย “คุณหนูโอวหยาง ความจริงข้าไม่ใคร่เข้าใจเท่าใดนัก อยากขอคำชี้แนะสักหน่อย”
“ว่ามาสิ” ความรู้สึกในใจของโอวหยางเวยอวี่ที่มีต่อเฉียวเจานั้นสลับซับซ้อนมาก
เพราะหลีกวงเหวินยื่นมือช่วยบิดาของนาง ยังมีการแสดงความสามารถอันล้ำเลิศน่าทึ่งของเฉียวเจาก่อนหน้านี้ รวมถึงเรื่องที่หยิบน้ำชาพิษไป ส่งผลให้นางรู้สึกเชื่อถือเฉียวเจาอยู่ลึกๆ เพิ่มขึ้นตามสัญชาตญาณ ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ตัว
“เมื่อครู่คุณหนูโอวหยางพูดถึงความชั่วร้ายต่างๆ นานาของสมุหราชเลขาธิการหลันซานกับบุตรชายของเขาหลันซงเฉวียน ทว่าเรื่องพวกนี้เกี่ยวอันใดกับหลันซีหนงหรือ”
“จะไม่เกี่ยวกันได้อย่างไร ถ้าหลันซีหนงไม่ใช่หลานสาวของสมุหราชเลขาธิการ อาศัยอะไรถึงได้เสวยสุขถูกห้อมล้อมไปด้วยพวกพ้องบริวารมากมาย ในเมื่อนางได้รับเกียรติยศบารมีจากปู่และบิดา จะไม่สมควรแบกรับผลลัพธ์เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้หรือ ที่แท้คุณหนูหลีซานเป็นคนใจดีพร่ำเพรื่อเช่นนี้นี่เอง”
“หาใช่เป็นความใจดีพร่ำเพรื่อไม่ ข้าเพียงรู้สึกว่าคุณหนูโอวหยางให้ความสำคัญผิด ต่อให้วันนี้ท่านวางยาพิษสังหารหลันซีหนง จะเกิดประโยชน์อะไรต่อเรื่องของบิดาท่านได้หรือ”
โอวหยางเวยอวี่นิ่งงันไปกับคำถามนี้ นางกัดริมฝีปากกล่าวตอบ “อย่างน้อยทำให้หลันซานกับบุตรชายได้รู้ซึ้งว่าความเจ็บปวดของการสูญเสียคนในครอบครัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
เฉียวเจาหัวร่อเบาๆ
“นี่มีอันใดน่าขัน”
แม่นางเฉียวพิงต้นไห่ถังด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าได้ยินว่าสมุหราชเลขาธิการหลันซานกับภรรยารักใคร่กันลึกซึ้ง เขาไม่รับอนุนางบำเรอและให้กำเนิดบุตรชายคนเดียวคือหลันซงเฉวียน ทว่าหลันซงเฉวียนกลับต่างจากบิดาไปไกลคนละโยชน์ มีอนุนางบำเรอนับไม่ถ้วนและบุตรชายบุตรสาวมากมาย แม้หลันซีหนงจะเป็นบุตรสาวสายเลือดภรรยาเอกเพียงคนเดียว แต่สำหรับเขาแล้ว เกรงว่าคงมิได้มีความสลักสำคัญดังเช่นคุณหนูโอวหยางคิดจริงๆ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่อาจเทียบได้กับน้ำหนักของบิดาท่านในใจของท่านแม้สักเศษเสี้ยว คุณหนูโอวหยางเป็นคนฉลาด ลองตรองดูว่าการค้าขายเช่นนี้คุ้มค่าหรือไม่”
โอวหยางเวยอวี่อึ้งงันไปโดยสิ้นเชิง
“เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องของบิดาท่านยังไม่ได้ตัดสินชี้ขาด คุณหนูโอวหยางก็ลงมือกับหลันซีหนง ไหนเลยจะรู้ว่าสมุหราชเลขาธิการกับบุตรชายจะอ้างเหตุนี้จัดการบิดาท่านอย่างเหี้ยมโหดขึ้นไปอีกขั้นหรือไม่”
โอวหยางเวยอวี่สะดุ้งเฮือก
เฉียวเจาทอดสายตาไปทางศาลา ดวงตาทอแววลึกล้ำ “คุณหนูโอวหยางบอกว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง คำกล่าวนี้ไม่ผิด ข้าทนดูเด็กสาวในวัยแรกแย้มงามสะพรั่งผู้หนึ่งจบชีวิตลงอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ คนผู้นั้นมิใช่แค่หลันซีหนง ยังมีท่านด้วยคุณหนูโอวหยาง”
นางเคยตายแล้วฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ถึงยิ่งรู้ว่าชีวิตล้ำค่าเพียงใด
มิใช่ว่าคนจะตายไม่ได้ ทว่าต้องตายอย่างมีคุณค่า ถึงโอวหยางเวยอวี่วางยาพิษสังหารหลันซีหนงได้แล้วจะมีความหมายใดเล่า
อย่างมากหลันซานกับบุตรชายคงเศร้าโศกเสียใจบ้าง ต่อจากนั้นคนที่ให้ร้ายขุนนางสุจริตก็ยังคงให้ร้ายขุนนางสุจริตอีก คนต้นคิดอุบายโฉดชั่วก็ยังคงออกอุบายโฉดชั่วต่อไป ส่วนราคาที่ต้องจ่ายในครานี้มีเพียงชีวิตของเด็กสาวสองคนรวมกับเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่ต้องพบกับความเดือดร้อน
“แล้ว…แล้วถ้าพวกเขาทำให้ท่านพ่อข้าตายล่ะ ข้าขอยอมตายดีกว่าปล่อยให้คนที่ให้ร้ายท่านพ่อข้ายังคงลอยนวลต่อไป” โอวหยางเวยอวี่พูดพึมพำ
ทีแรกนางตกลงปลงใจพลีชีพวางยาพิษสังหารหลันซีหนง ครั้นได้ยินถ้อยคำของเฉียวเจา จู่ๆ นางก็สับสนว้าวุ่นใจขึ้นมา
นางเอาชีวิตหนึ่งแลกชีวิตหนึ่ง กลับปราศจากความหมายสักนิดดังที่คุณหนูหลีซานพูดจริงๆ หรือ
เฉียวเจามองโอวหยางเวยอวี่นิ่งๆ พลางกล่าวทอดถอนใจ “ถ้าไม่กลัวแม้แต่ความตาย เช่นนั้นก็ยิ่งต้องพยายามมีชีวิตอยู่เพื่อคิดให้ดีๆ ว่าสมควรทำเช่นไรกันแน่จึงจะมีคุณค่า มิใช่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ในสวนที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยงามแห่งนี้ด้วยความหุนหันพลันแล่นชั่ววูบ”
โอวหยางเวยอวี่นิ่งเงียบไป
“เรื่องที่แต่ละคนต้องการทำ ผู้อื่นเพียงยับยั้งได้ชั่วครู่ชั่วยาม ไม่อาจยับยั้งไปได้ชั่วชีวิต คุณหนูโอวหยางไตร่ตรองให้ละเอียดเถิด ข้ากลับไปก่อนล่ะ”
เฉียวเจากล่าวคำนี้ทิ้งท้ายไว้แล้วก้าวขาเดินไปทางศาลา แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เหลียวกลับมา “จริงสิ คุณหนูเจียงที่อีกประเดี๋ยวจะทดสอบข้าผู้นั้น คุณหนูโอวหยางคุ้นเคยกับนางหรือไม่”
โอวหยางเวยอวี่งงงันไป เมื่อตั้งสติได้อีกครา เด็กสาวที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องผู้นั้นก็เดินเอ้อระเหยไปไกลแล้ว
เฉียวเจาเพิ่งย่างเท้าเข้าไปในศาลา ตู้เฟยเสวี่ยก็มุ่นคิ้วกล่าวขึ้นว่า “คุณหนูหลีซาน ท่านหายไปที่ใดมา เมื่อครู่นี้หาท่านไม่พบ ข้าเลยสั่งคนไปตามหาท่านแล้ว”
“ไปห้องเวจเสร็จ จากนั้นก็เดินเล่นตามสบาย”
“อ้อ เช่นนั้นไฉนไม่บอกกล่าวกันสักคำเล่า” ตู้เฟยเสวี่ยต่อว่าต่อขาน
เฉียวเจาถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ไปห้องเวจก็ต้องรายงานด้วยหรือ”
“ท่าน…” ตู้เฟยเสวี่ยโดนตอกกลับก็กระอักกระอ่วนใจสุดจะกล่าว
หลันซีหนงเห็นเช่นนั้นจึงส่งเสียงตัดบท “เอาล่ะ คุณหนูหลีซาน ในเมื่อท่านกลับมาแล้วก็เฉลยคำโคลงวรรคหลังเถอะ”
“หือ?”
ตู้เฟยเสวี่ยกระแอมกระไอก่อนเอ่ยขึ้น “เรื่องเป็นอย่างนี้ ทั้งสองฝ่ายล้วนคิดคำโคลงวรรคหลังไม่ออกจึงถือว่าเสมอกัน ก็เลยรอท่านเฉลยคำโคลงวรรคหลังน่ะสิ”
เมื่อเห็นทุกคนจ้องตาโต เฉียวเจาถึงได้อ้าปากพูด “คำโคลงคู่บทนี้ ข้ามีวรรคหลังอยู่ประโยคหนึ่ง แต่ไม่นับว่าดี…”
“พูดมากอยู่ได้ ให้ท่านเฉลย ท่านก็เฉลยเป็นพอ” หลันซีหนงกล่าวเสียงมึนตึง
แม่นางเฉียวกระตุกมุมปาก นึกในใจว่า คุณหนูผู้นี้กระทำตัวได้น่าชังดีแท้ รู้อย่างนี้น่าจะปล่อยให้คุณหนูโอวหยางจัดการเสีย
“วรรคแรกคือ ‘เฝ้ามองฟ้า ฟ้าแลตะวัน วันวันเฝ้าแลฟ้ามองตะวัน’ ” เฉียวเจากวาดสายตาผ่านเด็กสาวแต่ละคนไปช้าๆ สุดท้ายหยุดที่ใบหน้าของตู้เฟยเสวี่ยพร้อมกับพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าต่อคำโคลงวรรคหลังว่า ‘วอนคนยาก ยากวิงวอนคน คนทุกคนเดือดร้อนยากวิงวอนใคร’ ”